ไม่ใช่ถูกจับถ่วงน้ำไปแล้วหรือ? เหตุใดถึงมาปรากฏตัวที่ตำหนักจินหลวน? หรือพวกเขากำลังเห็นผีกลางวันแสกๆ?
ขันทีหลี่ตกตะลึง ไม่ควรเป็นเช่นนี้สิ เขาทำให้คนจมน้ำไปกับตา ก้อนหินที่ผูกไว้หนักเช่นนั้น ต่อให้ถนัดทางน้ำเพียงใดก็เป็นไปไม่ได้ที่จะว่ายน้ำขึ้นมา
แน่นอนว่าขันทีหลี่ไม่คิดว่าขันทีหวังจะถูกอวิ๋นเฟยช่วยชีวิต แต่ต่อให้คิดได้ก็ไม่มีประโยชน์ คนที่ควรตายไปแล้วกลับไม่ตาย สถานการณ์ต่อไปเกรงจะน่ากระอักกระอ่วน
“ขันทีหวัง เจ้าไม่ได้เป็นไข้ทรพิษ…กำลังจะตายหรือ?” ผู้ถามเป็นขันทีกระทรวงขุนนาง ฮองเฮากล่าวได้ครึ่งหนึ่งก็สะอึกสะอื้นไม่เป็นเสียง พวกเขาจึงอนุมานได้ว่าขันทีหวังไม่ตายก็ใกล้ตายเต็มทีแล้ว แต่ดูจากท่าทีมีเรี่ยวแรงแข็งขันของขันทีหวัง อย่างไรก็ไม่เหมือนคนใกล้ตายสักนิด!
ขันทีหวังตะคอก “ข้าเนี่ยนะ! ผู้ใดเป็นไข้ทรพิษใกล้ตาย? ข้าไม่ได้สบายดีอยู่รึ?”
ขันทีกระทรวงขุนนางมองมาที่เขา จากนั้นก็มองไปยังฮองเฮาที่สีหน้าตึงเครียด “ก็เมื่อครู่…”
“เมื่อครู่อันใด?” ขันทีหวังแกล้งจงใจถาม “มีคนแช่งให้ข้าเป็นไข้ทรพิษหรือ? ฮึ ข้าถูกรับสั่งให้ออกจากวังไปจัดการธุระของฝ่าบาท!”
ชายคนนี้ไม่เพียงแต่ไม่ตายที่ก้นทะเลสาบ แต่ยังฉวยโอกาสหนีออกไปจากวัง ช่างน่าชิงชังยิ่งนัก!
ใบหน้าของฮองเฮาและขันทีหลี่ต่างเปลี่ยนไปไม่น่าดู
ฮองเฮาลอบจ้องมองขันทีหลี่ และกล่าวด้วยเสียงที่ได้ยินเพียงสองคน “มิใช่บอกว่าจัดการเรียบร้อยแล้วหรือ? คนมีชีวิตอยู่ทั้งคนนี่มาได้อย่างไร?”
“เป็นความประมาทของข้าเอง” ขันทีหลี่ไม่กล้าปัดความผิด
ยามนี้สอบสวนความผิดของขันทีหลี่ไม่มีความหมาย การข้ามผ่านความยากลำบากในยามนี้โดยเร็วเป็นเรื่องเร่งด่วน
ดวงตาของฮองเฮาเกิดประกายวาบผ่าน “เจ้าโกหกว่าเจ้าไม่สบายใจ แปดเก้าส่วนน่าจะติดเชื้อไข้ทรพิษ ให้ข้าแยกเจ้าออกไป ไม่ต้องส่งคนไปดูแลเจ้า ที่แท้เป็นเรื่องโกหก เจ้าหลบหนีโดยพลการ! แต่เมื่อเจ้าหนีไปแล้ว เหตุใดเจ้าถึงยังกล้ากลับมา? หรือว่าเจ้าสมรู้ร่วมคิดกับใครบางคนคิดก่อการกบฏกระมัง?”
เจ้านั่นล่ะที่สมคบคิดกบฏ! แม่มดเฒ่าไร้ยางอาย!
ต้องบอกว่าหมวกของฮองเฮามัดปมไว้อย่างดีทีเดียว ไม่เพียงแต่ทำให้คำโกหกของตนเมื่อครู่สำเร็จลุล่วงด้วยดี ยังทำให้ขันทีหวังกลายเป็นคน ‘ก่อความวุ่นวายในราชสำนัก’ หากเขาทำสงครามกับฮองเฮาต่อไป ก็จำต้องชั่งน้ำหนักว่าเหล่าขุนนางจะเชื่อหรือไม่
“หึ!” ขันทีหวังกลอกตา ไม่เถียงกับฮองเฮาเรื่องความจริงที่เขาออกจากวัง ไม่ว่าจะเป็นพระราชโองการก็ดี โกหกเรื่องไข้ทรพิษก็ดี ล้วนไม่ใช่ความจริง เขาหนีออกจากวังด้วยความช่วยเหลือของอวิ๋นเฟย อวิ๋นเฟยมีบุญคุณกับเขา เขาไม่ต้องการลากผู้มีบุญคุณกับเขามาเกี่ยวข้องในเวลานี้
ขันทีหวังชั่งน้ำหนักพระราชโองการในมือของเขา “อย่างที่นักแสดงหญิงผู้นี้กล่าว ข้ามาที่นี่ในวันนี้เพื่ออ่านพระราชโองการแก่ขุนนางทุกท่าน”
“เหตุใดจึงมีพระราชโองการอีกฉบับหนึ่ง?”
“จริงด้วย? หรือฝ่าบาททรงมอบให้ฮองเฮาหนึ่งฉบับ และให้ขันทีหวังอีกหนึ่งฉบับ?”
บรรดาขุนนางเริ่มกระซิบกระซาบกัน
กล่าวอย่างเป็นธรรม ฮองเฮาและขันทีหวังล้วนเป็นบุคคลที่องค์ประมุขไว้วางใจอย่างยิ่ง ไม่ว่าพระราชโองการจะมอบให้ผู้ใดก็หาใช่เรื่องน่าประหลาดใจ แต่สิ่งที่แปลกคือ คนหนึ่งในมือถือราชโองการฉบับหนึ่ง และมองอีกฝ่ายอย่างตาต่อตาฟันต่อฟัน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาขัดแย้งกัน
ฮองเฮามองไปที่พระราชโองการในมือขันทีหวังด้วยดวงตาเย็นชา
ขันทีกระทรวงขุนนางถือฮู่ป่าน[1]ไปด้านหน้า “ในเมื่อมีรับสั่งขององค์ประมุขสองฉบับ จึงเป็นการดีกว่าที่จะขอให้ฮองเฮาและขันทีหวังประกาศเนื้อหาของรับสั่งองค์ประมุขด้วยกันทั้งสอง”
ฮองเฮาพยักหน้าให้ขันทีหลี่
ขันทีหลี่อ่านพระราชโองการอีกครึ่งหนึ่งจบ ซึ่งหมายความโดยประมาณว่าองค์ประมุขทรงประชวรหนัก และไม่สามารถรักษาให้หายได้ แต่งตั้งหนานกงหลีเป็นองค์ประมุของค์ใหม่ ส่วนพระองค์เองเป็นไท่ซ่างหวาง และให้ฮองเฮาเป็นไทเฮาผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
“ฮ่า!” เมื่อขันทีหวังฟังจบ ก็หัวเราะอย่างประหลาดใจ “หนานจ้าวมีประมุขหญิงผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ แต่ไม่เคยได้ยินว่ามีไทเฮาผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์มาก่อน นักแสดงหญิงผู้นี้มีความกระหายอยากอาหารดียิ่งนัก ยังคิดจะควบคุมราชสำนักอีกหรือ?”
ขันทีหลี่กล่าวอย่างเคร่งขรึม “ขันทีหวัง! เจ้าไม่อาจดูหมิ่นฮองเฮา!”
ขันทีหวังกลอกตา!
อวี้สื่อต้าฟู[2]หันมองขันทีหวัง “หากเป็นเช่นนั้น ขอบังอาจถามว่าในมือของเจ้าเป็นพระราชโองการใด?”
ขันทีหวังชูพระราชโองการขึ้น “ในมือข้า…คือคำสั่งปลดฮองเฮา!”
ฮองเฮาซวนเซ!
ขันทีหลี่จับตัวนางไว้ทันเวลาและเอ่ยเตือนเสียงต่ำ “ฮองเฮา!”
บรรดาขุนนางต่างตกตะลึงพรึงเพริด วันนี้ก่อนออกมาพวกเขาลืมเปิดปฏิทินโหราศาสตร์หรือ เหตุใดราชสำนักจึงเกิดคลื่นลมกระพือฮือโหมเช่นนี้? องค์ประมุขชราต้องการปลดฮองเฮา? ปลดฮองเฮาที่เป็นที่โปรดปรานของเขามาตลอดชีวิต?
เป็นไปได้อย่างไร?
ทุกคนต่างมองไปที่ฮองเฮา
ฮองเฮาที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง “ทุกท่านอย่าไปเชื่อเขา! ข้ากับฝ่าบาทมีความรักอย่างลึกซึ้ง ฝ่าบาทจะปลดข้าได้อย่างไร? หวังเต๋อเฉวียนต้องสมรู้ร่วมคิดกับผู้อื่นเพื่อเล่นงานข้าเป็นแน่! หวังเต๋อเฉวียน! เจ้าจงบอกมาว่าผู้ใดยุยงให้เจ้าคิดร้ายกับข้า”
ขันทีหวังฮึดฮัด “คนที่บอกข้าก็คือฝ่าบาท!”
ฮองเฮาร้อนรน “สามหาว! เห็นได้ชัดว่าฝ่าบาท…”
“ฮองเฮา!” ขันทีหลี่บีบมือฮองเฮาแน่น พลางเค้นเสียงลอดไรฟัน
ฮองเฮาได้สติรู้ตัว
ขันทีแซ่หวังผู้นี้ ตนประเมินเขาต่ำเกินไปจริงๆ เพียงไม่กี่คำก็เกือบถูกบีบบังคับให้เผยความลับ
“พระราชโองการฉบับนี้เขียนขึ้นโดยองค์ประมุขเอง หากใต้เท้าทุกท่านไม่เชื่อ ก็สามารถมาดูด้วยตัวตนเองว่าเป็นลายพระหัตถ์ขององค์ประมุขหรือไม่” ขันทีหวังกล่าวด้วยความมั่นใจ และส่งพระราชโองการไปยังขุนนางฝ่ายบุ๋นที่อยู่ถัดจากเขา
ผู้ที่สามารถมาที่ศาลในราชสำนักได้ล้วนเป็นขุนนางระดับสามขึ้นไป พวกเขาจึงต้องเคยเห็นลายพระหัตถ์ขององค์ประมุขเป็นธรรมดา แต่ผู้ที่เข้าใจลายพระหัตถ์ ก็ต้องดูสามมหาเสนาบดีสูงสุดและอัครมหาเสนาบดีทั้งหลาย
อวี้สื่อต้าฟูรับพระราชโองการขององค์ประมุขมา เขาเป็นหนึ่งในสามมหาเสนาบดีสูงสุด และได้รับการยกย่องจากฝ่าบาท ในห้องของเขามีการประดิษฐ์ตัวอักษรส่วนพระองค์แสดงอยู่ไม่น้อย เขาสามารถยืนยันได้ นี่เป็นลายมือของฝ่าบาทแน่นอน
หลังจากนั้นเขาก็นำพระราชโองการส่งให้ไท่ฟู่[3]และไท่เว่ย[4]ดู
ทั้งสองได้เห็นแล้วก็ยังบอกว่าไม่มีร่องรอยของการเลียนแบบหรือลอกลายแบบอักษร
ขันทีหวังลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก โชคดีที่เยี่ยนอ๋องยามเป็นราชบุตรเขยของประมุขหญิงไม่ได้คิดเรื่องการกบฏ มิฉะนั้นความสามารถนี้คงทำให้หนานจ้าวตกที่นั่งลำบากไปแล้ว!
ราชโองการได้กล่าวว่า ฮองเฮาประพฤติตนไม่เหมาะสม ทำลายศักดิ์ศรีแห่งชาติ สมรู้ร่วมคิดกับขุนนางชั่วช้า ก่อความวุ่นวายต่อราชสำนัก ทำลายผู้จงรักภักดี มีเรื่องอื้อฉาวในวังหลวง เป็นภัยร้ายแรง นับจากนี้เป็นต้นไปปลดตำแหน่งฮองเฮาเป็นสามัญชนและคุมขังในตำหนักเย็น
พระราชโองการฉบับนี้ กับฉบับในมือของฮองเฮาอาจกล่าวได้ว่ามีเนื้อหาที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เป็นไปไม่ได้ที่หลังจากองค์ประมุขคิดจะปลดฮองเฮา ก็อยากตั้งนางเป็นไทเฮาผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ดังนั้นในพระราชโองการสองฉบับนี้ต้องมีฉบับหนึ่งที่เป็นของปลอม
ขันทีหวังยืดเอวตรงและกล่าวว่า “ราชโองการของข้าได้รับการตรวจสอบแล้ว ว่าเป็นลายพระหัตถ์ของฝ่าบาท ทั้งตราประทับและอวี้ปั๋วก็เป็นของจริงเช่นกัน ส่วนฮองเฮา ไม่ทราบว่าท่านกล้านำพระราชโองการของท่านมาให้เหล่าขุนนางดูหรือไม่!”
สีหน้าฮองเฮาเปลี่ยนไป
ขันทีหวังเย้ยหยัน “ทำไมรึ? ไม่กล้า? เกรงว่าฮองเฮาคงไม่รู้กระมัง? ในห้องทรงอักษรของฝ่าบาทมีตราหยกแผ่นดินปลอมชิ้นหนึ่ง ท่านได้ขโมยไปผิดอันแล้ว!”
ฮองเฮาบีบนิ้ว
อวี้สื่อต้าฟูยกมือคำนับ “ฮองเฮา โปรดมอบพระราชโองการให้ใต้เท้าทั้งหลายชม”
ฮองเฮาตัวแข็งทื่อไม่ขยับ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]