ขันทีหวังนำจดหมายไปยังถนนซื่อสุ่ย
เยี่ยนจิ่วเฉากลับมาแล้ว
อิ่งสือซันก็กลับมาเช่นกัน
ขันทีหวังเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตำหนักจินหลวนแก่เยี่ยนจิ่วเฉา อวี๋หวั่น เยี่ยนอ๋องและเซียวเจิ้นถิงอย่างละเอียด เมื่อได้ยินมาว่าต้าเป่าถูกจับตัวไป เงาดำก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของทุกคน
อิ่งสือซันคุกเข่าข้างหนึ่งลง “ข้าละเลยหน้าที่”
เยี่ยนจิ่วเฉาไม่ได้กล่าวตำหนิ เพียงแต่ถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
อิ่งสือซันขมวดคิ้ว “ข้าเห็นการเคลื่อนไหวของขันทีหลี่แล้ว เดิมคิดจะรีบไปช่วยต้าเป่า แต่ข้าถูกกำลังภายในที่มองไม่เห็นกดไว้”
เยี่ยนจิ่วเฉากล่าวอย่างใจเย็น “ซิวหลัว?”
ความแข็งแกร่งของอิ่งสือซันในยามนี้ คนที่สามารถกดพลังเขาได้อย่างสมบูรณ์มีไม่มาก
อิ่งสือซันพยักหน้า “ยามนั้นน่าจะมีซิวหลัวอยู่ไม่ไกล”
อวี๋หวั่นขมวดคิ้ว “มิน่าเล่า หนานกงหลีถึงเอาแต่หดหัวอยู่ในกระดองไม่ไปราชสำนัก เพราะรอเวลานี้นี่เอง เขาเตรียมตัวสำหรับการนองเลือดในราชสำนักมานานแล้วใช่หรือไม่? หนานกงเยี่ยนฆ่าขันทีหลี่อย่างไม่เสียดาย เช่นนั้นขันทีหลี่ก็ไม่น่าใช่เขี้ยวเล็บของพวกเขา หากขันทีหลี่ไม่เริ่มชิงตัวต้าเป่า คนในราชสำนักก็อาจไม่มีผู้ใดที่รอดชีวิต”
เรื่องนี้ฟังดูบ้าเล็กน้อย แต่ฮองเฮาถูกผลักไปสู่ความสิ้นหวังแล้ว จากความชั่วร้ายของหนานกงหลี ไม่ใช่จะทำสิ่งที่น่ารังเกียจเช่นนี้ไม่ได้
ขันทีหวังตกตะลึงตาค้าง “เช่นนั้น…ก็ต้องขอบคุณขันทีหลี่?”
เนื่องจากขันทีหลี่ชิงตัวต้าเป่าไป ฮองเฮาจึงสามารถถอนตัวล่าถอย และเนื่องจากหนานกงเยี่ยนปรากฏตัวออกมา จึงประกาศสงครามต่อต้านตี้จีองค์โต หากมีทางรอด แน่นอนว่านางจะไม่มีทางเอาพิมเสนไปแลกเกลือเช่นนั้น
ขันทีหวังทอดถอนใจ “ฝ่าบาทน้อยใช้ตนเองช่วยชีวิตเหล่าขุนนางบู๊บุ๋น แต่จะทำอย่างไรต่อไป?”
อวี๋หวั่นกล่าว “ดูก่อนว่าหมายท้าประลองกล่าวเช่นไร”
เยี่ยนอ๋องเปิดจดหมายออก
จดหมายฉบับนี้ หนานกงเยี่ยนเขียนอย่างรีบร้อน ลายมือหวัดอ่านยาก แต่ในที่สุดก็จับความได้คร่าวๆ ว่าสามวันหลังจากนี้ จะเกิดศึกอวิ๋นโจวกับตี้จีองค์โตที่แท่นบูชา
“อะไรคือศึกอวิ๋นโจว?” อวี๋หวั่นถามอย่างงงงวย
เซียวเจิ้นถิงเบิกตาโพลงด้วยความงุนงง เห็นได้ชัดว่าเขาเคยได้ยินเกี่ยวกับศึกฉางผิง ศึกเยี่ยนเหมิน ศึกจวี้ลู่…แต่ศึกอวิ๋นโจวคือศึกบ้าอะไร?!
เยี่ยนจิ่วเฉาเอ่ยอย่างเงียบๆ “ว่ากันว่า องค์ประมุของค์แรกแห่งหนานจ้าวที่นั่งบัลลังก์มังกร ไม่ใช่องค์ประมุขผู้ก่อตั้ง”
แววแห่งความชื่นชมฉายผ่านดวงตาของเยี่ยนอ๋อง “ดูเหมือนฉงเอ๋อร์ก็รู้เรื่องศึกอวิ๋นโจว”
เยี่ยนจิ่วเฉากล่าว “ลุงใหญ่เคยกล่าวถึง แต่ไม่ได้กล่าวมากนัก”
อวี๋หวั่นสีหน้าไม่พอใจ “เหตุใดลุงใหญ่ไม่เคยกล่าวกับข้า?” เธอยังเป็นสตรีที่ครอบครัวโปรดปรานที่สุดอยู่หรือไม่?
เยี่ยนอ๋องมองสะใภ้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะผลักขนมที่อวี๋หวั่นโปรดปรานไปที่มือของเธออย่างสนิทชิดเชื้อ จากนั้นก็กล่าวต่อ “ใช่แล้ว ยามนั้นผู้ก่อตั้งราชวงศ์ทำลายประเทศและตั้งตนเป็นองค์ประมุขท่ามกลางประชาชน และตั้งเมืองหลวงอวิ๋นโจว แต่หลังจากย้ายเมืองหลวง ลูกพี่ลูกน้องก็ไม่พอใจ ดินแดนทุกคนร่วมสร้างมา องค์ประมุขก็ควรอยู่เคียงข้างพวกเขา ตั้งแต่สมัยโบราณไม่มีหลักเหตุผลเช่นนี้ ผู้ก่อตั้งราชวงศ์จึงไม่เห็นด้วยเป็นธรรมดา แต่ลูกพี่ลูกน้องผู้นั้นได้สร้างคุณูปการใหญ่หลวง มีชื่อเสียงมากมายในหมู่ประชาชนและกองทัพ ในท้ายที่สุดผู้ก่อตั้งราชวงศ์ก็คิดหาวิธีแข่งขันกับลูกพี่ลูกน้อง ผู้ชนะคือองค์ประมุข ผู้ก่อตั้งราชวงศ์พ่ายแพ้”
อวี๋หวั่นตะลึง “นั่น…”
เยี่ยนอ๋องทอดถอนใจ “เมื่อยอมเดิมพันก็ต้องยินดีรับความพ่ายแพ้ ผู้ก่อตั้งราชวงศ์ยอมยกบัลลังก์ให้จริงๆ แต่ลูกพี่ลูกน้องผู้นั้นไม่ใช่คนแปลกหน้า เขาเป็นองค์ประมุขนานกว่าสิบปีก่อนสิ้นอายุขัย จากนั้นก็คืนบัลลังก์ให้กับบุตรชายผู้ก่อตั้งราชวงศ์”
อวี๋หวั่นฮึดฮัด ก็ยังนับว่าคนผู้นั้นรู้จักผิดชอบชั่วดี แต่คิดดูดีๆ แล้วก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับความรู้สึกผิดชอบชั่วดี เขาเป็นคนท้าทายผู้ก่อตั้งราชวงศ์ เดิมทีผู้ก่อตั้งราชวงศ์ไม่ควรตอบรับ แต่เขากลับตกลงไปแล้ว
เยี่ยนอ๋องกล่าวต่อ “จากนั้นประเพณีของศึกอวิ๋นโจวก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย และดำรงสืบมา หากมีองค์ชายไม่พอใจที่พี่น้องเป็นรัชทายาท ก็สามารถท้าทายอีกฝ่ายได้ หากเขาชนะ ตำแหน่งรัชทายาทก็จะเป็นของเขา แน่นอนว่ารัชทายาทสามารถตกลงหรือปฏิเสธก็ได้ แต่เมื่อตกลงแล้ว ก็ไม่มีที่ว่างให้เสียใจภายหลัง”
“คนธรรมดาคงไม่ตกลงกระมัง?” อวี๋หวั่นกล่าว
“อื้อ” เยี่ยนอ๋องพยักหน้า
หากไม่ตกลงก็จะไม่เสียเนื้อ หากตกลงก็อาจสูญเสียตำแหน่งรัชทายาท ทว่าสถานการณ์ในยามนี้ของพวกเขาไม่เหมือนกัน ต้าเป่าอยู่ในมือของหนานกงเยี่ยน พวกเขาไม่อยากตกลงก็ต้องตกลง
อวี๋หวั่นถามว่า “เป็นการประลองอะไร? ต้องให้คนออกสู้เองหรือไม่?” มารดาของเธออ่อนแอมาก นางอาจพ่ายแพ้ราบคาบ!
เยี่ยนอ๋องส่ายหน้า “ไม่จำเป็น ศึกอวิ๋นโจวมีสามรอบ วิชากู่ เวทมนตร์คาถาและศิลปะการต่อสู้ ชนะสองในสามรอบ”
กล่าวเช่นนี้อวี๋หวั่นก็เข้าใจแจ่มแจ้ง ถึงเวลาตั้งแนวรบแล้ว หนานกงเยี่ยนกับหนานกงหลีมีราชครู และซิวหลัวสามคนอยู่ในมือ สองอย่างหลังเกือบเรียกได้ว่าชนะขาดลอย ไม่แปลกใจที่หนานกงเยี่ยนมีความมั่นใจยื่นหมายท้ารบกับพวกเขา
นี่เป็นโอกาสเดียวสำหรับหนานกงเยี่ยนที่จะได้รับตำแหน่งประมุขหญิงกลับคืนมา และก็เป็นโอกาสเดียวของพวกเขาที่จะช่วยต้าเป่าออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]