ปะ…เป็นไปได้อย่างไร?
ชายชู้เล่า?
ไปไหนแล้ว?!
พวกนางได้ยิน ‘สัญญาณลับ’ ขององครักษ์จึงรีบตามมา แผนในการจับชายชู้ล้มเหลวไม่เป็นท่า ทีนี้จะไปจัดการฮูหยินคนใหม่ได้อย่างไรเล่า?!
โอกาสที่ดีในการกำจัดฮูหยินคนใหม่กลับหายไปต่อหน้าต่อตา?!
ฮูหยินลี่และฮูหยินอวี้มองหน้ากัน พวกนางมองเห็นความตื่นตะลึงในสายตาของกันและกัน ในขณะเดียวกัน ผู้พิทักษ์สองคนซึ่งสมรู้ร่วมคิดกับพวกนางล้วนแต่มีสีหน้าแปลกประหลาดเช่นกัน
ทั้งสองมองไปยังฮูหยินลี่และฮูหยินอวี้ ฮูหยินทั้งสองส่ายหน้า เพื่อบอกว่าพวกนางเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น
ก็เห็นอยู่ว่าพวกนางติดสินบนองครักษ์ในวังหลวงไปแล้ว ให้องครักษ์จับบุรุษหนุ่มรูปงามซึ่งถูกตีจนสลบไปวางไว้ลงบนเตียงของฮูหยินคนใหม่ ไฉนพริบตาเดียวถึงกลับกลายเป็นเช่นนี้ไปได้?
ไร้ความสามารถที่จะทำสำเร็จ แต่เปี่ยมไปด้วยความสามารถที่จะทำเสียเรื่อง!
ผู้พิทักษ์ทั้งสองสะบัดแขนเสื้ออย่างหมดความอดทน!
สองคนนี้เป็นบุตรสาวของน้องชายในสกุล มิได้ฉลาดเฉลียว หากแต่มีรูปร่างหน้าตางดงามโดดเด่น ครั้งนี้พวกนางวางแผนทำเรื่องผิดกฎของวังหลวง ทว่าข้อดีคือเรื่องนี้ชัดเจน ทำให้ควบคุมได้ง่าย ไม่เป็นที่สงสัยมากนัก แต่ไหนแต่ไรมาท่านอ๋องมิได้ให้ความสนใจสาวงามในวังหลวงมากนัก ต่อให้รู้ว่าเป็นฝีมือพวกนาง เขาก็คงคร้านจะจัดการ เพียงเพราะเห็นแก่ญาติฝั่งมารดา
ในสายตาของท่านอ๋อง สาวงามเหล่านี้ก็มิได้ต่างอะไรจากผลไม้สดในถาด ผลไม้บางชนิดก็ถูกปากเขา เขาจึงลองชิมดู แต่ถ้าหากผลไม้เหล่านี้ถูกโยนทิ้งไป เขาก็คงมิได้นำมาใส่ใจ
นี่คือเหตุผลที่นางทั้งสองสามารถทำตัวเป็นใหญ่และเหิมเกริมในวังหลวงได้โดยไม่ต้องใช้สมอง
เห็นได้ชัดว่าท่านอ๋องนั้นหละหลวมเกินไป
ทว่าในครั้งนี้ ผู้พิทักษ์ทั้งสองสามารถสัมผัสได้ว่าเหตุการณ์จะไม่เป็นเฉกเช่นเมื่อก่อน
เมื่อได้ยินว่าท่านอ๋องไม่เพียงมิได้ลงโทษสตรีที่หนีการแต่งงาน แต่ยังจัดงานแต่งงานขึ้นทันทีที่นางกลับมา ผู้พิทักษ์ทั้งสองไม่คิดว่าเป็นเพราะความโปรดปรานของท่านอ๋อง พวกเขารู้ดีว่าท่านอ๋องให้สัญญากับท่านอ๋ององค์ก่อนไว้ว่าจะแต่งงานกับนางแต่เพียงผู้เดียว
สำหรับพวกเขาแล้ว ท่านอ๋องก็เพียงทำตามคำสั่งเสียของบิดา เขาจะไปโปรดปรานสตรีที่หักหลังตนได้อย่างไรกัน?
ทว่าเมื่อครู่ ทันทีที่ท่านอ๋องได้ยินว่ามีมือสังหารบุกเข้ามา เขาก็ทิ้งพวกเขาทั้งสองแล้วพรวดพราดออกไปทันที เขาดันฮูหยินลี่ซึ่งขวางทางออกไป แล้วจับลููกทั้งสามคนซึ่ง ‘ทำเสียเรื่อง’ ออกมา จากนั้นก็จับชีพจรให้ฮูหยิน
ท่าทางเช่นนี้ไม่อาจเสแสร้งได้ ท่านอ๋องใส่ใจสตรีผู้นี้จริง!
เมื่อเยี่ยนจิ่วเฉามั่นใจแล้วว่าอวี๋หวั่นไม่ได้หมดสติไป เพียงแต่นอนหลับก็เท่านั้น สายตาเย็นเยียบของเขาจึงปรากฏความอ่อนโยนขึ้นมาเล็กน้อย เขามองไปยังเด็กทั้งสาม เด็กทั้งสามก็มองเขาด้วยสายตาบ้องแบ๊ว
พ่อลูกทั้งสี่ไม่มีใครพูดอะไร แต่เยี่ยนจิ่วเฉาก็มิใช่คนโง่งม
บังเอิญเสียจริง ผู้พิทักษ์ทั้งสองมาหาเขาในยามนี้ เรื่องที่ต้องการหารือก็ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ในขณะเดียวกันก็มีมือสังหารบุกตำหนัก ฮูหยินลี่และฮูหยินอวี้มาถึงที่เกิดเหตุก่อนพวกเขา เมื่อเห็นสีหน้าตกตะลึงพรึงเพริดของพวกนาง หากจะบอกว่าไม่มีเบื้องลึกเบื้องหลังก็คงไม่มีผู้ใดเชื่อ
เยี่ยนจิ่วเฉาเดินไปเดินมาอยู่ด้านหน้าเตียงสองสามก้าว ด้วยวรยุทธ์ของเขาแล้ว หากจะสัมผัสกลิ่นอายทั้งนอกและในตำหนักนั้นง่ายดายไม่ต่างกับการพลิกฝ่ามือ ใต้เตียงมีบุรุษซึ่งกำลังหลับไม่ได้สติหนึ่งคน และนอกระเบียงทางเดินมีลมหายใจซึ่งกำลังสับสนไม่เป็นจังหวะ
“ไปหาอาจารย์ของพวกเจ้าก่อน” เยี่ยนจิ่วเฉาบอกเด็กทั้งสาม
เด็กทั้งสามเดินเตาะแตะออกไป
เยี่ยนจิ่วเฉาสะบัดแขนเสื้อ ปลดม่านคลุมเตียงลง ปล่อยให้อวี๋หวั่นหลับสบายอยู่ด้านหลังม่าน
เยี่ยนจิ่วเฉาย่างเท้าเข้าไปเบื้องหน้าฮูหยินลี่และฮูหยินอวี้
ก่อนหน้านี้ทั้งสองยังคงมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม ทว่าเมื่อเยี่ยนจิ่วเฉาเดินเข้ามาใกล้ พวกนางก็สัมผัสได้ถึงจิตสังหารรุนแรงจากรอบกายของเขา หัวใจก็เต้นระส่ำด้วยความกลัว
ผู้พิทักษ์ทั้งสองสัมผัสได้ถึงลางสังหรณ์ไม่ดี
ท่านอ๋องเปลี่ยนไป เขาไม่เหมือนกับเมื่อก่อน
ท่านอ๋องเขา…
ทั้งสองไม่รู้ว่าจะใช้คำว่าอะไรมาบรรยายบุรุษตรงหน้า เยี่ยนจิ่วเฉาเดินมาหยุดห่างจากฮูหยินลี่และฮูหยินอวี้สามก้าว มืองามดุจหยกยื่นออกไปทางหน้าต่าง นิ้วมือขยับเข้าหากัน พลังภายในของเขาก็พุ่งออกไปดึงดูดองครักษ์ในชุดเกราะคนหนึ่งเข้ามา
เขาบีบลำคอขององครักษ์คนนั้นแน่น
เท้าขององครักษ์ลอยขึ้นเหนือพื้น ร่างของเขาลอยขึ้นกลางอากาศในทันใด
ใบหน้าขององครักษ์เปลี่ยนเป็นสีม่วง
ทว่าใบหน้าของฮูหยินลี่และฮูหยินอวี้กลับซีดเผือด
องครักษ์คนนี้มิใช่ใครอื่น หากแต่เป็นผู้ที่นางติดสินบน!
เขาลอบเข้ามาในตำหนัก นำ ‘ชายชู้’ มาวางไว้ข้างฮูหยินคนใหม่ จากนั้นก็ร้องว่ามีมือสังหารบุก ทะ…ท่านอ๋องจับเขาได้แล้ว…
นั่นหมายความว่าอย่างไร ทั้งสองไม่กล้าคิดต่อ
ผู้พิทักษ์ทั้งสองมองดูสีหน้าของฮูหยินอวี้และฮูหยินลี่ ก็รู้ทันทีว่าองครักษ์ผู้นี้เป็นคนของพวกนาง พวกเขาเดาออกเพราะเขารู้เบื้องลึกเบื้องหลังของเรื่องนี้ ทว่าท่านอ๋องไม่รู้ เขาไม่ได้พูดอะไรสักคำเดียว แต่กลับจับตัวคนร้ายได้อย่างแม่นยำ
ก่อนหน้านี้ท่านอ๋องมีเพียงวรยุทธ์สูงส่ง เขากลายเป็นคนฉลาดปราดเปรื่องเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน?
ฮูหยินลี่และฮูหยินอวี้ทนไม่อาจต้านทานจิตสังหารของเยี่ยนจิ่วเฉาได้ เข่าของพวกนางอ่อนยวบ คุกเข่าลงกับพื้นทันใด!
ผู้พิทักษ์ทั้งสองพยายามส่งสายตาให้พวกนาง ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ไม่มีทางยอมรับเด็ดขาด!
องครักษ์เหล่านี้เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของพวกเขา ทั้งชีวิตและครอบครัวของเขาล้วนอยู่ในกำมือของพวกเขา อย่างไรก็ไม่กล้าพูดพล่อย!
องครักษ์มิได้พูดออกไป มิใช่ว่าเขาไม่อยากพูดหรือไม่กล้าพูด ทว่าเขาไม่มีโอกาสได้พูดเลยต่างหาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]