ร่างเล็กของอวี๋หวั่นแข็งทื่ออยู่กับที่
น้ำเสียงและลมหายใจนี้แน่นอนว่าเธอคุ้นเคยเป็นอย่างดี แต่จะเป็นไปได้อย่างไร? ที่นี่คือจวนซือคง เขาจะมาที่นี่ได้อย่างไร? ทั้งยังเปลี่ยนตัวเองเป็นซือคงอวิ๋น?
อวี๋หวั่นมองใบหน้าซือคงอวิ๋นที่อยู่ใกล้กับเธอ รู้สึกว่าป็นภาพลวงตาของตน จนกระทั่ง…มือของอีกฝ่ายจับที่เอวของเธอ
เขาขมวดคิ้ว “เหตุใดเจ้าผอมลง?”
มีคนเพียงผู้เดียวในโลกที่ไม่ชอบให้เธอผอม คนที่เสียดายเนื้อทุกชิ้นที่เธอทิ้ง นอกจากเยี่ยนจิ่วเฉา ก็ไม่มีคนอื่นอีกแล้ว
จมูกพลันรู้สึกยุบยิบ อยากร้องไห้ออกมาในทันที
จู่ๆ เยี่ยนจิ่วเฉาก็เชยคางเธอขึ้น กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ต่อให้คิดถึงอ๋องผู้นี้เพียงใด แต่ก็ไม่ควรทำร้ายร่างกายตนเองเช่นนี้”
อวี๋หวั่น “…”
อวี๋หวั่นร้องไห้ไม่ออกแล้ว
เธอไม่ได้ทำร้ายร่างกายตนเอง เธอกินอย่างเอร็ดอร่อยทุกวัน แต่เพราะสตรีศักดิ์สิทธิ์ลูกเต่านั่น ทำให้เธอสลบไปแล้วยังไม่ได้ให้เธอกินอะไร จนเธอซูบผอมเช่นนี้!
อวี๋หวั่นมองเยี่ยนจิ่วเฉาอย่างหมดคำพูด เห็นเพียงเขาขมวดคิ้ว ใบหน้าเขียนว่า : สตรีผู้นี้รักข้ายิ่งนัก ทำให้ข้าปวดหัวจะตายแล้ว…
การเคลื่อนไหวของอวี๋หวั่นทั้งหมดหยุดลง ใบหน้าเล็กอวบอ้วนกลายเป็นสีดำถ่าน
แต่อย่างไรท้ายที่สุดก็มาช่วยเธอแล้ว คิดดูก็ไม่ง่ายดายนัก อวี๋หวั่นตัดสินใจไม่โกรธเคืองเขา ทำมือขยับปากเรียกเขาโดยไร้เสียง “เยี่ยนจิ่วเฉา…”
เพิ่งจะเอ่ยปาก เธอก็เสียใจ
บุรุษผู้นี้จำไม่ได้ว่าตนคือเยี่ยนจิ่วเฉา ตนเรียกชื่อนี้กับเขา จะคิดว่าเธอมีความรู้สึกไม่ควรกับคนหน้าขาวนั่นอีกหรือไม่?
อวี๋หวั่นได้แต่ภาวนาให้เยี่ยนจิ่วเฉาไม่เข้าใจ แต่ก็ต้องผิดหวัง เยี่ยนจิ่วเฉาไม่เพียงแต่เข้าใจ ยังสัมผัสได้ถึงความรู้สึกผิดของเธอ
ใบหน้าของเยี่ยนจิ่วเฉาหมองหม่นลงในทันที “ที่แท้ถึงตอนนี้เจ้าก็ยังจดจำเจ้าหน้าขาวนั่น! ดูเหมือนว่าอ๋องผู้นี้ไม่ได้ลงโทษเจ้าให้มากพอ!”
ลง ลงโทษอะไร?
อวี๋หวั่นรู้สึกสับสน
เยี่ยนจิ่วเฉากลับไม่อธิบายต่อ กอดรัดตัวเธอเข้ามา และจากไปด้วยความเร็วหาใดเปรียบภายใต้สายตาตกตะลึงของซือคงฉางเฟิงและทุกคนที่เข้ามา
อวี๋หวั่นคิดว่าเขาจะพาตนออกจากจวน แต่กลับไปที่วิหารสตรีศักดิ์สิทธิ์ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
“สตรีศักดิ์สิทธิ์! คุณชายรอง!”
“คารวะท่านสตรีศักดิ์สิทธิ์! คารวะคุณชายรอง!”
เหล่าข้ารับใช้และทูตศักดิ์สิทธิ์ต่างเข้ามาคำนับทั้งสองคน
อวี๋หวั่นสีหน้าตะลึง ทว่าเยี่ยนจิ่วเฉาเข้าถึงบทละครนี้มาก ไม่ขยับแม้เปลือกตา พาอวี๋หวั่นไปยังห้องที่หรูหราและมีชีวิตชีวาที่สุด
ไม่ใช่ว่าในเวลาเช่นนี้ควรรีบหนีหรอกหรือ? หรือว่าจะอยู่แต่งงาน?
นี่ๆๆ…แต่งงานมาสองครั้งแล้วนะ?
อวี๋หวั่นมองเยี่ยนจิ่วเฉาอย่างไม่เชื่อ เดิมคิดว่า ‘เจ้าสาว’ จะแต่งงานแล้ว จะ ‘หนี’ ไปที่ใด เป็นเรื่องล้อเล่น ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องจริง บุรุษผู้นี้กำลังจะแต่งงานกับเธออีกครั้ง…
เฮ้อ!
เขาเสพติดการแต่งงานหรือ?!
แผนเดิมของอ๋องเผ่าปีศาจตัวปลอมคุณชายตัวจริงคือ เข้ามาพาคนออกไป แต่หลังจากเห็นซือคงฉางเฟิงยุดยื้ออวี๋หวั่น ก็เปลี่ยนความคิดไปอย่างกะทันหัน
เยี่ยนจิ่วเฉาโยน (วาง) อวี๋หวั่นลงบนเตียงสีแดงขนาดใหญ่อย่างเย็นชา กล่าวอย่างวางอำนาจ “แต่งงานกับข้า! เดี๋ยวนี้! บัดนี้! ตอนนี้!”
อวี๋หวั่น “…”
รับมือกับสามีสมองพังเช่นนี้ ช่างเหนื่อยใจยิ่งนัก!
ยามที่ฮวาจือและทูตหลีที่ฟื้นจากการสลบรีบกลับไปที่ห้องสตรีศักดิ์สิทธิ์พร้อมกันโดยไม่นัดหมาย อวี๋หวั่นก็นั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งแต่โดยดี ปล่อยให้สาวใช้ทำผมให้เธอ
ทั้งสองมอง ‘สตรีศักดิ์สิทธิ์’ ที่กำลังนั่งนิ่ง พลันถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“นี่มันเรื่องอันใดกัน? เหตุใดสตรีศักดิ์สิทธิ์ถึงกลับมา?” ทูตหลีถามสาวใช้ที่กำลังถือถาดเครื่องประดับ
สาวใช้กล่าวว่า “เรียนท่านทูตหลี คุณชายรองพาสตรีศักดิ์สิทธิ์กลับมาเจ้าค่ะ”
คุณชายรอง? ซือคงอวิ๋น?
ฮวาจือสบตากับทูตหลี จากนั้นฮวาจือถามว่า “คุณชายรองไม่ได้พูดอะไรหรือ?”
สาวใช้ส่ายหัว “ไม่เจ้าค่ะ เพียงแต่ให้พวกเราหวีผมล้างหน้าแต่งตัวให้สตรีศักดิ์สิทธิ์ อย่าให้พลาดฤกษ์ยาม”
ดูเหมือนว่าแผนยังไม่แตก ทั้งสองจึงได้วางใจ เดินเข้าไปในห้อง
“ข้าทำเอง” ฮวาจือกล่าวกับสาวใช้ที่กำลังหวีผม
“เจ้าค่ะ” สาวใช้ยื่นหวีเงินให้ฮวาจือ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]