ซือคงอวิ๋นล้มก้นจ้ำลงกับพื้น!
นี่ไม่ใช่ใบหน้าของเขา!
ไม่ใช่แน่
ยามที่อิ่งลิ่วช่วยเขาแปลงกาย เขาสวมใบหน้าทั้งหมดสามชั้น ชั้นที่หนึ่งเป็นเยี่ยนจิ่วเฉา ชั้นที่สองเป็นตัวเขาเอง และชั้นสุดท้าย ก็คือใบหน้าที่ปั้นขึ้นตามรูปลักษณ์ของชิงเหยียน เยว่โกวและอาเว่ย ใบหน้านั้นช่างน่าเกลียดและดูไม่คุ้นเลยแม้แต่น้อย
หน้ากากหนังมนุษย์สองชั้นแรกถอดออกง่ายกว่า ทว่าชิ้นสุดท้ายสร้างขึ้นด้วยวิธีการเดียวกับอวี๋หวั่นและสตรีศักดิ์สิทธิ์ ต้องรอจนถึงสิบวันจึงจะสามารถถอดออกมาได้
เยี่ยนจิ่วเฉาก็ใช้วิธีเดียวกัน เมื่อครู่จึงไม่ถูกเปิดเผยจุดบกพร่อง
แทบจะในทันที สตรีศักดิ์สิทธิ์เข้าใจถึงกุญแจสำคัญของเรื่องนี้ แต่สิ่งที่นางไม่เข้าใจคือเยี่ยนจิ่วเฉาคิดกลอุบายเช่นนี้ได้อย่างไรกัน? เขาคิดได้แม้กระทั่งว่า นางจะล่วงรู้ตัวตนของซือคงอวิ๋น และพาซือคงอวิ๋นกลับมาที่สกุลซือคงเพื่อเปิดโปงสตรีผู้นั้นและเขา
ความคิดของบุรุษผู้นี้…ช่างลึกล้ำเสียจริง!
สตรีศักดิ์สิทธิ์ไม่เคยเกรงกลัวผู้ใดนอกจากปรมาจารย์ซือคง แต่เกรงว่านับจากนี้ไปเยี่ยนจิ่วเฉาจะเป็นอีกหนึ่งคนที่เพิ่มขึ้นมา
สตรีศักดิ์สิทธิ์นึกเสียใจ หากยามแรกรู้ว่าสตรีผู้นี้จะสร้างปัญหาให้ตนไม่จบสิ้น ตนก็น่าจะฆ่านางอย่างไร้ปรานีทิ้งเสียตั้งแต่พานางกลับไปที่จวนสกุลซือคงแล้ว!
แต่ก็หาได้มีประโยชน์ใดที่จะพูดอะไรในตอนนี้ ก่อนที่หน้ากากจะหลุดออก นางและซือคงอวิ๋นยากที่จะเปลี่ยนตัวตนของพวกเขากลับคืนมา!
“ไปกันเถอะ!” สตรีศักดิ์สิทธิ์คว้าตัวซือคงอวิ๋นไป ด้วยความสัตย์จริง วันนี้ที่พวกเขาต้องตกมาอยู่ในสภาพเช่นนี้ ก็เป็นเพราะซือคงอวิ๋นสมองหมูนี่ หากเขาไม่ติดกับแผนการของเยี่ยนจิ่วเฉาและสายลับผู้นั้น มีหรือพวกเขาจะถูกคนอื่นยึดจวนไป? หากไม่ใช่เพราะวันหน้ายังมีโอกาสได้ใช้ประโยชน์จากพื้นที่ของซือคงอวิ๋น ยามนี้นางก็คงทิ้งเขาไว้ที่นี่ ปล่อยให้เผชิญชะตากรรมด้วยตนเองไปแล้ว!
วันนี้เป็นวันมงคลของบุตรชายทูนหัวของเขา ผู้นำตระกูลซือคงไม่อยากทำลายบรรยากาศของงานวิวาห์ จึงปิดตาข้างหนึ่งปล่อยให้หัวขโมยที่มาก่อกวนทั้งสองจากไปโดยดี
“เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่? เมื่อครู่เจ้าโจรชั่วนั่นได้ทำร้ายเจ้าหรือไม่?” ผู้นำตระกูลซือคงมองไปที่เยี่ยนจิ่วเฉา พลางถามด้วยความกังวล
กล่าวอย่างเป็นกลาง ระหว่างผู้นำตระกูลซือคงและฮูหยินคนก่อนเป็นการคลุมถุงชน กับฮูหยินคนถัดมาเขารักใคร่ด้วยใจจริง เขาจึงมอบความรักอย่างเต็มที่แก่บุตรชายคนรองที่ฮูหยินคนถัดมาเป็นผู้ให้กำเนิด
เยี่ยนจิ่วเฉากล่าวอย่างเฉยชา “เปล่า”
น้ำเสียงนี้ไม่นับว่าให้ความเคารพ แต่เมื่อนึกได้ว่ามีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นในวันแต่งงาน คุณชายรองคงยากที่จะไม่โกรธ ผู้นำตระกูลซือคงจึงไม่ได้เก็บไปใส่ใจ เขาตบบ่าบุตรชายอย่างเอ็นดู เดินกลับจวนไปพร้อมบุตรชายและสะใภ้
ผู้นำตระกูลซือคงไม่พอใจสะใภ้เช่นสตรีศักดิ์สิทธิ์นัก แม้ว่าซือคงฉางเฟิงจะไม่ใช่บุตรชายคนโปรดของเขา แต่เขาก็เป็นคุณชายใหญ่ สตรีศักดิ์สิทธิ์ยกเลิกการแต่งงานกับคุณชายใหญ่ หันไปหาคุณชายรองของเขา คุณธรรมเป็นเช่นไรไม่ต้องกล่าวถึง แต่ความทะเยอทะยานไม่น้อยเป็นแน่
หากไม่ใช่เพราะคุณชายรองรั้นอยากแต่งงานกับนาง เขาก็ไม่เต็มใจจะรับสะใภ้เช่นนี้เข้าจวน
ทว่า…คืนนี้เป็นภาพลวงตาของเขาเองหรือไม่?
เหตุใดจึงรู้สึกว่าสะใภ้ผู้นี้ดูทึ่มเขลาลงเล็กน้อย?
อวี๋หวั่นอุ้มโถขนมถั่วตัดเดินตามหลังเยี่ยนจิ่วเฉาไปอย่างช้าๆ จ๊อบแจ๊บ จ๊อบแจ๊บ!
พิธีแต่งงานในวันนี้ แขกทั้งหลายต่างมีความสุขยิ่ง ไม่เพียงแต่รู้สึกว่าคุณชายรองซือคงดูเป็นคนไร้มารยาทมากขึ้นเท่านั้น แต่แม้กระทั่งสตรีศักดิ์สิทธิ์ก็ยังเดินลงจากแท่นบูชาอันสูงส่งมาอยู่บนพื้นดิน
แต่ก่อนด้วยตัวตนและนิสัยใจคอของสตรีศักดิ์สิทธิ์ ทำให้บรรดาฮูหยินและบุตรีทั้งหลายไม่กล้าเข้าไปเสวนาพาที แต่ในที่สุดวันนี้ก็ได้รับน้ำใจของสตรีศักดิ์สิทธิ์แล้ว
…ความจริงคือ ขณะนั้นอวี๋หวั่นกินอาหารอย่างมีความสุข แล้วเงยหน้ามองขึ้นไปก็พบว่ามีคนกลุ่มหนึ่งกำลังมองมาที่เธออย่างไม่กะพริบตา เธอสงสัยว่าเธอไม่ควรกินคนเดียวหรือเปล่า จึงยื่นขวดโหลให้พวกเขาอย่างไม่เห็นแก่ตัว และเชิญพวกเขามากินด้วยกัน
สตรีศักดิ์สิทธิ์เป็นทูตสวรรค์ ของที่นางมอบให้ไหนเลยทุกคนจะกล้ากิน? พวกเขาต่างก็ตัดสินใจนำกลับไปบูชาที่จวน!
หลังจากอวี๋หวั่นกินอิ่ม เยี่ยนจิ่วเฉาก็จูงมือกลับไปที่ห้องเจ้าสาว
ห้องเจ้าสาวของสกุลซือคงกว้างใหญ่ยิ่งนัก ใหญ่ยิ่งกว่าห้องชั้นดีของสกุลเห้อเหลียน ภายในห้องเต็มไปด้วยผ้าไหมทองสีดำสีแดง เมื่อเทียบกับอักษรยินดี ที่นี่มีตราสัญลักษณ์แห่งสตรีศักดิ์สิทธิ์อันลึกลับและน่าหลงใหลแปะไว้มากกว่า ซึ่งให้ความรู้สึกศักดิ์สิทธิ์แก่ผู้คน อวี๋หวั่นเองก็รู้สึกว่าตนตัวใหญ่ขึ้นมาในทันที
เธอเชิดคาง ขึ้นมาบนเตียงอย่างสงบและล้มตัวลงนอน
นุ่มจัง…แต่ยังขาดของจำพวกถั่วลิสงพุทราจีน…
เมื่อเธอนอนลงไปสักพัก อวี๋หวั่นก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ พวกเขามาที่หมิงตูเพื่อหายารักษาเยี่ยนจิ่วเฉา แต่เมื่อครู่เป็นโอกาสที่ดียิ่ง เธอกลับลืมให้เยี่ยนจิ่วเฉานำเลือดสตรีศักดิ์สิทธิ์ออกมาสักหน่อย
“พึมพำอันใด?” ร่างสูงใหญ่ของเยี่ยนจิ่วเฉาครอบคลุมลงมา
ทันทีที่อวี๋หวั่นจ้องมอง เลือดกำเดาก็แทบพุ่งออกจากจมูก
เยี่ยนจิ่วเฉาเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ถอดชุดแต่งงานอันหรูหราสง่างาม เปลี่ยนเป็นชุดนอนผ้าไหมน้ำแข็งสีดำแวววาว เรือนร่างอันแข็งแกร่งไม่อาจหลบซ่อนภายใต้ชุดนอนนั้น เดิมก็คิดว่าเขารูปร่างดีแล้ว หลังจากกลายเป็นอ๋องเผ่าปีศาจ ยิ่งดีจนผู้คนต้องกรีดร้อง
ยิ่งไม่ต้องพูด ยามที่คอเสื้อแหวกออกเล็กน้อย เผยให้เห็นแผ่นอกแกร่งและไหปลาร้านวลเนียนชิ้นเล็กๆ
สายตาของอวี๋หวั่นจ้องมองไปตรงๆ
“เจ้าพึมพำอันใด?” เยี่ยนจิ่วเฉาถามอีกครั้ง
เมื่อครู่พึมพำอะไร? อวี๋หวั่นลืมไปหมดแล้ว! อวี๋หวั่นกลืนน้ำลาย “ไม่ ไม่ ไม่…ไม่ใช่ว่าต้องลงโทษข้าหรือ?”
“อะแฮ่ม” ซือคงอวิ๋นกระแอมในลำคอ เผยให้เห็นใบหน้าหัวหมูนั้น “ข้าเอง”
“กรี๊ด!” หลานเจียวตกใจกับใบหน้าอัปลักษณ์นี้ ยกมือขึ้นโดยสัญชาตญาณ ฟาดลงบนใบหน้าของซือคงอวิ๋นจนสลบ
สตรีศักดิ์สิทธิ์ถอนหายใจ “ท่านแม่ เขาคือซือคงอวิ๋น”
หลานเจียว”…”
หลานเจียวรีบขอให้คนสนิทอุ้มบุตรเขยของนางไปที่ห้องพักด้านข้าง จากนั้นจึงพาบุตรสาวไปที่ห้อง
“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? รีบบอกแม่มา” หลานเจียวถามด้วยความกังวล
สตรีศักดิ์สิทธิ์เล่าเรื่องหน้ากากหนังมนุษย์ให้หลานเจียวฟังโดยหลีกเลี่ยงที่จะกล่าวถึงจุดสำคัญ ข้ามเรื่องจิตใจที่ฝักใฝ่และความรู้สึกดีของนางที่มีต่อเยี่ยนจิ่วเฉา เพียงแต่บอกว่าเปลี่ยนหน้าเป็นอวี๋หวั่นเพื่อเข้าใกล้เยี่ยนจิ่วเฉา
หลานเจียวคิดว่าบุตรสาวจะลอบสังหารอีกฝ่าย นางจึงไม่สงสัยอะไร
เมื่อสตรีศักดิ์สิทธิ์รู้ว่าเยี่ยนจิ่วเฉาและอวี๋หวั่นปลอมตัวเป็นทั้งสองเข้าไปในจวนซือคง หลานเจียวก็ตกใจ “นี่ไม่แย่แล้วหรือ?!!”
สตรีศักดิ์สิทธิ์ขมวดคิ้วกล่าวว่า “แย่ ทว่าไร้หนทาง ทางที่เลวร้ายที่สุดคือปล่อยให้พวกเขามีชีวิตอยู่ถึงสิบวันไปก่อน หลังจากสิบวัน ฤทธิ์ยาสลายไป พวกเขาก็จะไม่มีทางปลอมเป็นข้ากับซือคงอวิ๋นได้อีก”
ในคำพูดของนาง นางเปลี่ยนจากคุณชายรองเป็นซือคงอวิ๋น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าในใจของนาง ซือคงอวิ๋นไม่น่าพอใจและรู้สึกดูถูกเหยียดหยามมากเพียงใด
หลานเจียวกดดันร้อนใจ จนไม่สังเกตเห็นความผิดปกติเล็กๆ เหล่านี้ นางเพียงแต่พยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ หลังจากฤทธิ์ยาสลายไป จะไม่สามารถใช้ได้อีกครั้งในเร็ววัน ถึงยามนั้น ทุกคนก็จะรู้ว่าพวกมันเป็นตัวปลอม”
“ข้ากำลังพูดถึงทางที่เลวร้ายที่สุด” สตรีศักดิ์สิทธิ์กล่าว
“เจ้าหมายความว่า เจ้ายังมีวิธีอื่นที่จะเปิดโปงพวกเขาก่อนอย่างนั้นหรือ?” หลานเจียวถามด้วยความแปลกใจ
สตรีศักดิ์สิทธิ์ชะงักและกล่าวว่า “เยี่ยนจิ่วเฉา ข้าไร้หนทางจะเปิดโปง”
บุรุษผู้นั้นแข็งแกร่งและน่ากลัวเกินไป ซือคงอวิ๋นทำได้ มองปราดเดียวเขาก็ทำได้ ซือคงอวิ๋นทำไม่ได้ เขาก็สามารถแสร้งเป็นทำไม่ได้ ยามแรกที่ตนรู้สึกถึงกลิ่นอายของเขาบนร่างกายซือคงอวิ๋น ก็เพราะเขาใส่พลังภายในของเขาเข้ากับร่างของซือคงอวิ๋นไปเล็กน้อย แต่กำลังภายในนั้นค่อนข้างอ่อนกำลัง ทว่านางก็ไม่ได้สงสัยเลยแม้แต่น้อย เพียงคิดว่าเป็นเพราะไอสังหารของเขาลดลงเท่านั้น
“เช่นนั้นเจ้าคิดว่า…” หลานเจียวมองไปที่บุตรสาวด้วยความประหลาดใจ
สตรีศักดิ์สิทธิ์กำมือแน่น เอ่ยอย่างเหยียดหยาม “สตรีผู้นั้นไม่ได้ปลอมตัวเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์หรอกรึ? สตรีศักดิ์สิทธิ์ตัวจริงหาได้มีดีเพียงเปลือกนอก วรยุทธ์ของข้า กำลังภายในของข้า กระทั่งสายเลือดสตรีศักดิ์สิทธิ์ของข้า ล้วนไม่ใช่สิ่งที่นางสามารถปั้นแต่งได้! วันที่สามคู่สามีภรรยากลับจวนฝ่ายสตรี นางจะกลับมาที่จวนสกุลหลาน ถึงยามนั้นท่านแม่ก็ตามผู้อาวุโสของสกุลหลานมา หยิบศิลาสตรีศักดิ์สิทธิ์ บังคับให้นางทดสอบตัวตนอีกครั้งต่อหน้าทุกคน!”
…………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]