ภาษิตโบราณกล่าวไว้ได้ถูกต้อง หากปราศจากเรื่องร้อนใจก็คงไม่ไปถึงวัด แม้ว่าสกุลซางและสกุลซือคงจะเกี่ยวดองกันผ่านการแต่งงาน แต่ก็มิใช่ว่าจะสามารถพาคนกลุ่มใหญ่เฮละโลกันไปถึงสกุลซางกันตามใจชอบ ดังนั้นเมื่อคืนวาน ประมุขสกุลซือคงจึงส่งจดหมายไปในนามของซือคงอวิ๋น ว่าคิดถึงท่านตากับท่านยาย และต้องการพาภรรยาที่เพิ่งแต่งเข้ามา ไปอวยพรผู้เฒ่าทั้งสอง
ประมุขสกุลซางรักและเอ็นดูหลานชายคนนี้เป็นทุนเดิม และตามใจเขาเสมอมา เมื่อได้ยินว่าเขาอยากมาหา จึงตอบรับในทันที
แต่ว่า…
ประมุขสกุลซือคงตามหาซือคงอวิ๋นและสตรีศักดิ์สิทธิ์ทั้งคืน แต่ก็ไม่พบแม้แต่เงาของทั้งสอง
เขามิได้กังวลว่าซือคงอวิ๋นจะได้รับอันตรายแต่อย่างใด เหตุผลประการแรกก็เพราะซือคงอวิ๋นเป็นถึงคุณชายรองของสกุลซือคง เป็นนายน้อยของสกุลซาง และเป็นบุตรเขยของสกุลหลาน ด้วยสถานะของเขาแล้ว เห็นทีคงไม่มีผู้ใดในหมิงตูกล้าลงมือกับเขา ส่วนเหตุผลประการที่สองน่ะหรือ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาหายไปเช่นนี้ บุตรชายคนเล็กไม่รู้ประสา ไม่เหมือนกับบุตรชายคนโต เขามักจะทำตัวเสเพลอยู่เป็นนิจ ออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกไม่กลับบ้านเป็นเรื่องปกติ เพียงแต่แต่งงานได้ไม่กี่วันก็ทำเช่นนี้แล้ว ออกจะมากไปหน่อยกระมัง
โชคดีที่สตรีศักดิ์สิทธิ์ก็หายไปด้วย ทั้งสองคงจะออกไปด้วยกัน
เมื่อมีสตรีศักดิ์สิทธิ์คอยควบคุม เขาก็ไม่กังวลว่าซือคงอวิ๋นจะออกไปทำสิ่งใดนอกลู่นอกทาง
เพียงแต่ว่า…
ส่งจดหมายไปบอกแล้วว่าทั้งสองจะไปเยี่ยม แต่เจ้าตัวกลับไม่อยู่ แล้วพวกเขาจะพาใครไปเล่า?
ขณะที่ประมุขสกุลซือคงกำลังปวดเศียรเวียนเกล้าอยู่นั้น เยี่ยนจิ่วเฉาและอวี๋หวั่นก็ปรากฏตัว
อวี๋หวั่นมือหนึ่งจูงมือเยี่ยนจิ่วเฉา อีกมือหนึ่งถือขนมกุ้ยฮวา กำลังกินอย่างเอร็ดอร่อย
วิชาปลอมตัวของสกุลหลานยังคงอยู่ เยี่ยนจิ่วเฉายังคงสวมใบหน้าของซือคงอวิ๋น และอวี๋หวั่นสวมหน้ากากหนังมนุษย์ชิ้นที่สอง และนั่นก็เป็นใบหน้าของเธอเอง
ประมุขสกุลซือคงมองไปยังบุตรชายซึ่งปรากฏตัวจนได้ แล้วลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ทว่ายังถอนหายใจไม่ทันเสร็จ เขาก็พบว่าผู้ที่บุตรชายของเขาจูงมืออยู่นั้นไม่ใช่สตรีศักดิ์สิทธิ์
“จะ…เจ้า…” ประมุขสกุลซือคงมองไปยังบุตรชายคนเล็ก แล้วจึงมองไปยังอวี๋หวั่นซึ่งอยู่ด้านข้าง เขาตกใจจนพูดไม่ออก
ไม่น่าแปลกใจที่เขาจะตกใจถึงเพียงนี้ ครั้นอยู่ในวิหารเจาหยางเมื่อคืน เขาเห็นเพียงอวี๋หวั่น ทว่าไม่เห็นเยี่ยนจิ่วเฉา
“พวกเจ้า…”
ประมุขสกุลซือคงไม่เข้าใจว่าลูกชายของเขาจะมาปรากฏตัวที่วิหารเจาหยางได้อย่างไร และเหตุใดจึงมาพร้อมกับเหลนของท่านปรมาจารย์? ทั้งยังดูสนิทสนมกันเช่นนี้
เดี๋ยวก่อน
ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าสตรีตรงหน้านั้นคุ้นตาเหลือเกิน?
โดยเฉพาะท่าทางการกิน แก้มของนางป่องออกมาราวกับกระรอกอ้วนตัวหนึ่ง
เขานึกออกแล้ว!
นางก็คือสตรีศักดิ์สิทธิ์ ลูกสะใภ้ของเขาที่กินจนอ้วนท้วนคนนั้นนั่นเอง!!!
ในช่วงเวลาเพียงเสี้ยววินาที ในสมองของเขาก็ค้นพบคำตอบของเรื่องประหลาดที่เกิดขึ้น ลูกชายและลูกสะใภ้ของเขาที่อยู่ที่นี่หลายวันมานี้เป็นตัวปลอม ส่วนชาวบ้านที่ก่อเรื่องในสกุลซือคงถึงจะเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์กับซือคงอวิ๋นตัวจริง
ที่เขาบอกว่าใบหน้าของอาหวั่นนั้นคุ้นตาเหลือเกิน ราวกับเคยพบที่ไหนมาก่อน เขาคิดว่านางเหมือนกับหลานอี ทว่าบัดนี้มาคิดดูแล้ว ผู้ที่มายังสกุลซือคง และบอกว่าตนเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่ใช่เด็กคนนี้หรอกหรือ?
ที่แท้ทั้งสองก็ปลอมตัวเป็นอีกฝ่าย
เขาจำลูกชายและลูกสะใภ้ตัวจริงไม่ได้ แต่กลับปล่อยให้ลูกชายและลูกสะใภ้ตัวปลอมอยู่ที่นี่ ผู้ที่ทำได้เช่นนี้มิใช่ใครอื่น นอกจากตัวเขาเอง
ประมุขสกุลซือคงกัดฟัน สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วบอกตนเองว่า เด็กคนนี้ก็เป็นญาติของตน เป็นเหลนของท่านปรมาจารย์ ในร่างของนางมีสายเลือดสกุลซือคง หากนับตามศักดิ์แล้วนางจะต้องเรียกเขาว่าท่านลุง…
นางเป็นหลาน ห้ามทำร้ายนาง ห้ามทำร้ายนาง…
ประมุขสกุลซือคงสะกดจิตตนเองจนแทบกระอักเลือด
เขากวาดสายตามองไปยังเยี่ยนจิ่วเฉา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นหลานเขยของตน ประมุขสกุลซือคงจึงเอ่ยขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “พวกเจ้านำตัวอวิ๋นเอ๋อร์กับสตรีศักดิ์สิทธิ์ไปไว้ที่ไหน”
อวี๋หวั่นตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “สตรีศักดิ์สิทธิ์ถูกพวกเราขังเอาไว้ ครั้งนี้นางเป็นคนลอบทำร้ายท่านปรมาจารย์ ส่วนลูกชายของท่าน พวกข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาอยู่ที่ไหน”
ประมุขสกุลซือคงขมวดคิ้ว
เขามิได้สงสัยว่าคำพูดของอวี๋หวั่นนั้นจริงหรือเท็จ เขาเพียงแต่ไม่คาดคิดว่าคนร้ายในการลอบสังหารท่านปรมาจารย์นั้นจะเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ นางทำเช่นนี้ทำไมกัน? นางเป็นคนสกุลซือคง นางสังหารท่านปรมาจารย์ไปจะมีประโยชน์อันใด? อีกอย่าง นางไปหามือสังหารมาจากไหน? ถ้าหากเขาเดาไม่ผิด กลิ่นอายที่เขาสัมผัสได้เมื่อคืนนั้นมาจากราชาซิวหลัวระดับห้าขั้นสูงคนหนึ่ง แต่เขาไม่ยักจะรู้ว่าสกุลหลานหรือวิหารสตรีศักดิ์สิทธิ์มียอดฝีมือที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้
อวี๋หวั่นพูดว่า “ท่านประมุขซือคง ให้พวกข้าไปสกุลซางก่อนเถิด เรื่องที่เกี่ยวข้องกับสตรีศักดิ์สิทธิ์และท่านตาทวด ไว้กลับมาแล้วข้าจะอธิบายให้ท่านฟัง ส่วนเรื่องของซือคงอวิ๋นนั้นคงต้องรอให้สตรีศักดิ์สิทธิ์ฟื้น แล้วค่อยถามนาง”
ประมุขซือคงพยักหน้าตอบรับ
“แต่ว่า” เขามองไปยังกลุ่มคนท่าทางขึงขังประหนึ่งเตรียมพร้อมออกศึกด้านหลังทั้งคู่ จากนั้นก็บอกว่า “พวกเจ้าเป็นตัวปลอมก็เสี่ยงมากพอแล้ว ไม่ควรพาคนไปมากถึงเพียงนี้ ไม่เช่นนั้นตัวตนอาจถูกเปิดเผยได้ง่าย”
อวี๋หวั่นก็คำนึงถึงเหตุผลข้อนี้เช่นกัน จึงมองไปยังเยี่ยนจิ่วเฉาเพื่อบอกว่าตนก็เห็นด้วย สุดท้ายแล้วเยี่ยนจิ่วเฉาพาเพียงอาเว่ยและซิวหลัวไป ซิวหลัวสามารถปะปนเข้าไปอยู่กับเหล่ายอดฝีมือในสกุลซือคง เขาไม่มีเวลามากพอที่จะปิดพลังของตน ทำให้พลังยังคงเป็นพลังของราชาซิวหลัวระดับหนึ่ง ในสกุลซือคงไม่นับว่าโดดเด่นเท่าไร
ส่วนอาเว่ยก็ได้รับบทเป็นบ่าวคนสนิทของ ‘ซือคงอวิ๋น’
“แต่เจ้า…” ประมุขสกุลซือคงมองอวี๋หวั่นด้วยความเคลือบแคลงใจ ใบหน้านี้ไม่ใช่ใบหน้าของสตรีศักดิ์สิทธิ์ จะปลอมว่าเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร?
“ข้ามีแผน!” อวี๋หวั่นหยิบผ้าคลุมหน้าสีขาวออกมาจากแขนเสื้อ แล้วนำมาคลุมทับใบหน้า หลังจากนั้นก็ยกมือขึ้นคล้องแขนเยี่ยนจิ่วเฉา “เช่นนี้ได้หรือไม่?”
เขารู้จักนาง ‘ซือคงอวิ๋น’ ก็รู้จักนาง มาคิดดูแล้วสกุลซางคงจะไม่สงสัยอะไร เมื่อคิดได้เช่นนี้ ประมุขสกุลซือคงจึงวางใจ และพาพวกเขาเดินทางไปยังสกุลซาง
เพื่อที่จะทำให้เรื่องนี้แยบยลกว่าเดิม ระหว่างทาง ประมุขสกุลซือคงจึงเล่าเรื่องราวของสกุลซางให้พวกเขาฟังไม่น้อย สกุลซางเป็นตระกูลที่ถือกำเนิดขึ้นในช่วงเวลาร้อยปีมานี้ มิได้เก่าแก่เท่าสกุลหลานและสกุลซือคง สกุลซางเชี่ยวชาญการทำอาวุธ สำหรับยอดฝีมือในหมิงตู การได้ใช้อาวุธซึ่งสกุลซางทำขึ้นนั้นนับว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่ง มีดสั้นที่สตรีศักดิ์สิทธิ์ได้มาจากซือคงอวิ๋นนั้น ประมุขสกุลซางก็เป็นคนมอบให้ด้วยตนเอง
หลายปีมานี้ สกุลซางได้ผงาดขึ้นมาจนยิ่งใหญ่ เป็นรองเพียงสกุลซือคง ไม่เหมือนกับสกุลซางที่มีเพียงสตรีศักดิ์สิทธิ์คอยอุปถัมภ์ค้ำชู ลูกศิษย์สกุลซือคงทุกคนล้วนปราดเปรื่อง ไม่ว่าจะสุ่มเลือกใครออกมา ทุกคนก็ล้วนแต่เป็นยอดฝีมือของหมิงตูทั้งสิ้น
“หากเทียบกับคุณชายใหญ่ละเจ้าคะ?” อวี๋หวั่นถาม
ประมุขสกุลซือคงตอบด้วยท่าทางภาคภูมิใจว่า “ย่อมไม่อาจเทียบชั้นกับฉางเฟิง ฉางเฟิงนับเป็นอันดับต้นๆ ของเหล่ายอดฝีมือรุ่นเยาว์”
“เหอะ” เยี่ยนจิ่วเฉาแค่นเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่สบอารมณ์
อวี๋หวั่นจับมือของเขาไว้ พร้อมกับกระซิบว่า “แน่นอนว่าสู้ท่านไม่ได้ ท่านเก่งที่สุด”
เมื่อได้ฟังเช่นนั้น อ๋องแห่งเผ่าปีศาจในร่างคุณชายจึงหันกลับไปด้วยสีหน้ากระหยิ่มยิ้มย่องในที่สุด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]