บ่าวของอวิ๋นเอ๋อร์?
ความซับซ้อนปรากฏในสายตาของประมุขสกุลซาง
ประมุขสกุลซือคงวางหมากสีดำ แล้วแสร้งทำเป็นเหลือบมองสกุลซาง “พ่อตา สีหน้าของท่านดูเคร่งเครียด มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือ”
ประมุขสกุลซางมองประมุขสกุลซือคง แล้วบอกกับหลานชายว่า “จิ่งเอ๋อร์ เจ้าออกไปก่อน ไว้วันหลังค่อยเดินหมากกับท่านลุงเขย”
“เออ…ขอรับ” แม้ว่านายน้อยสามแห่งสกุลซางจะไม่ยินดีนัก แต่ก็มองออกว่าท่านปู่กับลุงเขยมีเรื่องต้องปรึกษาหารือ เขาจึงรีบวางหมากลงแล้วเดินไป
“พ่อตา เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นหรือ?” ประมุขสกุลซือคงเอ่ยถามด้วยสีหน้าร้อนใจ
ประมุขสกุลซางมองลูกเขย สายตาของเขาก็ปรากฏความเคลือบแคลงใจเล็กน้อย “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด เพียงแต่ในคฤหาสน์มีหัวขโมยเข้ามาขโมยของสำคัญไป”
ประมุขสกุลซือคงมีสีหน้าตื่นตะลึง “หัวขโมยที่ไหนกัน ใจกล้าบ้าบิ่นถึงเพียงนี้ กลางวันแสกๆ กลับกล้าอุกอาจบุกเข้ามาถึงบ้านสกุลซาง ไม่เกรงกลัวบ้างเลยหรือ? ไม่เพียงเท่านี้ ก่อนหน้านี้หรือหลังจากนี้ไม่มา กลับมาตอนที่อวิ๋นเอ๋อร์ของข้ามาเยี่ยมเยือน ข้าว่าเขาคงจะอยากสร้างความเดือดร้อนให้สกุลซือคงของพวกเรา? มีอย่างที่ไหนกัน! อย่าให้ข้าจับได้นะ! ข้าจะ…”
ประโยคหลัง แม้เขาไม่ได้พูด แต่ความอาฆาตแค้นกลับปรากฏในสายตาของเขา
เมื่อประมุขสกุลซางเห็นท่าทางเดือดดาลของประมุขสกุลซือคง เขาจึงคิดว่าตนเองอาจคิดมากไป อย่างไรเสียลูกเขยของเขาไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าสกุลซางเลี้ยงหนอนพิษพลังหยินเอาไว้ จะมาขโมยหนอนพิษได้อย่างไร?
อีกทั้ง ได้ยินว่าหนอนพิษพลังหยินหายไปพร้อมกับยาในห้องปรุงยา สกุลซือคงมิได้แร้นแค้นถึงขั้นที่จะต้องมาขโมยของพวกนี้จากพวกเขากระมัง?
ไม่ว่ามองอย่างไร…ก็ไม่ยักเหมือนสิ่งที่ประมุขซือคงจะทำ
แต่ทว่า…เรื่องศิลาสตรีศักดิ์สิทธิ์จะอธิบายว่าอย่างไร?
ศิลาสตรีศักดิ์สิทธิ์มิได้นับว่าหายากในหมิงตู แม้แต่สตรีในสกุลซางก็ใช้เครื่องประดับที่ทำจากศิลาสตรีศักดิ์สิทธิ์ แต่พวกนางเข้าไปในเขตหวงห้ามไม่ได้ จึงไม่มีทางขโมยของของสกุลซาง
ประมุขสกุลซางลูบศิลาสตรีศักดิ์สิทธิ์ในมือ สีหน้าเปี่ยมไปด้วยความหนักใจ
สายตาของประมุขสกุลซือคงไปหยุดอยู่ที่มือของเขา แล้วเอ่ยถามว่า “พ่อตา นั่นคืออะไรหรือ”
ประมุขสกุลซางชะงักไป แล้วส่งศิลาสตรีศักดิ์สิทธิ์ให้เขา “ของที่หัวขโมยวางทิ้งไว้”
ประมุขสกุลซือคงรับศิลาสตรีศักดิ์สิทธิ์มา แล้วพลิกไปพลิกมาเพื่อพิจารณาดู “ดูจากรูปร่างแล้วน่าจะเป็นศิลาที่ใช้ประดับเครื่องประดับศีรษะของสตรี หรือว่าหัวขโมยจะเป็นสตรี?”
เดิมทีประมุขสกุลซางก็คิดเช่นนั้น แต่เมื่อเขาพูดขึ้นมา จึงเริ่มไม่แน่ใจเสียแล้ว “บางทีอาจเป็นบุรุษ จงใจทิ้งเครื่องประดับของสตรีไว้ เพื่อทำให้พวกเราสับสน”
“ใคร่ขอถามพ่อตาสักนิด ว่าของที่หายไปคือสิ่งใดหรือ?” ประมุขสกุลซือคงถาม
“ยาบำรุงและอาวุธ” ประมุขสกุลซางพูดพลางสังเกตสีหน้าของลูกเขย ราวกับตั้งใจจับสังเกตความผิดปกติจากสีหน้าของเขา แต่กระนั้นประมุขสกุลซางก็ต้องผิดหวัง
หลังจากที่ประมุขสกุลซือคงได้ยินเรื่องของที่หายไป ก็ถอนหายใจออกมายาวๆ “อาวุธของสกุลซางเป็นสิ่งที่เหล่ายอดฝีมือล้วนปรารถนา”
เขาไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับยาบำรุง เขาไม่รู้ว่าสกุลซางเลี้ยงราชาซิวหลัวที่เก่งกาจไว้เช่นนี้ ย่อมไม่คิดว่ายาบำรุงของสกุลซางจะเลิศล้ำกระไรปานนั้น แต่ว่าถ้าหากเด็กคนนั้นมีเจตนาก่อกวน ขโมยยาบำรุงของบ้านอื่นก็มิได้นับว่าเหนือความคาดหมาย
ประมุขสกุลซางกระจ่างเรื่องยาบำรุงของตนดี จึงไม่ได้อธิบายแต่อย่างใด เพียงแต่บอกว่า “วันนี้ในจวนเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ทำให้ไม่อาจต้อนรับได้ดีเท่าที่ควร ท่านเจ้าเมืองกลับไปก่อน วันหลังข้าจะไปเยี่ยมเยียนด้วยตนเอง”
ประมุขสกุลซือคงตอบอย่างหนักแน่นว่า “ได้อย่างไรกัน? เรื่องของสกุลซาง ก็คือเรื่องของข้า! ในเมื่อวันนี้ข้ามาแล้ว ข้าจะไม่ยอมยืนดูอยู่เฉยๆ เป็นอันขาด พ่อตาได้โปรดให้ข้าตามไปจับโจรด้วย!”
“ไม่ต้องหรอก เรื่องเล็กน้อย…”
“พ่อตาอย่าได้เกรงใจข้า!”
เมื่อพูดเช่นนี้แล้ว ประมุขสกุลซางจึงไม่อาจปฏิเสธได้ เขาทำได้เพียงตอบตกลงให้ประมุขสกุลซือคงออกตามจับคนร้ายด้วย แต่ว่าประมุขสกุลซางยังคงสงสัยบ่าวที่ขอกลับเรือนไปก่อน เขาจึงแสร้งทำเป็นส่งองครักษ์ออกตามหา ทว่าแท้จริงแล้วกลับลอบส่งราชาซิวหลัวที่เก่งกาจหลายคนให้ตามสะกดรอยบ่าวต้องสงสัยคนนั้น
“ท่านประมุข พวกเขาไล่ตามบ่าวของคุณชายรองไปขอรับ” ในสวนดอกไม้ของสกุลซาง ยอดฝีมือของสกุลซือคง
คนหนึ่งเข้ามารายงานต่อประมุขของตน
สีหน้าของประมุขสกุลซือคงมิได้ผิดปกติแต่อย่างใด เขารู้แต่แรกแล้วว่าพ่อตาของเขามิใช่คนเลอะเลือนหลอกง่าย จึงมิได้คิดจะพยายามลบข้อสงสัยของเขา อย่างไรก็ดี ขอเพียงทำให้เขาไม่สามารถหาหลักฐานเชิงประจักษ์ได้ เขาก็จะไม่อาจพิสูจน์ได้ว่าการหายไปของหนอนพิษพลังหยินนั้นเกี่ยวข้องกับสกุลซือคง
ประมุขสกุลซือคงมีสีหน้าจริงจัง “จัดการตามแผน”
ยอดฝีมือครุ่นคิด แล้วถามว่า “แต่…พวกเขาจะสงสัยว่าท่านประมุขอยู่เบื้องหลังแผนการหรือไม่ขอรับ?”
ประมุขสกุลซือคงกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “เขาเองก็บอกแล้วว่าบ่าวคนนั้นเพิ่งซื้อมาใหม่ ในเมื่อเป็นบ่าวที่มาใหม่ ก็อาจเป็นไปได้ว่ามีคนอื่นแทรกซึมมาในสกุลซือคง เกี่ยวอะไรกับสกุลซือคงด้วยเล่า?”
“ข้าน้อยเข้าใจแล้ว” ยอดฝีมือพูดจบ ก็ยกมือขึ้นประสานเพื่อคำนับประมุขสกุลซือคง แล้วพาพรรคพวกออกไป ‘จับหัวขโมย’
ขณะที่ทุกคนกำลังระดมกำลังกันอยู่นั้น ซิวหลัวฟันน้ำนมก็อยู่ระหว่างทางเช่นกัน
อาเว่ยนำขวดหยกมุ่งตรงไปยังสกุลซือคง อาการของซือคงเย่อยู่ในขั้นวิกฤต ถ้าหากหนอนพิษพลังหยินไปไม่ถึงมือก่อนตะวันตกดิน เมื่อนั้นราชันหมื่นสัตว์พิษคงต้องสังเวยชีวิตตนเอง เพื่อรักษาชีวิตของซือคงเย่อย่างไม่ต้องสงสัย
นี่ก็ย่างเข้าช่วงเที่ยงวันแล้ว อาเว่ยเร่งความเร็วสุดฝีเท้า น่าเสียดายที่ยังไปไม่ได้ไกล ก็ถูกยอดฝีมือตามติดมา
ครั้งนี้ สกุลซางไม่ได้ส่งซิวหลัวระดับสูงสุดไป แต่ส่งราชันย์ซิวหลัวระดับสามไปล้อมจับอาเว่ย
ขณะที่พวกเขากำลังจะจับอาเว่ย ซิวหลัวฟันน้ำนมก็กระโดดลงมาจากฟ้า แล้วจับอาเว่ยขึ้นหลัง หันหน้ามาแลบลิ้นปลิ้นตาแล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย!
ราชาซิวหลัวของสกุลซางโมโหจัด พวกเขาใช้วิชาตัวเบาสุดกำลัง เพื่อไล่ตามเจ้าราชาซิวหลัวระดับหนึ่งจอมโอหังนั่นให้ทัน
ทว่าสิ่งที่ทำให้พวกเขาประสาทเสียก็คือ ไม่ว่าจะเร่งฝีเท้าอย่างไรก็ตามไม่ทัน!
ในใจของพวกเขาบังเกิดคำถามเช่นเดียวกับราชาซิวหลัวระดับห้า ‘นี่มันวิชาตัวเบาของสำนักไหนกัน?!’
แต่ว่า ต่อให้พวกเขาตามไม่ทัน แต่เจ้าราชาซิวหลัวระดับหนึ่งก็หนีพวกเขาไม่พ้น
ครึ่งชั่วยามผ่านไป
หนึ่งชั่วยามผ่านไป
สองชั่วยามผ่านไป…
ฟ้าเริ่มมืดลงเรื่อยๆ ดวงอาทิตย์ค่อยๆ ลาลับขอบฟ้า
ในวิหารเจาหยาง กลิ่นอายของซือคงเย่อ่อนลงเรื่อยๆ
ราชันหมื่นสัตว์พิษคอยเฝ้าอยู่ไม่ห่าง
ซือคงฉางเฟิงเดินไปเดินมาอย่างร้อนใจ บางครั้งก็มองไปยังแสงอาทิตย์อัสดงซึ่งเป็นสีแดงฉานดังโลหิต “ไฉนยังไม่กลับมาอีก? ไม่ได้ของมาหรืออย่างไร? ท่านปรมาจารย์…กำลังจะไม่ไหวแล้ว…”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]