สกุลซือคงไม่ได้ไล่ตามนางไป สตรีศักดิ์สิทธิ์จึงไปถึงสกุลซางอย่างราบรื่น ร่างของนางอาบไปด้วยเลือด ไม่หลงเหลือสภาพเสื้อผ้าที่เคยเรียบร้อย องครักษ์สกุลซางมองนางด้วยความรังเกียจ “ขอทานจากไหนกัน? ไสหัวไปไกลๆ!”
ยาสลายวรยุทธ์หมดฤทธิ์แล้ว วรยุทธ์ของสตรีศักดิ์สิทธิ์กลับมาแล้ว คนผู้นี้หยาบคายกับนาง นางจำต้องสั่งสอนให้เขาหลาบจำ
นางยกมือขึ้น ต่อยอีกฝ่ายจนกระเด็นไปไกล
องครักษ์คนนั้นลอยไปและกระแทกพื้นอย่างแรง จนกระอักเลือดสดออกมา
องครักษ์อีกคนหนึ่งตะลึงงัน แล้วมองไปยังสตรีตรงหน้าด้วยความเหลือเชื่อ “เจ้า…เจ้าเป็นใคร กล้ามาหาเรื่องถึงสกุลซาง”
สตรีศีกดิ์สิทธิ์ตอบด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบว่า “ไปบอกประมุขของพวกเจ้า ว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์มา!”
“เจ้า? คือสตรีศักดิ์สิทธิ์?” เขามองนางด้วยท่าทางรังเกียจ
สตรีศักดิ์สิทธิ์รวบรวมพลังภายใน “เจ้าก็อยากกินหมัดเหมือนกันรึ?”
องครักษ์สัมผัสได้ถึงจิตสังหารรุนแรง เขาตื่นตะลึง เขาไม่กล้าเพิกเฉยอีกต่อไป วิ่งกระวีกระวาดไปทันที
ประมาณครึ่งชั่วยามต่อมา บุรุษคนหนึ่งท่าทางคล้ายกับพ่อบ้านก็เดินออกมาหน้าประตู และพาสตรีศักดิ์สิทธิ์ข้าไปด้านใน
ประมุขสกุลซางนั่งอยู่ในตำแหน่งเจ้าบ้าน เขามองสตรีศักดิ์สิทธิ์ด้วยท่าทางไม่ยี่หระ “เจ้าบอกว่าเจ้าคือสตรีศักดิ์สิทธิ์? มีหลักฐานอะไร”
สตรีศักดิ์สิทธิ์เดินอ้อมมายังด้านหน้าของฉากกั้น วางมือบนศิลาสตรีศักดิ์สิทธิ์ ศิลาสตรีศักดิ์สิทธิ์ก็ส่องแสงสีเขียวขึ้นมาทันใด
สตรีศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ สตรีศักดิ์สิทธิ์สีเขียว…หลานจี
ประมุขซางหรี่ตาน้อยๆ “ถ้าหากเจ้าคือสตรีศักดิ์สิทธิ์ ไฉนจึงต้องปลอมตัวเป็นคนอื่น?”
“ไม่ใช่เรื่องของเจ้า” สตรีศักดิ์สิทธิ์พูดอย่างหมดความอดทน
สายตาของประมุขซางแข็งกร้าวขึ้นทันใด แต่ใบหน้ากลับปรากฏรอยยิ้ม “ข้าไม่รู้ว่าเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ เสียมารยาทแล้ว”
เขาพูดพลางลุกขึ้นยืน ยกมือประสานทำท่าคำนับสตรีศักดิ์สิทธิ์ และให้สตรีศักดิ์สิทธิ์นั่งในตำแหน่งของตนเอง “สตรีศักดิ์สิทธิ์เชิญนั่ง”
สตรีศักดิ์สิทธิ์พูดอย่างเย่อหยิ่งว่า “ข้าไม่นั่งแล้ว หาเรือนให้ข้าหลังหนึ่ง ให้คนเตรียมน้ำ หาเสื้อผ้าสะอาดสามสี่ชุด ข้าจะอาบน้ำ”
ประมุขซางลูบคางพร้อมกับหัวเราะออกมา “ทำเช่นนี้…คงจะไม่เหมาะสมกระมัง…ไม่ใช่ว่าข้าไม่ยินดีที่จะต้อนรับสตรีศักดิ์สิทธิ์ แต่ว่า…”
สตรีศักดิ์สิทธิ์เชิดหน้าขึ้น แล้วพูดตัดบทว่า “เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดคำพูดเสแสร้งเช่นนี้ ข้ารู้ว่าซือคงอวิ๋นอยู่ที่สกุลซาง และรู้ว่าพวกเจ้าแตกหักกับสกุลซือคงแล้ว เรื่องที่เกิดเมื่อคืนคงเป็นฝีมือพวกเจ้ากระมัง ไม่สำเร็จสินะ? พวกเจ้ากำลังสู้กับสกุลซือคง ข้าก็เหมือนกัน พวกเรามีศัตรูร่วมกัน ไม่สู้มาร่วมมือกันดีกว่าหรือ”
ประมุขซางกล่าวอย่างมีเลศนัยว่า “ทุกวันนี้เจ้าเป็นเพียงสุนัขไร้บ้าน จะไปช่วยอะไรข้าได้?”
สตรีศักดิ์สิทธิ์นัยน์ตาเย็นเยียบ นางพูดด้วยสีหน้าขึงขังว่า “พวกเจ้าอยากขึ้นเป็นราชวงศ์ของหมิงตูแทนสกุลซือคงไม่ใช่หรือ? ถ้าหากไม่ได้รับการยอมรับจากวิหารสตรีศักดิ์สิทธิ์ ก็ย่อมพูดได้ไม่เต็มปากว่าชนะ!”
ประมุขซางหลุบตาลง ใคร่ครวญอยู่ชั่วขณะ “ตกลง ข้าจะร่วมมือกับเจ้า”
สตรีศักดิ์สิทธิ์หันหลังเดินออกจากโถงบุปผาไป
“เอาไป” ประมุขซางโยนขวดยาใบเล็กให้นาง
“นี่คืออะไร” สตรีศักดิ์สิทธิ์รับขวด พร้อมกับหันหลังมาถาม
ประมุขซางตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ เป็นยาที่ใช้สำหรับเพิ่มพลังในเลือดของเจ้าได้ ข้าไม่อยากร่วมมือกับสตรีศักดิ์สิทธิ์สีเขียวธรรมดา”
ธรรมดา? คนผู้นี้รู้หรือไม่ว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์สีเขียวนั้นสูงส่งเพียงใด? สกุลหลานมีสตรีศักดิ์สิทธิ์มากี่รุ่นต่อกี่รุ่น แต่คนที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือนาง!
“อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าสกุลหลานของพวกเจ้ามีราชาศักดิ์สิทธิ์ถือกำเนิดขึ้น” เมื่อคืนเขาอยู่ใกล้กับเขาหมิงซาน ย่อมสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของราชาศักดิ์สิทธิ์
สตรีศักดิ์สิทธิ์กำหมัดแน่น พยายามข่มความรู้สึกริษยา “แล้วอย่างไร? เจ้าคิดว่าราชาศักดิ์สิทธิ์จะช่วยเจ้าได้หรือ?”
ประมุขซางแค่นหัวเราะ “เพราะฉะนั้นเจ้าถึงห้ามอ่อนแอกว่า ห้ามแพ้ราชาศักดิ์สิทธิ์”
“หึ!” สตรีศักดิ์สิทธิ์กลอกตาอย่างรำคาญใจ แล้วเดินถือขวดยาจากไป
ยาของสกุลซางนั้นประสิทธิภาพเหลือเชื่อ ตกกลางคืน สตรีศักดิ์สิทธิ์สัมผัสได้ว่าพลังปราณของตนเปลี่ยนแปลงไป ศิลาสตรีศักดิ์สิทธิ์เปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีคราม และเปลี่ยนจากสีครามเป็นสีน้ำเงิน ครั้นถึงยามฟ้าสางมันก็เปล่งแสงสีม่วงออกมา
สตรีศักดิ์สิทธิ์นั่งขัดสมาธิอยู่ที่พื้น มองไปยังมือของตนอย่างเหลือเชื่อ “ข้า…ข้าเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์สีม่วงแล้วหรือ?”
นางเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์สีม่วงเลือดบริสุทธิ์ที่สุดแล้ว!
นางเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์สีม่วง!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]