หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3] นิยาย บท 443

คฤหาสน์สกุลซาง

ดวงจันทร์ลอยจรดยอดไม้ ประมุขซางนั่งอยู่ในห้องหนังสือ พลิกอ่านแผนการครอบครองหมิงตูซึ่งนายทหารคนหนึ่งมอบให้ นี่คืองานสกุลซือคง แต่สกุลซือคงคงอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว เมื่อใดที่สกุลซางขึ้นมาเป็นราชวงศ์แห่งหมิงตูแทนที่สกุลซือคง ตำแหน่งเจ้าเมืองหมิงตูก็ต้องตกเป็นของเขาวันยังค่ำ

เรื่องบางเรื่อง ปรับตัวล่วงหน้า เตรียมการแต่เนิ่นๆ ย่อมดีกว่า

ประมุขซางกำลังฮึกเหิม ทันใดนั้นเอง องครักษ์คนหนึ่งก็วิ่งหัวหกก้นขวิดเข้ามา “รายงานท่านประมุข…”

ทันทีที่องครักษ์เริ่มเอ่ยปาก ประมุขซางก็ขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์

องครักษ์ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตระหนักได้ว่าตนกำลังรบกวนเจ้านาย จึงรีบถอยออกไปพร้อมกับกระแอมเบาๆ แล้วรายงานว่า “ท่านประมุข ข้าน้อยขอเข้าพบขอรับ”

สกุลซางเป็นเชื้อพระวงศ์ที่เพิ่งถือกำเนิดขึ้นใหม่ มิได้มีธรรมเนียมปฏิบัติมากมายนัก ทว่าในเมื่อกำลังจะเข้ามาแทนที่สกุลซือคง ประมุชซางจึงยกเอากฎระเบียบและธรรมเนียมปฏิบัติของราชวงศ์ซือคงมาใช้ทั้งหมด

ประมุชซางวางตำราในมือลง ดื่มชาหนึ่งตำ แล้วเอ่ยถามอย่างไม่รีบร้อนว่า “เรื่องอะไร เหตุใดต้องร้อนรนเช่นนี้”

องครักษ์เห็นท่าทีไม่ยี่หระของประมุขซางก็รู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง เขาจึงรีบตอบว่า “เรียนท่านประมุข เกิดเรื่องในเขตหวงห้ามขอรับ”

“เขตหวงห้าม?” มือซึ่งถือถ้วยชาของประมุขซางชะงักไป ในใจนึกอยากบริภาษเขาว่าทำไมไม่บอกให้เร็วกว่านี้ ทว่าคำพูดกลับมาหยุดที่ริมฝีปาก เพราะนึกได้ว่าตนเป็นคนริเริ่มให้ใช้กฎนี้ เขาจึงกระแอมเล็กน้อยแล้วถามว่า “หนอนพิษพลังหยินถูกขโมยไปแล้ว ยังจะมีเรื่องอะไรอีก?”

เขาย่อมไม่คาดคิดว่าหลัวช่าโลหิตจะเกิดเรื่อง อย่างไรเสียหลัวช่าโลหิตก็แข็งแกร่ง ผู้ที่มีโอกาสเกิดเรื่องมากที่สุดในสกุลซางก็คือเขา

องครักษ์ทำใจดีสู้เสือตอบไปว่า “หลัวช่าคลุ้มคลั่ง สังหารยอดฝีมือสกุลซางไปหลายคนแล้วขอรับ!”

“อะไรนะ?!” ประมุขซางลุกพรวดขึ้นยืน เขาไม่สนตำรับตำราการครองเมืองอีกต่อไป กระวีกระวาดไปยังเขตหวงห้ามในทันที

ในเขตหวงห้าม หลัวช่าโลหิตสังหารราชาซิวหลัวระดับหกไปสามคน และกำลังจะสังหารคนที่สี่ สิ่งที่สำคัญก็คือ แม้ว่ายาของสกุลซางจะเพิ่มระดับพลังของซิวหลัว แต่มิใช่ว่าจะจับสุ่มหน่วยกล้าตายมาเปลี่ยนให้เป็นราชาซิวหลัวได้ง่ายดาย โดยเฉพาะราชาซิวหลัวระดับห้าขึ้นไป หากสังหารไปหนึ่งคน ก็มิใช่ว่าจะสามารถฝึกขึ้นมาได้ใหม่ภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี

ก่อนหน้านี้ในการต่อสู้กับสกุลซือคงก็สูญเสียไปหลายคน ตอนนี้ก็ต้องมาสูญเสียไปอีกสามคนโดยใช่เหตุ ประมุขซางปวดใจเหลือเกิน!

“หยุดเดี๋ยวนี้!” ประมุขซางเดินขึ้นไปบนสะพานไม้ ตวาดใส่หลัวช่าโลหิตซึ่งกำลังบิดคอราชาซิวหลัวคนที่สี่

ครึ่งร่างของหลัวช่าโลหิตจมอยู่ในบ่อเลือด ศพของราชาซิวหลัวสามคนลอยล่องอยู่บนบ่อเลือด เลือดของพวกเขาถูกปล่อยลงสู่บ่อเลือดจนร่างซูบซีด กระนั้นก็ไม่มีผู้ใดกล้าช้อนศพของพวกเขาขึ้นมา แม้แต่จะเข้าไปใกล้บ่อเลือดก็ยังไม่กล้า

มีเพียงประมุขซางที่กล้าทำเช่นนี้

น่าเสียดายที่หลัวช่าโลหิตมิได้สนใจเขา

“ข้าบอกให้หยุดเดี๋ยวนี้ ไม่ได้ยินรึ?!” ประมุขซางตวาดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ

ครั้งนี้หลัวช่าโลหิตกลับมีปฏิกิริยาตอบสนอง มันค่อยๆ หันหลังมา ดวงตาสีเขียวดุจอสูรกายจ้องเขม็งไปยังประ

มุขซาง

“ปล่อยเขาเดี๋ยวนี้!” ประมุขซางออกคำสั่งอีกครั้ง

หลัวช่าโลหิตปล่อยเขาลง ทว่าทันใดนั้นก็ฉีกเขาเป็นสองซีก

ประมุขซางโมโหจนแทบลมจับ!

เลี้ยงหลัวช่าโลหิตมานานหลายปี หากจะบอกว่าเขาไม่เคยพลั้งมือสังหารคนก็คงเป็นไปไม่ได้ ยามที่พวกเขาให้

อาหารเขาไม่เพียงพอ หลัวช่าโลหิตก็จะจับยอดฝีมือของสกุลซางมาแล้วดื่มเลือดพวกเขา ทว่าหลังจากที่ได้รู้นิสัยของหลัวช่าโลหิตและรู้เรื่องเครื่องสังเวยที่เขาต้องการ สกุลซางก็ไม่เคยเกิดเรื่องขึ้นอีก

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เพราะพวกเขาให้อาหารไม่เพียงพอ หลัวช่าโลหิตไม่ได้ดูดเลือดของพวกเขา แต่เขากำลังโกรธ

น่าแปลก มีเรื่องอะไรให้โกรธหรือ?

เมื่อวันก่อนก็เพิ่งให้เครื่องสังเวยเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์สีม่วงไปมิใช่หรือ สตรีศักดิ์สิทธิ์สีม่วงเป็นเครื่องสังเวยที่ดีกว่าหนอนพิษพลังหยินเสียอีก เขาก็ควรจะดีใจ ควรจะพอใจสิ

สกุลซางยังไม่เข้าใจอยู่ดี เขาทำได้เพียงเค้นสมองครุ่นคิด “เจ้าเป็นอะไรไป อยากได้เครื่องสังเวยอีกแล้วหรือ? ข้าบอกไปแล้วไม่ใช่หรือว่ารอหลังจากนี้อีกสองสามวันค่อยให้เจ้ากินราชาศักดิ์สิทธิ์?”

ความเดือดดาลปรากฏขึ้นบนใบหน้าอาบเลือด ทันใดนั้น เสียงแหบพร่าฟังไม่ค่อยถนัดหูก็ดังขึ้น “ปล่อย…ข้า…ออก…ไป…”

เสียงนี้ฟังดูไม่ยักเหมือนกับเป็นเสียงมนุษย์จะเปล่งออกมาได้

สกุลซางจำไม่ได้แล้วว่าครั้งสุดท้ายที่หลัวช่าโลหิตพูดนั้นคือเมื่อใด สิบปีก่อน? สิบห้าปีก่อน? ไม่พูดมานานถึงเพียงนี้ มิน่าแปลกใจที่เมื่อเขาพูดออกมาแล้วจะฟังดูประหลาดนัก

ประมุขซางใช้เวลานานโขกว่าจะฟังออกแต่ละคำ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง ทว่าเขาก็ตั้งสติได้ จึงมองลงไปยังหลัวช่าโลหิต แล้วกล่าวว่า “เจ้าออกไปไม่ได้ เจ้าลืมแล้วหรือ?”

หลัวช่าโลหิตคำรามลั่น สั่นเทิ้มไปทั้งร่าง!

ความน่าเกรงขามของเขาทำให้เหล่ายอดฝีมือสกุลซางกลัวจนต้องผงะถอยไป มีเพียงประมุขซางเท่านั้นที่ยังคงยืนอยู่กับที่ด้วยสีหน้าราบเรียบ

สกุลซางสะสมขุมกำลังเพื่อขึ้นเป็นใหญ่ในหมิงตู บ่อเลือดนี้เป็นอาวุธที่สำคัญที่สุดของสกุลซาง ผนังและก้นบ่อทำจากเหล็กนิล ในบ่อมีเส้นทางไปยังเรือนที่หลัวช่าโลหิตอาศัยอยู่ เรือนทำจากโลหะนิล อันที่จริงจะเรียกว่าเป็นกรงขังก็คงได้ อีกทั้งข้อเท้าขวาของหลัวช่าโลหิตมีโซ่เหล็กนิลล่ามเอาไว้ ตั้งแต่บ่อเลือดจนถึงเรือน มีโซ่เหล็กยาวไปตลอดทาง นี่เป็นประดิษฐกรรมที่ซับซ้อนและยิ่งใหญ่ มีเพียงสกุลซางเท่านั้นที่ทำได้

ประมุขซางมองเขาด้วยสีหน้าสงบนิ่ง แลดูมิได้เกรงกลัวหรือเห็นใจ “นี่เป็นการตัดสินใจของเจ้าเอง ทั้งบ่อเลือด ทั้งกรงขัง เป็นสิ่งที่เจ้าสร้างขึ้นมาเอง เจ้าเคยบอกว่าขอเพียงกลายเป็นราชาหลัวช่า เจ้าจึงจะสามารถทำลายโซ่นี้และออกไปจากกรงขังนี้ได้…เรื่องเหล่านี้ เจ้าลืมไปแล้วหรือ?”

หลัวช่าโลหิตคำรามด้วยความโกรธ!

ประมุขซางขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ หลายปีมานี้ทุกอย่างล้วนราบรื่น ไม่เคยเห็นหลัวช่าโลหิตเป็นเช่นนี้ บัดนี้พลังของเขาห่างจากระดับราชาหลัวช่าโลหิตอีกไม่เท่าไร ไฉนจึงรีบร้อนอยากออกไปนัก!

ประมุขซางเรียกองครักษ์ “พวกเจ้า ออกไปสำรวจเขตหวงห้าม!”

หลัวช่าโลหิตต้องถูกบางอย่างกระตุ้นเป็นแน่ มิเช่นนั้นเขาไม่มีทางทำตัวประหลาดเช่นนี้

“ขอรับ” ประมุขซางเรียกพวกเขาอีกครั้ง เขามองไปยังอีกด้านหนึ่งของบ่อโลหิต ทางนั้นเป็นเขาร้างที่ไม่มีผู้ใดผ่านไปมา ตามหลักแล้วคงไม่มีปัญหา แต่เพื่อความปลอดภัย ตรวจตราไว้ก่อนย่อมดีกว่า “ตรวจสอบด้านในแล้วก็ส่งคนไปตรวจตราบนเขาร้างด้วย

“ขอรับ! ท่านประมุข!” องครักษ์รีบออกไป

สกุลซางมองไปยังหลัวช่าโลหิตซึ่งคลุ้มคลั่ง แล้วเดินออกไปด้วยสีหน้าเย็นเยียบ

หลังจากที่ทุกคนออกไป อิ่งลิ่วและอิ่งสือซันซึ่งหลบอยู่ด้านหลังก้อนหินใหญ่ในถ้ำก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

หลังจากที่ทั้งสองและชิงเหยียนแยกทางกันไป ก็กลับมายังถ้ำนี้อีกครั้ง

เดิมทีพวกเขาคิดจะมาดูว่าสกุลซางจะมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างไรเมื่อรู้ว่าหลัวช่าโลหิตหายไป คิดไม่ถึงเลยว่าจะมาล่วงรู้ความลับสุดยอดเช่นนี้

ครั้งแรกที่เห็นหลัวช่าคนนี้ พวกเขายังคิดเสียอีกว่าหลัวช่าที่ไล่ตามชิงเหยียนไปนั้นกลับมาแล้ว ทว่าเมื่อฟังจากคำพูดของประมุขซางแล้ว จึงรู้ว่าหลัวช่าคนนี้ออกไปจากถ้ำไม่ได้ หรือกล่าวอย่างง่ายก็คือ สกุลซางเลี้ยงหลัวช่าไว้สองคน!

อีกทั้ง หลัวช่าโลหิตคนนี้…ยินดีที่จะอยู่แบบนี้เอง!

เรื่องที่สามที่ทำให้ทั้งสองตกใจก็คือสกุลซางคล้ายกับจะไม่รู้ถึงการมีอยู่ของหลัวช่าอีกคนหนึ่ง ส่วนหลัวช่าคนนี้น่าจะรู้เรื่องนี้ อย่างไรเสียก็เป็นพวกเดียวกัน เขาย่อมต้องสัมผัสถึงอีกฝ่ายได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]