คฤหาสน์สกุลซาง
ดวงจันทร์ลอยจรดยอดไม้ ประมุขซางนั่งอยู่ในห้องหนังสือ พลิกอ่านแผนการครอบครองหมิงตูซึ่งนายทหารคนหนึ่งมอบให้ นี่คืองานสกุลซือคง แต่สกุลซือคงคงอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว เมื่อใดที่สกุลซางขึ้นมาเป็นราชวงศ์แห่งหมิงตูแทนที่สกุลซือคง ตำแหน่งเจ้าเมืองหมิงตูก็ต้องตกเป็นของเขาวันยังค่ำ
เรื่องบางเรื่อง ปรับตัวล่วงหน้า เตรียมการแต่เนิ่นๆ ย่อมดีกว่า
ประมุขซางกำลังฮึกเหิม ทันใดนั้นเอง องครักษ์คนหนึ่งก็วิ่งหัวหกก้นขวิดเข้ามา “รายงานท่านประมุข…”
ทันทีที่องครักษ์เริ่มเอ่ยปาก ประมุขซางก็ขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์
องครักษ์ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตระหนักได้ว่าตนกำลังรบกวนเจ้านาย จึงรีบถอยออกไปพร้อมกับกระแอมเบาๆ แล้วรายงานว่า “ท่านประมุข ข้าน้อยขอเข้าพบขอรับ”
สกุลซางเป็นเชื้อพระวงศ์ที่เพิ่งถือกำเนิดขึ้นใหม่ มิได้มีธรรมเนียมปฏิบัติมากมายนัก ทว่าในเมื่อกำลังจะเข้ามาแทนที่สกุลซือคง ประมุชซางจึงยกเอากฎระเบียบและธรรมเนียมปฏิบัติของราชวงศ์ซือคงมาใช้ทั้งหมด
ประมุชซางวางตำราในมือลง ดื่มชาหนึ่งตำ แล้วเอ่ยถามอย่างไม่รีบร้อนว่า “เรื่องอะไร เหตุใดต้องร้อนรนเช่นนี้”
องครักษ์เห็นท่าทีไม่ยี่หระของประมุขซางก็รู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง เขาจึงรีบตอบว่า “เรียนท่านประมุข เกิดเรื่องในเขตหวงห้ามขอรับ”
“เขตหวงห้าม?” มือซึ่งถือถ้วยชาของประมุขซางชะงักไป ในใจนึกอยากบริภาษเขาว่าทำไมไม่บอกให้เร็วกว่านี้ ทว่าคำพูดกลับมาหยุดที่ริมฝีปาก เพราะนึกได้ว่าตนเป็นคนริเริ่มให้ใช้กฎนี้ เขาจึงกระแอมเล็กน้อยแล้วถามว่า “หนอนพิษพลังหยินถูกขโมยไปแล้ว ยังจะมีเรื่องอะไรอีก?”
เขาย่อมไม่คาดคิดว่าหลัวช่าโลหิตจะเกิดเรื่อง อย่างไรเสียหลัวช่าโลหิตก็แข็งแกร่ง ผู้ที่มีโอกาสเกิดเรื่องมากที่สุดในสกุลซางก็คือเขา
องครักษ์ทำใจดีสู้เสือตอบไปว่า “หลัวช่าคลุ้มคลั่ง สังหารยอดฝีมือสกุลซางไปหลายคนแล้วขอรับ!”
“อะไรนะ?!” ประมุขซางลุกพรวดขึ้นยืน เขาไม่สนตำรับตำราการครองเมืองอีกต่อไป กระวีกระวาดไปยังเขตหวงห้ามในทันที
ในเขตหวงห้าม หลัวช่าโลหิตสังหารราชาซิวหลัวระดับหกไปสามคน และกำลังจะสังหารคนที่สี่ สิ่งที่สำคัญก็คือ แม้ว่ายาของสกุลซางจะเพิ่มระดับพลังของซิวหลัว แต่มิใช่ว่าจะจับสุ่มหน่วยกล้าตายมาเปลี่ยนให้เป็นราชาซิวหลัวได้ง่ายดาย โดยเฉพาะราชาซิวหลัวระดับห้าขึ้นไป หากสังหารไปหนึ่งคน ก็มิใช่ว่าจะสามารถฝึกขึ้นมาได้ใหม่ภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี
ก่อนหน้านี้ในการต่อสู้กับสกุลซือคงก็สูญเสียไปหลายคน ตอนนี้ก็ต้องมาสูญเสียไปอีกสามคนโดยใช่เหตุ ประมุขซางปวดใจเหลือเกิน!
“หยุดเดี๋ยวนี้!” ประมุขซางเดินขึ้นไปบนสะพานไม้ ตวาดใส่หลัวช่าโลหิตซึ่งกำลังบิดคอราชาซิวหลัวคนที่สี่
ครึ่งร่างของหลัวช่าโลหิตจมอยู่ในบ่อเลือด ศพของราชาซิวหลัวสามคนลอยล่องอยู่บนบ่อเลือด เลือดของพวกเขาถูกปล่อยลงสู่บ่อเลือดจนร่างซูบซีด กระนั้นก็ไม่มีผู้ใดกล้าช้อนศพของพวกเขาขึ้นมา แม้แต่จะเข้าไปใกล้บ่อเลือดก็ยังไม่กล้า
มีเพียงประมุขซางที่กล้าทำเช่นนี้
น่าเสียดายที่หลัวช่าโลหิตมิได้สนใจเขา
“ข้าบอกให้หยุดเดี๋ยวนี้ ไม่ได้ยินรึ?!” ประมุขซางตวาดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
ครั้งนี้หลัวช่าโลหิตกลับมีปฏิกิริยาตอบสนอง มันค่อยๆ หันหลังมา ดวงตาสีเขียวดุจอสูรกายจ้องเขม็งไปยังประ
มุขซาง
“ปล่อยเขาเดี๋ยวนี้!” ประมุขซางออกคำสั่งอีกครั้ง
หลัวช่าโลหิตปล่อยเขาลง ทว่าทันใดนั้นก็ฉีกเขาเป็นสองซีก
ประมุขซางโมโหจนแทบลมจับ!
เลี้ยงหลัวช่าโลหิตมานานหลายปี หากจะบอกว่าเขาไม่เคยพลั้งมือสังหารคนก็คงเป็นไปไม่ได้ ยามที่พวกเขาให้
อาหารเขาไม่เพียงพอ หลัวช่าโลหิตก็จะจับยอดฝีมือของสกุลซางมาแล้วดื่มเลือดพวกเขา ทว่าหลังจากที่ได้รู้นิสัยของหลัวช่าโลหิตและรู้เรื่องเครื่องสังเวยที่เขาต้องการ สกุลซางก็ไม่เคยเกิดเรื่องขึ้นอีก
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เพราะพวกเขาให้อาหารไม่เพียงพอ หลัวช่าโลหิตไม่ได้ดูดเลือดของพวกเขา แต่เขากำลังโกรธ
น่าแปลก มีเรื่องอะไรให้โกรธหรือ?
เมื่อวันก่อนก็เพิ่งให้เครื่องสังเวยเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์สีม่วงไปมิใช่หรือ สตรีศักดิ์สิทธิ์สีม่วงเป็นเครื่องสังเวยที่ดีกว่าหนอนพิษพลังหยินเสียอีก เขาก็ควรจะดีใจ ควรจะพอใจสิ
สกุลซางยังไม่เข้าใจอยู่ดี เขาทำได้เพียงเค้นสมองครุ่นคิด “เจ้าเป็นอะไรไป อยากได้เครื่องสังเวยอีกแล้วหรือ? ข้าบอกไปแล้วไม่ใช่หรือว่ารอหลังจากนี้อีกสองสามวันค่อยให้เจ้ากินราชาศักดิ์สิทธิ์?”
ความเดือดดาลปรากฏขึ้นบนใบหน้าอาบเลือด ทันใดนั้น เสียงแหบพร่าฟังไม่ค่อยถนัดหูก็ดังขึ้น “ปล่อย…ข้า…ออก…ไป…”
เสียงนี้ฟังดูไม่ยักเหมือนกับเป็นเสียงมนุษย์จะเปล่งออกมาได้
สกุลซางจำไม่ได้แล้วว่าครั้งสุดท้ายที่หลัวช่าโลหิตพูดนั้นคือเมื่อใด สิบปีก่อน? สิบห้าปีก่อน? ไม่พูดมานานถึงเพียงนี้ มิน่าแปลกใจที่เมื่อเขาพูดออกมาแล้วจะฟังดูประหลาดนัก
ประมุขซางใช้เวลานานโขกว่าจะฟังออกแต่ละคำ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง ทว่าเขาก็ตั้งสติได้ จึงมองลงไปยังหลัวช่าโลหิต แล้วกล่าวว่า “เจ้าออกไปไม่ได้ เจ้าลืมแล้วหรือ?”
หลัวช่าโลหิตคำรามลั่น สั่นเทิ้มไปทั้งร่าง!
ความน่าเกรงขามของเขาทำให้เหล่ายอดฝีมือสกุลซางกลัวจนต้องผงะถอยไป มีเพียงประมุขซางเท่านั้นที่ยังคงยืนอยู่กับที่ด้วยสีหน้าราบเรียบ
สกุลซางสะสมขุมกำลังเพื่อขึ้นเป็นใหญ่ในหมิงตู บ่อเลือดนี้เป็นอาวุธที่สำคัญที่สุดของสกุลซาง ผนังและก้นบ่อทำจากเหล็กนิล ในบ่อมีเส้นทางไปยังเรือนที่หลัวช่าโลหิตอาศัยอยู่ เรือนทำจากโลหะนิล อันที่จริงจะเรียกว่าเป็นกรงขังก็คงได้ อีกทั้งข้อเท้าขวาของหลัวช่าโลหิตมีโซ่เหล็กนิลล่ามเอาไว้ ตั้งแต่บ่อเลือดจนถึงเรือน มีโซ่เหล็กยาวไปตลอดทาง นี่เป็นประดิษฐกรรมที่ซับซ้อนและยิ่งใหญ่ มีเพียงสกุลซางเท่านั้นที่ทำได้
ประมุขซางมองเขาด้วยสีหน้าสงบนิ่ง แลดูมิได้เกรงกลัวหรือเห็นใจ “นี่เป็นการตัดสินใจของเจ้าเอง ทั้งบ่อเลือด ทั้งกรงขัง เป็นสิ่งที่เจ้าสร้างขึ้นมาเอง เจ้าเคยบอกว่าขอเพียงกลายเป็นราชาหลัวช่า เจ้าจึงจะสามารถทำลายโซ่นี้และออกไปจากกรงขังนี้ได้…เรื่องเหล่านี้ เจ้าลืมไปแล้วหรือ?”
หลัวช่าโลหิตคำรามด้วยความโกรธ!
ประมุขซางขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ หลายปีมานี้ทุกอย่างล้วนราบรื่น ไม่เคยเห็นหลัวช่าโลหิตเป็นเช่นนี้ บัดนี้พลังของเขาห่างจากระดับราชาหลัวช่าโลหิตอีกไม่เท่าไร ไฉนจึงรีบร้อนอยากออกไปนัก!
ประมุขซางเรียกองครักษ์ “พวกเจ้า ออกไปสำรวจเขตหวงห้าม!”
หลัวช่าโลหิตต้องถูกบางอย่างกระตุ้นเป็นแน่ มิเช่นนั้นเขาไม่มีทางทำตัวประหลาดเช่นนี้
“ขอรับ” ประมุขซางเรียกพวกเขาอีกครั้ง เขามองไปยังอีกด้านหนึ่งของบ่อโลหิต ทางนั้นเป็นเขาร้างที่ไม่มีผู้ใดผ่านไปมา ตามหลักแล้วคงไม่มีปัญหา แต่เพื่อความปลอดภัย ตรวจตราไว้ก่อนย่อมดีกว่า “ตรวจสอบด้านในแล้วก็ส่งคนไปตรวจตราบนเขาร้างด้วย
“ขอรับ! ท่านประมุข!” องครักษ์รีบออกไป
สกุลซางมองไปยังหลัวช่าโลหิตซึ่งคลุ้มคลั่ง แล้วเดินออกไปด้วยสีหน้าเย็นเยียบ
หลังจากที่ทุกคนออกไป อิ่งลิ่วและอิ่งสือซันซึ่งหลบอยู่ด้านหลังก้อนหินใหญ่ในถ้ำก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
หลังจากที่ทั้งสองและชิงเหยียนแยกทางกันไป ก็กลับมายังถ้ำนี้อีกครั้ง
เดิมทีพวกเขาคิดจะมาดูว่าสกุลซางจะมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างไรเมื่อรู้ว่าหลัวช่าโลหิตหายไป คิดไม่ถึงเลยว่าจะมาล่วงรู้ความลับสุดยอดเช่นนี้
ครั้งแรกที่เห็นหลัวช่าคนนี้ พวกเขายังคิดเสียอีกว่าหลัวช่าที่ไล่ตามชิงเหยียนไปนั้นกลับมาแล้ว ทว่าเมื่อฟังจากคำพูดของประมุขซางแล้ว จึงรู้ว่าหลัวช่าคนนี้ออกไปจากถ้ำไม่ได้ หรือกล่าวอย่างง่ายก็คือ สกุลซางเลี้ยงหลัวช่าไว้สองคน!
อีกทั้ง หลัวช่าโลหิตคนนี้…ยินดีที่จะอยู่แบบนี้เอง!
เรื่องที่สามที่ทำให้ทั้งสองตกใจก็คือสกุลซางคล้ายกับจะไม่รู้ถึงการมีอยู่ของหลัวช่าอีกคนหนึ่ง ส่วนหลัวช่าคนนี้น่าจะรู้เรื่องนี้ อย่างไรเสียก็เป็นพวกเดียวกัน เขาย่อมต้องสัมผัสถึงอีกฝ่ายได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]