ราชาหลัวช่าไม่ได้เป็นหมอ แต่ครั้นเมื่อเป็นสหายร่วมเรียนในจวนซือคงยามก่อน ได้ศึกษาวิชาต่างๆ มากมาย จึงมีโอกาสได้สัมผัสยารักษาโรคต่างๆ อยู่ไม่น้อย แม้ว่าเวลาจะผ่านมานานหลายปี ลืมสิ่งที่อาจารย์สอนไปเกือบหมดแล้ว แต่ปัญญาความเฉียบแหลมพื้นฐานยังคงอยู่ ยาขวดนี้ไม่ใช่ขวดที่เขาเคยกินมาก่อนหน้านี้
สีหน้าของราชาหลัวช่าพลันเย็นเยียบลง เมื่อมองประมุขซางที่โค้งคำนับตรงหน้าเขา พลังกดดันอันทรงพลังก็แผ่ออกมา
ทันใดนั้นประมุขซางก็รู้สึกเจ็บหลัง ขาและเข่าอ่อนแรง จนจำต้องคุกเข่าลง เขารู้ว่าปรมาจารย์รับรู้ถึงความแตกต่างของเม็ดยา แต่ทว่าเขากลับไม่ตื่นตระหนก ยกมือคำนับแล้วอธิบายว่า “นี่คือยารักษาบาดแผลชนิดใหม่ที่ถูกพัฒนาขึ้น โดยผู้ทำยาของจวน ไม่เพียงแต่รักษาอาการบาดเจ็บภายในได้อย่างรวดเร็ว ยังช่วยบำรุงปอดและเติมพลังชี่ ขับความชื้น และบรรเทาความเจ็บปวด ท่านฝึกฝนในสระโลหิตมาหลายปี วรยุทธ์สูงส่ง แต่ก็ยังมีอาการป่วยหลงเหลืออยู่บ้าง”
นี่ก็เป็นความจริง สภาพแวดล้อมที่มืดมิดและอับชื้นตลอดปี ได้ทิ้งอาการป่วยไว้ แต่การเจ็บป่วยเช่นนี้ไม่มีค่าอะไรสำหรับผู้ฝึกวรยุทธ์ ราชาหลัวช่าไม่เคยใส่ใจเรื่องนี้เลย
ประมุขซางใส่ใจ หาใช่เพื่อสิ่งอื่นใด เขาต้องการใช้ความเคารพนับถือของตน พาปรมาจารย์กลับไปที่ค่าย
ราชาหลัวช่าไม่ไว้ใจ แม้ประมุขซางจะปฏิบัติด้วยความจริงใจ เขายังคงโยนเม็ดยาให้ประมุขซาง เพื่อให้เขาลองกินมันก่อน
ประมุขซางส่ายหัวถอนใจ หยิบยาโลหิตบนพื้นขึ้นมาและกินมัน
ราชาหลัวช่ารออยู่ครึ่งชั่วยาม เมื่อแน่ใจว่าประมุขซางไม่ได้ถูกวางยาพิษ จึงเทยารักษาบาดแผลเม็ดหนึ่งกิน
เดิมวิชาอายุวัฒนะเป็นวิชายุทธ์ที่ใช้ในการยับยั้งเวทโลหิต โชคดีที่กลายเป็นราชาหลัวช่าแล้ว ไม่เช่นนั้นก็อาจถูกซือคงเย่เล่นงานจนสาหัส และเขาคงตายไปแล้ว
ราชาหลัวช่าเคลื่อนย้ายลมปราณครู่หนึ่ง แม้จะยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แต่อาการก็ดีกว่าเมื่อวานมาก
ประมุขซางที่คุ้มกันอยู่ด้านข้างรู้สึกประหลาดใจ ยามที่เขารีบไปยังเขตต้องห้ามเมื่อคืนนี้ เขาเห็นราชาหลัวช่าบาดเจ็บถึงเพียงนั้น เขาคิดว่าอีกฝ่ายต้องตายเป็นแน่ ไม่คาดคิดว่าเวลาเพียงชั่วข้ามคืน เขาจะฟื้นฟูมากกว่าครึ่งหนึ่งแล้ว
แม้ว่ายารักษาบาดแผลที่เขาให้แก่ราชาหลัวช่าจะดี แต่ก็ยังมิได้เพียงพอที่จะทำให้เกิดปาฏิหาริย์เช่นนี้ ดูเหมือนว่าตำนานที่ราชาหลัวช่ามีร่างกายแข็งแกร่งคงกระพัน อาจมิได้เป็นเพียงตำนาน
ยามที่หลัวช่าน้อยยังไม่เคยเห็นโลกภายนอก มันอยู่ในสระโลหิตได้ไม่มีปัญหาใด ทว่าบัดนี้ไม่ใช่อีกแล้ว มันกระโดดไปมาภายในห้องสองสามรอบ เอาแต่คิดจะออกไปข้างนอก ตั้งแต่ต้นจนจบ ราชาหลัวช่ากลับไม่ปล่อยให้มันคลาดสายตา ในที่สุดหลัวช่าน้อยก็นั่งไม่ติด คว้าแขนเสื้อของราชาหลัวช่าแล้วลากเขาออกไป
เมื่อเห็นเช่นนั้น ประมุขซางก็รีบกล่าว “ปรมาจารย์ วันนี้อากาศดีทีเดียว ไยไม่ออกมาเดินเล่นสักหน่อยเล่า”
ไม่รู้ว่าเพราะคำพูดของประมุขซาง หรือความดื้อรั้นของหลัวช่าน้อยที่ชักจูงไป ในที่สุด ราชาหลัวช่าก็ลุกขึ้น ออกจากห้องไปกับหลัวช่าน้อย
หากคิดว่าหลัวช่าน้อยจะพึงพอใจเพียงได้เดินรอบบ้าน นั่นก็ไร้เดียงสาไปหน่อย
หลัวช่าน้อยดึงแขนเสื้อราชาหลัวช่าออกไปนอกจวนด้วยแรงสุดกำลัง!
“คุณชายน้อยอยากออกไปข้างนอกหรือ?” ประมุขซางกลอกตา ครุ่นคิดถึงเหตุการณ์แพ้ชนะที่จะเกิดขึ้น หลังจากถูกยอดฝีมือสกุลซือคงโจมตี และได้ข้อสรุปว่าสกุลซือคงไม่อาจเอาชนะปรมาจารย์ได้ เมืองหมิงตูเป็นที่ที่เดินเล่นได้!
ประมุขซางเตรียมรถม้า เชิญหลัวช่าน้อยและราชาหลัวช่าขึ้นไป
หลัวช่าน้อยกระโดดขึ้นไปบนรถอย่างมีความสุข แต่เมื่อเห็นว่าราชาหลัวช่าไม่ขึ้นมา จึงลงไปลากเขาขึ้นมาอีกครั้ง
ประมุขซางควบม้าไปตามทาง
ปรมาจารย์ผู้นี้เป็นยอดฝีมือระดับสูงแห่งหมิงตู องครักษ์จึงไม่จำเป็นอีกต่อไป พวกเขาเดินทางอย่างเรียบง่าย ในไม่ช้าก็เข้าสู่ย่านที่คึกคักที่สุดในหมิงตู
หลัวช่าน้อยยกม่านขึ้น ร่างเล็กเอนตัวนอนบนหน้าต่าง มองความพลุกพล่านของหมิงตูราวกับขี่ม้าชมดอกไม้
ไม่รู้ว่ามันมองเห็นสิ่งใด จู่ๆ ก็ส่งเสียงร้องออกมา
“หยุดรถ” ประมุขซางกล่าว
สารถีหยุดรถม้า
หลัวช่าน้อยแวบกายออกไป มาหยุดลงหน้าหาบเร่ขายถังหูลู่ มันกระโดด หยิบถังหูลู่สามไม้!
เวลานี้ พ่อค้าเร่กำลังยุ่งกับการค้า ไม่ทันสังเกตว่าถังหูลู่ของตนถูกเจ้าตัวเล็กนี้หยิบไป “…ให้ พวกเจ้าหยิบไป ทั้งหมดสี่ไม้”
ไข่ดำน้อยหยิบถังหูลู่ของตน เสี่ยวเป่าสองไม้ เอ้อร์เป่าและต้าเป่าคนละหนึ่งไม้
“ขอบคุณพี่ชาย” เอ้อร์เป่ากล่าวอย่างอ่อนหวาน
“โอ้ เด็กดีจริงๆ” คนขายมีความสุข
ฮะ?
หลัวช่าน้อยที่กำลังจะขึ้นรถได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ก้าวสั้นหยุดชะงัก เอนหลังมองไปที่ไข่ดำน้อย
“น้องชาย!” เสี่ยวเป่ามองเห็นมัน ชูถังหูลู่ที่เป็นประกายแวววาวสองไม้ข้ามพ่อค้าเร่ มาอยู่ด้านหน้าหลัวช่าน้อย
เสี่ยวเป่ายื่นถังหูลู่ไม้หนึ่งให้มัน “นี่! ข้าซื้อมาให้เจ้า!”
ต้าเป่าและเอ้อร์เป่าก็เดินไปหาเช่นกัน
ทั้งสองพยักหน้าแสดงออกว่าพวกเขาซื้อมาให้
หลัวช่าน้อยมองถังหูลู่ที่ซื้อมาให้ตน จากนั้นก็มองถังหูลู่สามไม้ในมือ ที่เดิมทีคิดจะนำไปให้พวกเขาที่หมิงซาน ทั้งร่างก็ตกตะลึง
“น้องชาย เจ้าไปที่ใดมา? เหตุใดเจ้าไม่กลับบ้าน?” เสี่ยวเป่ากระตือรือร้นถาม
“วันนี้เราจะไปหาเจ้า” เอ้อร์เป่ากล่าวอย่างนุ่มนวล
หลัวช่าน้อยเอียงศีรษะราวกับไม่เข้าใจความหมายของคนทั้งสอง
และยื่นถังหูลู่ในมือให้พวกเขา
ตอนนี้ พ่อค้าหาบเร่ตระหนักได้ว่าถังหูลู่ของเขาถูกเจ้าตัวน้อยนั่นหยิบไป และไม่ได้จ่ายเงินซื้อมัน!
แต่ดูแล้ว พวกเขามาด้วยกันหรือ?
ขณะที่พ่อค้าเร่กำลังลังเลว่าจะไปคิดบัญชีกับลุงผมขาวผู้นั้นหรือไม่ ราชาหลัวช่าก็เดินเข้ามาพร้อมกับแผ่กลิ่นอายกดข่ม
เขาระงับลมหายใจของหลัวช่าโลหิต ทว่าใบหน้ายังคงมีไอสังหารที่ชวนให้หวาดกลัวจนตัวสั่นเผยออกมาโดยไม่รู้ตัว น่องของพ่อค้าเร่อดสั่นระริกไม่ได้ สังหรณ์บอกเขาว่า อีกฝ่ายไม่ใช่คนที่สามารถแตะต้องได้ หากเขาเอาเงินจากอีกฝ่าย ผลอาจถูกอีกฝ่ายเอาชีวิตไปจากตน
เมื่อความคิดกระจ่าง พ่อค้าหาบเร่ก็หอบไม้ถังหูลู่วิ่งหนีเตลิด!
ทันทีที่เขาวิ่งออกไป ซือคงเย่ซึ่งยืนนับเหรียญทองแดงอยู่ด้านหลังก็เผยสู่สายตาของราชาหลัวช่า
ซือคงเย่รู้สึกว่าจำนวนเหรียญทองแดงไม่ถูกต้องนัก เห็นๆ ว่าเขานำเหรียญทองแดงมาหนึ่งร้อยเหรียญ ถังหูลู่ไม้ละสิบอีแปะ เถ้าแก่บอกว่าเป็นลูกค้าเก่า ลดราคาให้ไม้ละหนึ่งอีแปะ ไม้ที่สี่คิดเงินเพียงสองอีแปะ หนึ่งไม้ทอนเขาหนึ่งอีแปะ ก็หมายความว่าเขาจ่ายแค่ยี่สิบเจ็ดอีแปะ รวมสองอีแปะของไม้ที่สี่ เหตุใดมีแค่ยี่สิบเก้าอีแปะ แล้วอีกหนึ่งอีแปะอยู่ที่ใด?
ซือคงเย่สับสนงวยงง!
“เหอะ” เมื่อราชาหลัวช่าเห็นท่าทางของเขา ก็รู้ว่าเขากำลังสับสนอีกแล้ว ใครจะรู้ว่ายอดฝีมืออันดับหนึ่งในใต้หล้าจะโง่เขลาด้านคำนวณเลขเช่นนี้? ข้อสอบของเขาในยามนั้น ล้วนเป็นเพื่อนร่วมเรียนผู้นี้ที่ทำให้!!!
เมื่อได้ยินน้ำเสียงเหยียดหยามของราชาหลัวช่า ซือคงเย่พลันหรี่ตาและเงยหน้าขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]