“เกิดอะไรขึ้น?” ภายในเรือน อวี๋หวั่นถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล
จิงหงขมวดคิ้วกล่าว “ประมุขซือคง พาองครักษ์สกุลซือคงไปแก้แค้นสกุลซางแล้วขอรับ”
“เขา?” อวี๋หวั่นตะลึงไปเล็กน้อย หากจำไม่ผิด ประมุขซือคงได้รับบาดเจ็บสาหัส วรยุทธ์ถูกทำลายสิ้น กระทั่งยามนี้ก็ยังไม่หายดี เหตุใดถึงรีบร้อนไปแก้แค้นสกุลซางเช่นนี้?
จิงหงคาดเดา “เขาต้องคิดว่าสกุลซางไม่มีราชาหลัวช่าแล้ว ทั้งยังสูญเสียราชาซิวหลัวระดับสูงไปไม่น้อย ย่อมไม่มีความแข็งแกร่งเช่นเดิม ต้องรีบกวาดล้างสกุลซาง ก่อนที่พวกเขาจะสร้างยอดฝีมือคนใหม่ได้สำเร็จ”
อวี๋หวั่นพยักหน้าอย่างครุ่นคิด “ต้องเป็นเช่นนี้ไม่ผิดแน่ สกุลซางเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ ไม่ช้าก็เร็วอย่างไรก็ต้องจัดการกับพวกเขา”
ทว่าความเสียหายของสกุลซือคงและหมิงซานก็สาหัสอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงไม่มาพักที่วิหารเจาหยาง
“คุณชายใหญ่ซือคงรู้เรื่องนี้หรือไม่?” อวี๋หวั่นถาม
จิงหงตอบกลับ “รู้แล้วขอรับ คุณชายใหญ่ไม่สามารถเกลี้ยกล่อมประมุขซือคงได้ เขาจึงส่งคนไปที่โถงเจาหยางเพื่อรายงานข่าว ส่วนตนเองก็ไปกับประมุขแล้ว”
เขาเป็นบุตรกตัญญู ดูเหมือนว่าหลังจากการต่อสู้ครั้งนั้น ปมในใจระหว่างบิดากับบุตรชายได้คลายออกไม่น้อย ประมุขซือคงเสียสละชีวิตเพื่อช่วยบุตรชายคนโต ทั้งยังฝากสกุลซือคงไว้กับเขาก่อนตาย ความขุ่นเคืองในใจของซือคงฉางเฟิงได้จางหายไปหมดแล้ว
อวี๋หวั่นปลาบปลื้มที่บิดาและบุตรชายให้อภัยกัน แต่กลับกังวลถึงสถานการณ์ต่อไปที่พวกเขาต้องเจอ สกุลซางได้ขโมยตำราลับการสร้างราชาหลัวช่าจากสกุลซือคงไปมากกว่าหนึ่งเล่ม ไม่ว่าจะเป็นอาวุธ หรือแม้แต่ยาอายุวัฒนะเพิ่มพลัง เกรงว่าล้วนเป็นมรดกของเผ่าพ่อมด พวกเขามีมรดกอันทรงพลังเช่นนั้นจะจัดการได้ง่ายๆ หรือ?
“ทำอย่างไรดี ฮูหยิน?” จิงหงถามอย่างกังวล
“พวกเขาจากไปนานเท่าใดแล้ว?” อวี๋หวั่นกล่าว
“ไปได้ครึ่งถ้วยชาแล้ว” จิงหงกล่าว
“เจ้าส่งคนตามไปก่อน หากตามทันก็บอกว่า…ข้อความจากท่านปรมาจารย์ ให้พวกเขารออยู่ตรงนั้น อย่ากระทำการบุ่มบ่าม แต่หากตามไม่ทัน…ตามไม่ทันค่อยว่ากันเถิด เจ้าก็อย่าเข้าไปพัวพัน” อวี๋หวั่นไม่ชอบการเสียสละอย่างกล้าหาญ ทุกชีวิตมีค่าในสายตาเธอ
จิงหงไม่เคยเห็นชีวิตตนเองหรือครอบครัวเป็นสำคัญ เขาเป็นคนหมิงซาน เพื่อหมิงซานแล้ว เขาใช้ชีวิตตัวเองได้โดยไม่ลังเล นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนบอกเขา ให้เขาใช้ชีวิตให้ดี
จิงหงอยากจะกล่าวว่า ตายเพื่อนายมิใช่เรื่องสมควรหรือ? แต่เมื่อคำนั้นมาถึงริมฝีปากกลับพูดไม่ออก
เขาสังเกตมานานแล้ว ว่านายผู้นี้แตกต่างจากนายอื่นๆ ที่เขาเคยเจอ ในสายตาของนางราวกับไม่มีการแบ่งแยกชนชั้นสูงต่ำ มีเพียงบทบาทหน้าที่ของแต่ละคน หรืออาจเพราะนิสัยเช่นนี้ ถึงทำให้ร่างกายเล็กๆ ซึ่งไร้วรยุทธ์นี้แสดงพลังที่เกินจะบรรยายได้ออกมา
“เป็นอะไร? ยังมีเรื่องใดอีกหรือ?” อวี๋หวั่นเห็นว่าเขาไม่ขยับจึงเอ่ยถาม
“อ้า ไม่…ไม่มีอะไรขอรับ” จิงหงได้สติ โบกมือปฏิเสธ “เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”
อวี๋หวั่นพยักหน้า “เดินดีๆ นะ”
จิงหงรีบเดินไปอย่างเร่งรีบ อวี๋หวั่นไม่รู้ว่าในใจของศิษย์ผู้นี้คิดไปกี่ร้อยกี่พันตลบ เธอคิดถึงเรื่องที่ประมุขซือคงไปเยือนสกุลซาง จนเดินมาถึงประตูห้องลับโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
“โอ๊ย” เธอใช้มือข้างหนึ่งอุ้มท้อง อีกข้างตีหน้าผากตนเอง “ข้าลืมไปได้อย่างไรว่าเยี่ยนจิ่วเฉากำลังทำพิธี? มาขัดจังหวะเขาเวลานี้…”
ยังไม่ทันจะกล่าวจบ ครรภ์ของเธอก็ขยับ
เสี่ยวซื่อใช้จิตสัมผัสราชาศักดิ์สิทธิ์สื่อสารกับบิดาผ่านประตูหิน
ครืน
ประตูหินเปิดออก
อวี๋หวั่นจ้องมองเยี่ยนจิ่วเฉาที่ปรากฏตัวต่อหน้าเธอด้วยความประหลาดใจ
เยี่ยนจิ่วเฉากล่าวว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
“ข้าไม่ได้รบกวนท่านใช่หรือไม่?” อวี๋หวั่นได้ยินว่าขณะที่พวกเขากำลังฝึกฝนไม่ควรรบกวน ไม่เช่นนั้นอาจทำให้คลุ้มคลั่งเสียสติ
เยี่ยนจิ่วเฉากล่าวอย่างเฉยเมย “ข้าไม่เป็นไร เด็กพวกนั้นสร้างปัญหาอีกแล้วหรือ?”
“ไม่ใช่พวกเขา เป็นประมุขซือคง” อวี๋หวั่นบอกเยี่ยนจิ่วเฉาเรื่องการแก้แค้นสกุลซางของเขา “ประมุขซางรีดเลือดของราชาหลัวช่า และได้ยาโลหิตของหลัวช่าน้อยไป ผู้ใดจะรู้ว่าเขาจะสร้างอะไรขึ้นมาอีก เกรงว่าประมุขซือคงจะประเมินกำลังพวกเขาต่ำไป”
อวี๋หวั่นคาดไว้ไม่ผิด แผนที่ประมุขซือคงนำคนไปปราบสกุลซางเกือบล้มเหลวตั้งแต่ยังไม่เริ่ม สกุลซางไม่มีราชาหลัวช่าแล้ว ราชาซิวหลัวระดับสูงส่วนใหญ่ก็ตายไปมากกว่าครึ่ง แต่ไม่รู้เลยว่าพวกเขาใช้วิธีใดสร้างซิวหลัวโลหิตที่น่าสะพรึงกลัวออกมาแล้ว!
ความแข็งแกร่งของราชาซิวหลัวประกอบกับพลังฟื้นฟูของหลัวช่าโลหิต ทำให้ยอดฝีมือกลุ่มนี้แข็งแกร่งไร้เทียมทานตั้งแต่ออกมา
ประมุขซือคงมองสถานการณ์ด้านเดียว เบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อสายตา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]