หลังจากล่องเรือมาหลายวัน อากาศดี คลื่นลมสงบ
พวกเยี่ยนจิ่วเฉาและอวี๋หวั่นอยู่บนเรือขนาดใหญ่ถึงสามสี่เท่าของเรือสำเภาเรือน เรือมีระดับน้ำสูง แล่นไปได้อย่างมั่นคง นี่เป็นเรื่องที่ดีสำหรับอวี๋หวั่นที่กำลังตั้งครรภ์อย่างไม่ต้องสงสัย
หากเรือแล่นเร็วหรือโคลงเคลงเกินไป เธอก็จะเมาเรือ
อากาศร้อนขึ้นเล็กน้อย ทว่าลมทะเลกลับพัดพาให้รู้สึกสบายอย่างยิ่ง
อวี๋หวั่นยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือพิงราวกั้น ทอดสายตามองออกไปยังผืนน้ำที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา
“ฮูหยิน ตรงนี้แดดแรงยิ่งนัก” สาวใช้เดินมาพร้อมกับร่มกระดาษ และนำมากางให้อวี๋หวั่น
สาวใช้ผู้นี้ชื่อผิงเอ๋อร์ ถูกพาขึ้นเรือมาโดยเจ้าของเรือทั้งสามคน บอกว่าร่างกายเธอทำสิ่งใดไม่ค่อยสะดวก จะเป็นการดีหากมีสาวใช้หลายคนคอยปรนนิบัติดูแล
ผิงเอ๋อร์ตัวเล็ก หน้าตาไม่นับว่าสะสวย ไม่เป็นที่สะดุดตาในหมู่ผู้คน แต่นางกลับทำสิ่งต่างๆ ได้เป็นอย่างดี นอกจากฝูหลิงและจื่อซูแล้ว สาวใช้ที่ได้เรื่องที่สุดที่เคยใช้มาก็คือนาง
“ปีนี้เจ้าอายุเท่าใด?” อวี๋หวั่นถาม
“สิบเจ็ดเจ้าค่ะ” ผิงเอ๋อร์ตอบ
อวี๋หวั่นบ่น “สิบเจ็ด ได้เวลาออกเรือนแล้ว”
ฝูหลิงและจื่อซูก็อายุสิบเจ็ดแล้วเช่นกัน รอพวกเขากลับไปถึงจวนเห้อเหลียนที่หนานจ้าว ก็จะเตรียมการแต่งงานให้กับพวกนางทั้งสอง
“บ่าวไม่แต่งงานเจ้าค่ะ” ผิงเอ๋อร์กล่าว
“หือ?” อวี๋หวั่นมองนางอย่างไม่เข้าใจ
ผิงเอ๋อร์กระซิบ “บ่าวอยากรับใช้ฮูหยินไปตลอดชีวิตเจ้าค่ะ”
อวี๋หวั่นหัวเราะคิกๆ
ผิงเอ๋อร์มองอย่างตกตะลึงเล็กน้อย สตรีอวบอ้วนที่งดงามได้เช่นนี้ นานทีจะเจอสักครา ทว่าคำพูดเมื่อครู่นั้นของนางมาจากใจจริง ครอบครัวนางยากจน นางถูกขายให้ทำงานที่ท่าเรือตั้งแต่เด็ก ไม่ว่างานสกปรกหรือยากลำบากใดนางล้วนเคยทำ เจ้านายนางก็เคยปรนนิบัติรับใช้มาหลายคน แต่ไม่มีเจ้านายคนใดมีนิสัยและอารมณ์ดีเช่นฮูหยินผู้นี้
ฮูหยินจิตใจกว้างขวาง เสื้อผ้าที่ตบรางวัลให้นางก็เป็นเสื้อผ้าใหม่ บางครั้งนางทำผิด ฮูหยินก็ไม่ตบตีดุด่านาง เจ้านายเช่นนี้ หากได้รับใช้ไปตลอดชีวิต ก็ไม่มีสิ่งใดดีกว่านี้อีกแล้ว
“เจ้าเนี่ย…” อวี๋หวั่นยิ้มมองทะเลกว้างไร้ที่สิ้นสุด “ข้ามาจากแดนไกล หากเจ้ามากับข้า เจ้าจะกลับบ้านไม่ได้อีกแล้ว”
ประเทศมรกต หากไม่ใช่มาเพื่อตามหาราชาพ่อมด เธอคงไม่มีวันผ่านมาที่นี่
“อา…” ผิงเอ๋อร์ตื่นตกใจ
อวี๋หวั่นยิ้ม ยกมือถอดเสื้อคลุมออก “แดดร้อนแล้ว กลับห้องกันเถอะ”
“เจ้าค่ะ ฮูหยิน!” ผิงเอ๋อร์เปลี่ยนไปถือร่มมือขวา และพยุงอวี๋หวั่นเดินไปที่ห้อง
เดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าว อวี๋หวั่นก็ได้ยินเสียงหัวเราะที่คุ้นเคย ราวกับมีคนเท้าเอวหัวเราะเสียงหมูออกมา
เท้าเธอหยุดชะงัก
เสียงหัวเราะนั้นหายไปแล้ว
“ฮูหยิน ท่านเป็นอะไรหรือ?” ผิงเอ๋อร์สังเกตเห็นความผิดปกติ และถามด้วยความเป็นห่วง “ไม่สบายตรงใด? ต้องการให้บ่าวไปตามหมอชุยหรือไม่?”
“ไม่ต้องหรอก” อวี๋หวั่นกล่าว เธอหาได้ไม่สบายแต่อย่างใด และถึงแม้ไม่สบายใจ แต่เธอเองก็เป็นหมอ ไม่สบายเพียงเล็กน้อยไม่จำเป็นต้องใช้หมอเทวดาชุย
อวี๋หวั่นมองไปตามทิศทางของเสียง ซึ่งดูเหมือนจะดังมาจากห้องท้ายเรือ
“ผู้ใดพักอยู่ทางนั้น” เธอถามพร้อมชี้ไปที่ห้อง
“ฮูหยินถามถึงห้องใดเจ้าคะ?” ผิงเอ๋อร์กล่าวพลางมองไปตามทิศที่เธอชี้
“ก็…ห้องแถวนั้นละ” เธอไม่แน่ใจว่าเสียงหัวเราะมาจากห้องใดกันแน่
ผิงเอ๋อร์ยืนเขย่งเท้ามองไปรอบๆ แล้วกล่าวว่า “บางห้องเป็นห้องพักของแขก ห้องละแวกนั้นที่ฮูหยินกล่าวถึงน่าจะเป็นของนายเรือใหญ่ นายเรือรองและนายเรือสามเจ้าค่ะ”
“ข้าคงคิดมากไปเอง” อวี๋หวั่นทอดถอนใจ และกล่าวในใจว่า ตนคงถูกลมทะเลพัดนานเกินไปจนได้ยินเสียงหลอน มารดาและบุตรทั้งสามของเธอจะตามมาที่ทะเลได้อย่างไร? พวกเขาไปหนานจ้าวกับตาทวด ยามนี้ เกรงว่าคงอาศัยอยู่ที่จวนเห้อเหลียนอย่างสุขสันต์เริงร่ากับฮูหยินผู้เฒ่า ท่านลุง ท่านป้าสะใภ้และพี่เซิงแล้ว
“ข้าคงคิดถึงพวกเขามากเกินไป” อวี๋หวั่นกล่าว
ผิงเอ๋อร์กะพริบตาอย่างงุนงง ฮูหยินกำลังพูดอะไร? นางคิดถึงใคร?
อวี๋หวั่นไม่ได้กล่าวนอกจากนั้นมากมาย เธอเดินไปที่ห้องของตนกับเยี่ยนจิ่วเฉา แต่เดินไปได้สองสามก้าวก็ได้ยินเสียงนั้นอีกครั้ง บัดนี้อวี๋หวั่นทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอหันตัวกลับมาด้วยอย่างเร็ว ผิงเอ๋อร์ตกใจจนเหงื่อแตกแทนเธอ!
ฮูหยิน! ท่านกำลังตั้งครรภ์อยู่! อย่ารีบร้อนเช่นนั้นได้ไหมเจ้าคะ!
เมื่ออวี๋หวั่นมาถึงหน้าห้อง เสียงนั้นก็หายไปแล้ว
เธอผลักประตูห้องแรก นายเรือสามมองเธออย่างตกตะลึง
เธอผลักประตูห้องที่สอง นายเรือรองมองเธออย่างตกตะลึง
เหลือเพียงห้องสุดท้าย
อวี๋หวั่นสูดหายใจ ยื่นมือออกไป ผลักประตู——
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]