หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3] นิยาย บท 482

โจวอวี่เยี่ยนก็เคยได้ยินชื่อเสียงของพ่อมดเทพเว่ย เพียงแต่นางไม่ได้ตอบสนองรุนแรงเฉกเช่นพ่อมดอย่างมู่ถิง เมื่อเห็นท่าทางของมู่ถิงแล้ว นางจึงนึกออกว่าคนผู้นี้เป็นใคร

“อา…ข้าเคยได้ยินท่านพ่อพูดถึงอยู่เหมือนกัน…” โจวอวี่เยี่ยนยกมือขึ้นปิดปาก พยายามกดความรู้สึกตื่นตกใจเอาไว้

อันที่จริงสกุลเว่ยนั้นไม่ใช่สกุลพ่อมด มีเพียงเว่ยเซวียนคนเดียวซึ่งเป็นพ่อมด ในตอนนั้นประเทศมรกตยังไม่ได้ปราบปรามพ่อมดแม่มด เว่ยเซวียนเป็นบุตรชายคนรองของตระกูล ไม่จำเป็นต้องรับภาระหน้าที่สืบทอดวงศ์ตระกูล เพราะฉะนั้นเขาอยากทำสิ่งใด สกุลเว่ยก็ปล่อยให้เขาทำตามใจปรารถนา

ทุกคนคิดว่าเว่ยเซวียนเพียงเล่นสนุก มิได้คาดหวังว่าเขาจะสร้างชื่อเสียงแต่อย่างใด ตราบจนเว่ยเซวียนไปท้าทายเจ้าสำนักพ่อมด แล้วใช้เวทมนตร์เอาชนะเจ้าสำนักได้ คนสกุลเว่ยถึงได้รู้ว่าเว่ยเซวียนได้กลายเป็นพ่อมดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศมรกต

อวี๋หวั่นเห็นปฏิกิริยาของมู่ถิงและโจวอวี่เยี่ยน จึงเอ่ยถามว่า “พวกเจ้ารู้จักเขาหรือ?”

โจวอวี่เยี่ยนเข้ากระซิบข้างหูเธอว่า “เขาคือพ่อมดใหญ่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศมรกต! แต่ได้ยินว่าเขาหายตัวไปนานหลายปี ว่ากันว่าเขาจากโลกนี้ไปแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะถูกขังอยู่บนเกาะร้างแห่งนี้ จะว่าไป เจ้าพ่อมดดำนั่นมาได้อย่างไร แล้วจับเขาขังไว้ได้อย่างไรกัน?”

เด็กคนนี้พูดมากเสียจริง เธอถามแค่ประโยคเดียว นางกลับตอบมาเป็นสิบประโยค

เว่ยเซวียนอายุมากแล้วแต่ก็มิได้ถึงกับหูตาฝ้าฟาง เขาได้ยินสิ่งที่โจวอวี่เยี่ยนพูด จึงอธิบายด้วยความขมขื่นว่า “คนผู้นั้น เดิมทีเป็นศิษย์รักของข้า สกุลเว่ยไม่อาจบ่มเพาะลูกศิษย์ที่ปราดเปรื่องได้สักคน ประจวบเหมาะกับที่ข้าพบเขาเข้า จึงรับเขาไว้เป็นศิษย์ เขามีพรสวรรค์และมีความพากเพียร ให้ความเคารพข้า ข้าจึงถ่ายทอดวิชาที่มีทั้งชีวิตให้เขา ไม่คาดคิดเลยว่า…ข้ากลับเลี้ยงงูพิษตัวหนึ่งมา…ช่างมันเถอะ”

อวี๋หวั่นเข้าใจสถานการณ์ในทันที แท้จริงแล้วก็เกิดเรื่องอย่างนี้นี่เอง

“ท่านไม่ได้เป็นอาจารย์ของเขาหรอกหรือ? ท่านถูกเขาทำร้ายได้อย่างไรกัน” โจวอวี่เยี่ยนถาม เด็กคนนี้จิตใจบริสุทธิ์ ย่อมคิดไม่ถึงว่าคนเราจะถูกคนที่ไว้เนื้อเชื่อใจทำร้ายได้

เว่ยเซวียนหัวเราะอย่างขมขื่น “ข้าไปรู้เข้าว่าเขาฝึกวิชามนตร์ดำ ข้าขู่เขาว่าจะไล่เขาออกจากสำนัก แต่สุดท้ายกลับถูกเขาจับขังไว้”

โจวอวี่เยี่ยนและมู่ถิงได้ฟังสิ่งที่เขาประสบพบเจอ ก็ต่างตะลึงงัน

เยี่ยนจิ่วเฉายังคงมีสีหน้าเรียบเฉย มิได้แสดงความรู้สึกต่อเรื่องทางโลกที่เกิดขึ้น

เมื่อนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นได้ เว่ยเซวียนก็เอ่ยถามว่า “ใช่สิ ข้าอยู่บนเกาะร้างมานานเหลือเกิน พวกเจ้าพอจะรู้บ้างหรือไม่ว่าสกุลเว่ยเป็นอย่างไรบ้าง?”

มู่ถิงส่ายหน้า “สกุลเว่ยไม่เป็นไรขอรับ แต่เหล่าพ่อมดในประเทศมรกตล้วนแต่ประสบหายนะ”

ในสกุลเว่ยมีเพียงเว่ยเซวียนคนเดียวที่เป็นพ่อมด หลังจากที่เขาหายตัวไป สกุลเว่ยก็นับว่าปลอดภัย แต่เหล่าพ่อมดคนอื่นๆ กลับไม่ได้โชคดีถึงเพียงนั้น

มู่ถิงเล่าเรื่องที่เหล่าพ่อมดถูกเผ่าศักดิ์สิทธิ์ตามล่าโดยสรุป เว่ยเซวียนถอนหายใจ “ความสัมพันธ์ของสองเผ่านี้ นับวันยิ่งแย่ลง”

อวี๋หวั่นมองไปยังเว่ยเซวียน แล้วเอ่ยปากว่า “ท่านพูดได้เยอะแยะถึงเพียงนี้ น่าจะไม่เป็นไรมาก สือซัน”

อิ่งสือซันเข้าใจทันที จึงอุ้มโจวจิ่นซึ่งยังไม่ได้สติเข้ามา

มู่ถิงเดินเข้าไปหาเตียงเย็นเฉียบในเรือนเพื่อให้โจวจิ่วนอน จากนั้นก็หาเบาะมาให้เว่ยเซวียนนั่ง

เว่ยเซวียนนั่งลงบนเสื่อ จับข้อมือโจวจิ่นขึ้นมา หลับตาลงเพื่อใช้เวทมนตร์ตรวจร่างกายของเขา จากนั้นก็เอ่ยขึ้นด้วยความตกใจ “เด็กคนนี้เป็นพ่อมด!”

“พ่อมดใหญ่!” โจวอวี่เยี่ยนพูดเสริม

เว่ยเซวียนยิ้ม “ใช่ เป็นพ่อมดใหญ่ อายุน้อยแต่เป็นถึงพ่อมดระดับตี้นับว่าเป็นเรื่องที่พบเห็นได้ยาก นอกจากนั้นพลังของเขามิได้หยุดเพียงเท่านี้ พลังในร่างของเขาอีกส่วนหนึ่งถูกผนึกไว้ พวกเจ้าต้องการให้ข้าปลดผนึกพลังเวทของเขากระมัง?”

โจวอวี่เยี่ยนแค่นเสียงขึ้นจมูก เหลือบมองไปยังเยี่ยนจิ่วเฉาและอวี๋หวั่นด้วยความคับแค้นใจ แล้วบอกกับผู้เฒ่าว่า “ข้ากับศิษย์พี่อย่างไรก็ได้ ศิษย์น้องยังเล็ก ยังไม่รู้วิธีป้องกันตนเอง เปิดเผยพลังของตน นำพาหายนะมาสู่คน เป็นเพราะพวกเขา!”

อาจเป็นเพราะกลัวว่าเปิดเผยข้อมูลมากเกินไป โจวอวี่เยี่ยนจึงตัดสินใจสงบปากสงบคำ

เว่ยเซวียนมีชีวิตมานานหลายปี มองคนได้ทะลุปรุโปร่งเพียงใดไม่ต้องเอ่ยถึง อย่างน้อยเขาก็มิได้เลอะเลือน เขาไม่ซักไซ้เยี่ยนจิ่วเฉาและอวี๋หวั่นว่าเพราะเหตุใดจึงอยากปลดผนึกพลังของโจวจิ่น แต่ในเมื่อเป็นความปรารถนาของพวกเขาทั้งสอง เช่นนั้นเขาก็จะช่วยกำจัดผนึกพลังของเด็กคนนี้ นับว่าเป็นการตอบแทนที่เด็กหนุ่มคนนั้นช่วยชีวิตเขาไว้

เว่ยเซวียนมองไปยังมู่ถิง แล้วกล่าวว่า “น้องชาย เจ้าช่วยพาศิษย์น้องไปในห้อง แล้วก็ไปต้มน้ำร้อนมาได้หรือไม่?”

“ได้ขอรับ!” มู่ถิงให้ความเคารพผู้อาวุโสท่านนี้เป็นอย่างมาก การได้ถูกเขาไหว้วานนับว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับมู่ถิง มู่ถิงอุ้มศิษย์น้องเล็กเข้าไปในห้อง จากนั้นก็เข้าไปต้มน้ำร้อนในห้องครัว

“ไปเถอะ ไปดูกันว่าพวกเขากำลังทำอะไร” อวี๋หวั่นจูงมือของเยี่ยนจิ่วเฉา เพื่อพาคุณชายจอมหยิ่งเข้าไปในห้อง

“ผู้มีพระคุณเชิญนั่ง ข้าอาจต้องใช้เวลาสักพัก” เว่ยเซวียนบอกกับเยี่ยนจิ่วเฉาด้วยความเกรงอกเกรงใจ พลางชี้ไปยังเก้าอี้ด้านข้าง

เยี่ยนจิ่วเฉาพาอวี๋หวั่นไปนั่งบนเก้าอี้

เว่ยเซวียนใส่ตัวยาสมุนไพรหายากลงไปในน้ำร้อน เมื่อกลิ่นของสมุนไพรลอยไปในอากาศ เว่ยเซวียนจึงให้มู่ถิงอุ้มโจวจิ่นลงไป

ด้วยระดับพลังของเว่ยเซวียน หากจะทำลายผนึกพลังในร่างขอโจวจิ่นนั้นมิได้เหลือบ่ากว่าแรง แต่สิ่งที่ยากก็คือพลังเวทนี้ถูกผนึกไว้นาน เมื่อถูกปลดปล่อยออกมาอย่างกะทันหัน ย่อมเป็นอันตรายต่อตัวโจวจิ่น เว่ยเซวียนจึงเลือกวิธีทีที่ปลอดภัยที่สุด เพราะฉะนั้นทุกขั้นตอนจะต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก

เขาค่อยๆ ดึงพลังเวทออกมาทีละชั้นๆ ราวกับดักแด้ ทุกคนสังเกตเห็นว่าใบหน้าซีดเผือดของโจวจิ่นเริ่มมีสีเลือดฝาดขึ้นมา ไม่นาน ลมหายใจของเขาก็เป็นปกติ

ครั้นผนึกพลังเวทชั้นสุดท้ายถูกทำลาย เปลือกตาของโจวจิ่นก็ขยับเล็กน้อย

โจวอวี่เยี่ยนรีบเข้าไปหา พยุงใบหน้าของเขา “ศิษย์น้อง เจ้าฟื้นแล้วใช่ไหม? นี่ข้าเอง ศิษย์พี่หญิง!”

โจวจิ่นค่อยๆ ลืมตาขึ้น เหลือบมองนางอย่างอ่อนแรง จากนั้นก็หมดสติไปอีก

โจวอวี่เยี่ยนตกใจ “เอ๋? ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ไปได้ ศิษย์น้องของข้าหมดสติไปอีกแล้ว!”

เว่ยเซวียนอธิบายว่า “แม่นางวางใจเถิด เขาไม่เป็นไรแล้ว ข้ากังวลว่าขั้นตอนการกำจัดพลังเวทจะทำให้เขาเจ็บปวด จึงใส่ยาชาลงไปในน้ำ เขาหลับไป ประเดี๋ยวก็ตื่น”

เมื่อเขาบอกเช่นนี้ โจวอวี่เยี่ยนก็วางใจ

เมื่อไม่มีผนึกพลังเวท แม้ว่าโจวจิ่นจะอยู่ในห้วงนิทรา กลิ่นอายของเขาก็รุนแรงขึ้นมาก และแม้ว่ามู่ถิงจะรู้อยู่แก่ใจว่าพลังของศิษย์น้องเล็กนั้นไม่ธรรมดา แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะไม่ธรรมดาถึงเพียงนี้ กระนั้นภายในเวลาเพียงชั่วพริบตาเดียว โจวจิ่นก็ก้าวกระโดดจากพ่อมดระดับตี้ขึ้นเป็นระดับเทียน ระดับเทียนขั้นแรกเริ่ม ระดับเทียนขั้นกลาง ระดับเทียนขั้นสูง…ระดับเทียนขั้นสูงสุด!

ศิษย์น้องเล็กของเขา เป็นพ่อมดระดับเทียนขั้นสูงสุด!

มู่ถิงตะลึงงันจนอ้าปากค้าง

ที่สำคัญก็คือ พ่อมดที่เก่งกาจอย่างเว่ยเซวียน เป็นเพียงพ่อมดระดับเทียนขั้นกลาง!

ศิษย์น้องเล็กของเขาอายุแค่นี่ เหตุใดจึง…

มู่ถิงไม่รู้จะพูดว่าอย่างไร

โจวอวี่เยี่ยนไม่ใช่พ่อมด นางไม่อาจสัมผัสได้ถึงพลังในร่างของศิษย์น้องเล็กได้ แต่เมื่อนางเห็นสีหน้าของมู่ถิงและเว่ยเซวียน ก็สามารถบอกได้ว่าพลังของศิษย์น้องเล็กนั้นไม่ธรรมดา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]