หากเรือมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้อีกหนึ่งวัน ก็จะถึงท่าเรือของประเทศเพทาย และที่นั่นคือจุดหมายปลายทางแห่งสุดท้ายของการเดินทางในครั้งนี้
นายเรือหลายคนช่วยกันยกสัมภาระของพวกเขาลงมา เมื่อเห็นสัมภาระกองเล็กกองน้อยบนท่าเรือ อิ่งสือซันก็นึกสงสัยขึ้นมา เขาจำได้ว่าตอนที่พวกเขาขึ้นเรือ ไม่ได้มีสัมภาระมากมายถึงเพียงนี้…
เขามองไปยังโจวอวี่เยี่ยน มู่ถิง และมู่ชิงซึ่งกำลังอ่านแผนที่ แล้วคิดในใจว่า เป็นของพวกเขาหรือ?
บรรดานายเรือใช้เส้นสายกับเรือสินค้า เช่ารถม้าจากท่าเรือให้พวกเขา นี่เป็นเรื่องสุดท้ายที่พวกเขาจะทำให้พี่ใหญ่ได้แล้ว ชีวิตหลังจากนี้อาจไม่ได้พบกันอีก!
อิ่งลิ่วเริ่มขนสัมภาระขึ้นบนรถม้า แต่ไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองหรือเปล่า สัมภาระที่เพิ่มมาเหล่านี้หนักเหลือเกิน…
ร่างกายของอวี๋หวั่นเริ่มหนักอึ้ง เรื่องบางเรื่องเธอก็ทำเองไม่ได้ จึงต้องให้ผิงเอ๋อร์คอยอยู่ข้างกาย
เยี่ยนจิ่วเฉาและอิ่งสือซันไปซื้อของและสืบข่าวคราวที่ตลาด โดยมีชุยเฒ่าติดตามไปด้วย เขาต้องการซื้อตัวยาสมุนไพร
อวี๋เซ่าชิงคอยเฝ้าบุตรสาว ด้วยกลัวว่าบุตรสาวจะได้รับอันตราย
มู่ชิงสวมหมวกสาน ผ้าคลุมหน้าช่วยบดบังใบหน้าและดวงตาของเขาซึ่งอาจทำให้ผู้คนตามท้องถนนตกใจกลัว ไม่รู้ว่าเขาไปหาเก้าอี้มาจากที่ใด ยกมาให้อวี๋เซ่าชิงและอวี๋หวั่นนั่ง
อวี๋เซ่าชิงไม่นั่ง แต่กลับเรียกโจวจิ่นให้มานั่ง
เด็กคนนี้ตลอดทางไม่เคยร้องไห้งอแง เขานิ่งเงียบจนทำให้ผู้คนอดรู้สึกปวดใจไม่ได้
โจวจิ่นนั่งลงข้างอวี๋หวั่น
อวี๋หวั่นยื่นกล่องใบเล็กให้เขา “อะนี่”
โจวจิ่นค่อยๆ หยิบขนมกุ้ยฮวาขึ้นมากินหนึ่งชิ้น
มู่ถิงและโจวอวี่เยี่ยนยังดูแผนที่เพื่อหาว่าควรเดินทางใดดี
อวี๋หวั่นเหลือบไปมองมู่ชิงซึ่งกำลังคาดเข็มขัดให้โจวจิ่น แล้วพูดว่า “คนรู้จักเผ่าพ่อมดเยอะหรือ?”
มู่ชิงเงยหน้าขึ้น “ฮูหยินน้อยเยี่ยนหมายถึงรู้ถึงการมีอยู่ของเผ่าพ่อมด หรือรู้เส้นทางไปเผ่าพ่อมดหรือ?”
“ทั้งสองอย่าง” อวี๋หวั่นตอบ
มู่ชิงครุ่นคิดอย่างหนัก “ที่จริง… ทุกคนล้วนแต่เคยได้ยินชื่อของเผ่าพ่อมดก็เท่านั้น แต่ไม่รู้ว่ามีอยู่จริงหรือไม่ หากไม่ใช่เพราะพ่อมดไม่อาจมีชีวิตอยู่ในประเทศมรกตอีกต่อไป ข้าก็คงไม่อยากพาศิษย์พี่ศิษย์น้องหนีไปยังเผ่าพ่อมด”
พูดมาถึงตรงนี้ เขาก็มองไปยังโจวจิ่นด้วยความละอายใจ เขาไม่รู้ว่าศิษย์น้องเป็นคนเผ่าพ่อมด หากรู้ว่าเป็นเช่นนี้แต่แรก ในตอนนั้นเขาจะไม่มีทางตกลงปลงใจพาศิษย์พี่และศิษย์พี่หญิงเดินทางไปยังเผ่าพ่อมดเป็นแน่
อวี๋หวั่นไม่มองก็รู้ว่าเขากำลังคิดอะไร เธอหยิบขนมกุ้ยฮวาในมือขึ้นมา มองไปยังมู่ถิงด้วยรอยยิ้ม แล้วกล่าวว่า “เจ้าไม่รู้ภูมิหลังของโจวจิ่น แต่ศิษย์พี่ของเจ้ารู้ ทว่าดูแล้ว เพื่อที่จะรักษาชีวิตของตน เขาน่าจะไม่สนใจว่าศิษย์น้องเล็กของพวกเจ้าจะเป็นหรือตาย”
มู่ชิงมีสีหน้าจริงจัง “เป็นไปไม่ได้ ศิษย์พี่ของข้ารักศิษย์น้องเล็กมาก เพียงแต่ในประเทศมรกตนั้นลำบากมาก เขาไม่มีหนทางอื่น นอกเสียจากใช้วิธีนี้ ต่อให้ไปถึงเผ่าพ่อมดแล้ว เขาก็จะปกป้องศิษย์น้องเล็กของข้า”
“อย่างนั้นหรือ?” อวี๋หวั่นยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นว่าโจวจิ่นกินหมดแล้ว เธอจึงส่งกล่องให้เขาอีก
โจวจิ่นยังคงกินขนมต่อไปอย่างเงียบเชียบ ราวกับไม่ได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูด
“เอาตามนี้ ไปเส้นทางนี้ก็แล้วกัน” มู่ถิงและโจวอวี่เยี่ยนตกลงกันเรียบร้อยก็ลุกขึ้น หยิบแผนที่ขึ้นมา แล้วบอกกับอวี๋หวั่นว่า “พวกเราเดินทางผ่านตำบลเล็กๆ แห่งนี้ ไปทางตะวันออก ผ่านทะเลทรายเล็กๆ แห่งหนึ่งก็ถึงเผ่าพ่อมดแล้ว ในทะเลทรายมีโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง พวกเราออกเดินทางเร็วสักหน่อย เมื่อฟ้ามืดก็สามารถเข้าพักในโรงเตี๊ยมได้”
อวี๋หวั่นยิ้มพลางมองพวกเขา “ให้เจ้าวางแผนดีแล้ว”
มู่ถิงหลุบตาลงมองแผนที่ในมือ แล้วพูดขึ้นว่า “ยังต้องปกปิดตัวตนของพวกเราอีก ฮูหยินมีคำแนะนำหรือไม่?”
“ข้าบอกแล้วว่าให้เจ้าวางแผน”
“เช่นนั้นก็ นายท่านอวี๋เป็นอาจารย์ลุงของข้า คุณชายเยี่ยนเป็นศิษย์พี่ของข้า ส่วนเจ้าก็…” มู่ถิงคำนวณจากอายุของอวี๋หวั่น เดิมทีควรเป็นศิษย์น้องหญิงเล็กของเขา อวี๋หวั่นลูบศีรษะของโจวจิ่น แล้วบอกว่า “ข้าเป็นศิษย์พี่หญิงใหญ่ของพวกเจ้า เรียกศิษย์พี่หญิงใหญ่สิ”
โจวจิ่น “ศิษย์พี่หญิงใหญ่”
มู่ถิง “…”
ในเมื่อโจวจิ่นยอมรับ ไม่นานมู่ถิงก็เอ่ยปากเรียกศิษย์พี่หญิงใหญ่เช่นกัน โจวอวี่เยี่ยนไม่เห็นดีเห็นงามด้วย กระนั้นนางก็เป็นเพียงเสือกระดาษ มิได้น่าเกรงกลัวเท่าไร เพราะฉะนั้นสถานะใหม่ของอวี๋หวั่นจึงได้รับการยอมรับอย่างถ้วนหน้า
ประเทศเพทายและประเทศมรกตนั้นมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน สามารถใช้หนังสือผ่านทางของทั้งสองดินแดนเดินทางไปมาหาสู่กันได้ พวกเขาถือหนังสือผ่านทางของประเทศมรกต และผ่านเข้ามาในตำบลเล็กๆ ได้อย่างราบรื่น จากนั้นมุ่งหน้าต่อไปทางทิศตะวันออก เป็นดังที่มู่ถิงพูดไว้ พวกเขาได้เข้าพักในโรงเตี๊ยมก่อนฟ้ามืดโดยมิได้เร่งรีบแต่อย่างใด
มู่ถิงกระโดดลงจากรถม้า แล้วบอกกับเยี่ยนจิ่วเฉาและอวี๋หวั่นว่า “พักที่นี่สักคืน พรุ่งนี้ฝนหยุดแล้วพวกเราค่อยออกเดินทางต่อ อย่างช้าสองสามวันก็ถึงเผ่าพ่อมด แต่ว่าพวกเราอาจต้องเปลี่ยนม้าเป็นอูฐ”
“เข้าใจแล้ว” อวี๋หวั่นเลิกม่าน
เยี่ยนจิ่วเฉาลงจากรถม้า แล้วอุ้มอวี๋หวั่นลงมา
“ไอ้หยา กระดูกข้า” ชุยเฒ่าก็ลงจากรถม้าเช่นกัน
“อาม่า ท่านระวัง” หลังจากที่อิ่งลิ่วพยุงชุยเฒ่าลงมาแล้ว เขาก็พยุงอาม่าลงมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]