หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3] นิยาย บท 49

เยี่ยนเสี่ยวซื่อหาใช่ผู้ที่มีเมตตาการุณดุจพระโพธิสัตว์ ต่อให้เป็น ก็ใช่ว่าจะใจอ่อนกับผู้ที่ก่อเรื่องในตำบลจนเละเทะ แล้วมาร้องไห้คร่ำครวญเช่นนี้ พอเสียเถิด

เยี่ยนเสี่ยวซื่อมองมารดาภูติผีซึ่งคุกเข่าอยู่บนพื้นอย่างมิได้สะทกสะท้าน มีคนให้ท้ายนางแล้ว นางก็ต้องวางก้ามให้เต็มที่ “คุณ…”

เดิมทีนางจะพูดว่าคุณหนูอย่างข้า แต่คำพูดยังไม่ทันออกมาจากริมฝีปาก นางก็พลันได้สติ จึงเอ่ยขึ้นว่า “คุณชายอย่างข้าจะให้โอกาสเจ้าสารภาพความผิด จำไว้ว่ามีเพียงโอกาสเดียว ทางที่ดีพวกเจ้าไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนก่อนแล้วค่อยตอบ”

มารดาภูติผีมองเยี่ยนเสี่ยวซื่อ แล้วจึงมองไปยังประมุขมารซึ่งคอยอารักขาเยี่ยนเสี่ยวซื่อประหนึ่งพญามัจจุราช

นางพลันกระจ่างแจ้งทันทีว่าเด็กหนุ่มที่ดูใสซื่อบริสุทธิ์คนนี้ได้ล่วงรู้แล้วว่านางกับหวนหลางมีเรื่องปิดบังพวกเขาอยู่

คนทั่วไปเมื่อรู้ว่ามารดาภูติผีแห่งยมโลกมีความสัมพันธ์ลึกลับซับซ้อนกับผู้บำเพ็ญมารที่ไร้ลมหายใจ ก็ต้องตกอยู่ในความตื่นตะลึงพรึงเพริด ไม่มีกะจิตกะใจมานึกสงสัยพวกเขา

เด็กหนุ่มคนนี้ดูภายนอกไม่ประสีประสา แต่มันสมองนั้นหลักแหลมกว่าคนส่วนใหญ่มาก

ความปวดร้าวถาโถมอยู่ในใจของมารดาภูติผี นางหัวเราะลั่นหัวไหล่และตัวสั่นเทิ้ม

ทันทีที่ผู้บำเพ็ญมารเห็นท่าทีเช่นนี้ของนางก็รับรู้ได้ว่านางยอมจำนนเสียแล้ว เขาแผดเสียงว่า “มารดาภูติผี! อย่านะ!”

มารดาภูติผียกมือขึ้นปาดหยดน้ำตาอุ่นซึ่งไหลอาบรดใบหน้า อันที่จริงนี่ไม่ใช่น้ำตา มารดาภูติผีไม่มีแม้แต่โลหิต ไหนเลยจะมีน้ำตาได้? นี่เป็นสิ่งที่ล้ำค่าเสียยิ่งกว่าปราณหัวใจหลอมเหลว ทุกหยดเทียบเท่ากับการฝึกฝนสิบปี

มารดาภูติผีเอ่ยขึ้นอย่างขมขื่นว่า “เรื่องมาถึงขั้นนี้ ยังมีสิ่งใดที่พูดไม่ได้อีก? อย่างไรเสียข้าก็ไม่สนแล้ว…ไม่สนอีกแล้ว…”

กล่าวมาถึงประโยคสุดท้าย นางก็ก้มหน้าร่ำไห้ออกมา

“ไม่สนใจอะไรหรือ” เยี่ยนเสี่ยวซื่อถาม

มารดาภูติผีมองไปยังผู้บำเพ็ญมาร ผู้บำเพ็ญมารเบือนหน้าหนีอย่างชอกช้ำ คล้ายกับว่ายอมจำนนแล้วเช่นกัน ไม่ว่าต่อจากนี้มารดาภูติผีจะพูดอะไร เขาก็จะไม่ขัดขวางแล้ว

มารดาภูติผียันตนเองกับกำแพงลุกขึ้นมา เหลือบมองประมุขมารและเยี่ยนเสี่ยวซื่อ พร้อมเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเนิบช้าและทุ้มต่ำ “เชิญคุณชายทั้งสองตามข้ามา”

เยี่ยนเสี่ยวซื่อสาวเท้าแล้วกระโดดตามไป โดยมิได้สนใจว่าประมุขมารจะติดตามมาหรือไม่

ประมุขมารมองตามแผ่นหลังของนางซึ่งลอยข้ามกำแพงไป ในใจรู้สึกขุ่นเคือง แต่ไหนแต่ไรมาอาหวั่นไม่เคยเอาแต่ใจเช่นนี้ ยามที่นางกับเยี่ยนจิ่วเฉาอยู่ด้วยกัน ไม่ว่าจะตัดสินใจอย่างไรก็จะเหลือบมองเยี่ยนจิ่วเฉาก่อนเสมอ ไม่ได้เพื่อรอให้เขาตอบตกลง หากแต่เพื่อบอกเขาว่านางจะทำเช่นนี้

“เป็นเด็กที่ไม่ใส่ใจสิ่งใดจริงๆ”

ประมุขมารพึมพำ

“เสี่ยวเจาเจ้ารีบตามมาสิ! ในนี้น่าขนลุกเหลือเกิน!” เยี่ยนเสี่ยวซื่อซึ่งอยู่ด้านหน้ากระโดดโหยง ไม่ได้หันหน้ามา แต่กลับเปล่งเสียงที่ราวกับไพเราะที่สุดในใต้หล้า

ริมฝีปากแดงระเรื่อของประมุขมารยกยิ้มมุมปาก รุดรีบตามไป

“พวกเจ้าคงรู้แล้วว่าที่จริงแล้วเรือนของข้าหลังนี้คืออาวุธวิเศษ” มารดาภูติผีกล่าว

“อื้ม” เยี่ยนเสี่ยวซื่อพยักหน้า

ทั้งสองมาถึงระเบียงทางเดินก่อนหน้านี้ มารดาภูติผีมองไปยังผนังตันปลายทางเดิน ชะงักไปชั่วครู่ แล้วเอ่ยขึ้นว่า “อันที่จริงมันไม่ได้เป็นเพียงอาวุธวิเศษ แต่ยังเป็นทางเชื่อมยมโลกเส้นทางหนึ่งด้วย”

“โอ้?” เรื่องนี้ทำให้เยี่ยนเสี่ยวซื่อตื่นเต้น “หมายความว่า จากที่นี่สามารถออกจากยมโลกได้หรือ?”

“มิผิด” มารดาภูติผีกล่าวอย่างเชื่องช้า นางสังเกตเห็นว่าผู้บำเพ็ญมารและประมุขมารตามมาแล้ว จึงยกมือขึ้นหยิบกุญแจออกมาจากอกเสื้อ

ทันทีที่ลูกกุญแจปรากฏขึ้น รูกุญแจก็ลอยขึ้นมาจากผนังตันดำสนิท มารดาภูติผีนำลูกกุญแจใส่เข้าไปรูกุญแจ หมุนเบาๆ คราหนึ่ง ผนังเบื้องหน้าก็อันตรธานหายไป ทางเดินสว่างไสวก็ปรากฏแก่สายตา

มารดาภูติผีเดินเข้าไป

ตามด้วยผู้บำเพ็ญมาร

ประมุขมารจูงมือเยี่ยนเสี่ยวซื่อ ไม่ให้นางเร่งฝีเท้ากระโดดไปเร็วนัก

จนกระทั่งข้ามทางเดินเล็กสายนี้ พวกเขาก็มาถึงเรือนอีกหลังหนึ่ง เรือนหลังนี้ประดับตกแต่งได้เหมือนกับเรือนของมารดาภูติผีไม่มีผิดเพี้ยน มวลบุปผางามสะพรั่งในลานบ้าน แสงอาทิตย์สาดส่องแจ่มจ้า กลิ่นดอกไม้หอมรัญจวนกำจายทั่ว ทั้งยังมีหมู่ผึ้งและผีเสื้อดอมดม

“เกิดจากอาคมเหมือนกันหรือ?” เยี่ยนเสี่ยวซื่อเอ่ยถามเสียงค่อย

นางเข้ามาใกล้เหลือเกิน ลมหายใจอุ่นรดข้างใบหู ทำให้ใบหูรู้สึกร้อนผ่าว

ลำคอของประมุขมารขยับลง พร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า “ไม่ใช่อาคม พวกเราออกมาจากยมโลกแล้ว”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]