พวกเขาสามารถหลบลูกดอกพิษได้แล้ว เพียงแต่ว่าอิ่งสือซันพุ่งเข้าไปอย่างแรง จึงทำให้พวกเขากลิ้งไปบนพื้นอยู่หลายตลบ กระนั้นอิ่งสือซันก็ปกป้องอิ่งลิ่วอย่างสุดความสามารถ อิ่งลิ่วแทบไร้รอยขีดข่วน ส่วนอิ่งสือซันนั้นกลับมีแผลถลอกทั้งบนมือและแขน
ทว่าในตอนนี้อิ่งสือซันกลับมิได้ใส่ใจเรื่องเหล่านี้
ดวงจันทร์กระจ่าง แสงดาวเลือนราง ไม่ไกลจากตรงนี้ การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป กระนั้นดวงตาของผู้ที่อยู่ใต้ร่างของเขากลับสุกสกาวกว่าสิ่งใด
เมื่อนึกได้ว่าเมื่อครู่มือสัมผัสที่เอวของอิ่งลิ่ว เขาก็แทบไม่อยากเชื่อว่าเอวของผู้ที่เป็นหน่วยกล้าตายจะบางเช่นนี้
คล้ายกับว่าเป็นเอวที่ไม่ได้ผอมบางเพียงอย่างเดียว แต่มีเรี่ยวแรงเช่นกัน
มือข้างหนึ่งของอิ่งสือซันรองแผ่นหลังของอิ่งลิ่ว มืออีกข้างหนึ่งยังคงประคองเอวของอิ่งลิ่ว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะดวงจันทร์นั้นสว่างเกินไปหรือไม่ เอวของอิ่งลิ่วจึงรู้สึกร้อนผ่าว
อิ่งลิ่วกำลังดีใจที่ตนเองรอดมาได้ จึงไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติของใครบางคน เขาตบหน้าอกเบาๆ แล้วเอ่ยขึ้นด้วยความโล่งอกว่า “เกือบไปแล้ว! โชคดีที่เจ้ามาเร็ว ไม่เช่นนั้นข้าคงไม่รอดเสียแล้ว! จะว่าไป เจ้าไม่ได้นำหน้าไปก่อนแล้วหรือ? ข้าตามเจ้าไม่ทัน…”
“สังหารพวกเขา! พ่อมดเป็นของพวกข้า!”
เสียงตวาดลั่นดังมาจากอีกด้านหนึ่งของตรอก
นัยน์ตาของอิ่งสือซันกระตุกวูบหนึ่ง
อิ่งลิ่วเมื่อนึกถึงเรื่องหนึ่งได้ จึงถามเขาว่า “เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“ไม่เป็นไร” อิ่งสือซันตอบด้วยเสียงแหบพร่า
อิ่งลิ่วกลับไม่เชื่อ เขาเคยเกือบตายมาแล้ว เมื่อครู่ตอนที่พุ่งออกมา แรงทั้งหมดทับลงบนร่างของอิ่งสือซัน ยิ่งเขาไม่เป็นไร ก็หมายความว่าอิ่งสือซันยิ่งบาดเจ็บหนัก
“เจ้าลุกขึ้นมาให้ข้าดูหน่อย” อิ่งลิ่วดันหัวไหล่ของเขา
อิ่งสือซันดันอิ่งลิ่วออกแล้วลุกขึ้นมา
มือที่จับเอวของอิ่งลิ่วยังคงร้อนผ่าว แม้แต่เนื้อด้านหลังมือของเขาก็เจ็บจนชาไปเสียแล้ว
“ข้าว่าแล้วว่าเจ้าต้องบาดเจ็บ!” อิ่งลิ่วคว้ามือของอิ่งสือซันมา “เจ้าดูสิ เลือดไหลหมดแล้ว! ข้อศอกอีก ถลอกหมดแล้ว!”
อิ่งสือซันดึงมือกลับมา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “แผลแค่เล็กน้อย ไม่เป็นไร”
อิ่งลิ่วกลับดึงมือของเขากลับมา “ไม่ได้หรอก เจ้าเป็นแผลใหญ่ ที่นี่ไม่ไกลจากเรือน รีบกลับไปทำแผลก่อนเถอะ!”
อิ่งสือซันนึกอยากปฏิเสธ แต่อิ่งลิ่วก็ดึงเขาไปเสียก่อน
เอวบาง นิ้วก็เรียว ไม่ยักเหมือนกับผู้ที่ฝึกวรยุทธ์ นิ้วเรียวทั้งห้าที่จับข้อมือของเขาไว้ แลดูขาวผ่องท่ามกลางความมืด
“ข้าเตือนเจ้าไว้ก่อน อย่าคิดว่าบาดเจ็บเล็กน้อยแล้วไม่เป็นไร ตอนนี้เจ้ายังอายุน้อย อาจไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องใหญ่ แต่แก่ตัวไปอาการอาจแย่ลงได้” คำพูดนี้เป็นคำพูดติดปากของชุยเฒ่า อิ่งลิ่วฟังอยู่เป็นนิจ จึงจดจำได้แล้ว
อิ่งลิ่วพาอิ่งสือซันกลับห้อง แผลเล็กน้อยเท่านี้พวกเขาจัดการกันเองได้ ไม่จำเป็นต้องรบกวนอวี๋หวั่นและชุยเฒ่า อิ่งลิ่วไปยังห้องของตนเพื่อหยิบผ้าสะอาด ยาจินชวง และยาล้างแผลมาหนึ่งขวด
บาดเจ็บหนักกว่านี้พวกเขายังเคยผ่านมาแล้ว นับประสาอะไรกับแผลที่เป็นอยู่ตอนนี้ ทั้งสองไม่มีใครพูดว่า ‘เจ็บสักหน่อย อดทนไว้’ กระไรเทือกนี้ อิ่งลิ่วพับแขนเสื้อของอิ่งสือซันขึ้น เผยให้เห็นท่อนแขนแกร่งเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ
อิ่งลิ่วคิดว่าตนเองก็มีกล้ามเนื้อพอสมควร กระนั้นเมื่อเทียบกับอิ่งสือซันแล้ว เขาไม่ต่างอะไรกับลูกไก่ป่วยตัวหนึ่ง
อิ่งลิ่วใช้ผ้าสะอาดจุ่มยาล้างแผล มือหนึ่งเช็ดแผลให้อิ่งสือซัน อีกมือหนึ่งบีบกล้ามเนื้อของเขา แล้วพึมพำว่า “สิ่งที่เจ้าฝึก ข้าก็ฝึกเหมือนกัน ทำไมกล้ามข้าใหญ่ไม่เท่าเจ้าบ้างนะ…”
ปลายนิ้วของอิ่งลิ่วนั้นเย็นเฉียบ แต่ก็เป็นสัมผัสที่อ่อนโยน เมื่อจับลงบนแขนของอิ่งสือซัน จึงทำให้อิ่งสือซันรู้สึกประหลาดอยู่บ้าง
อิ่งสือซันกระแอม “ข้าตื่นมาฝึกก่อนเจ้าครึ่งชั่วยาม”
“อ้อ” อิ่งลิ่วก้มหน้า
อิ่งสือซันพูดต่อว่า “คุณชายก็ออกมาฝึกวรยุทธ์ก่อนเจ้าครึ่งชั่วยาม”
อิ่งลิ่วเบ้ปาก “ทำไมต้องตื่นเช้ากันขนาดนั้นด้วย”
มิน่าเล่าถึงรูปร่างดีเพียงนี้! เขา อิ่งลิ่ว สายลับอันดับหนึ่งในใต้หล้า ก็ต้องบึกบึนเช่นนั้นให้ได้!!!
อิ่งลิ่วทำแผลให้อิ่งสือซันเสร็จ ก็เก็บยาจินชวงที่เหลือและยาล้างแผลกลับห้องไป ทันทีที่เขาออกไป โจวอวี่เยี่ยนก็เข้ามา
“สือซัน” โจวอวี่เยี่ยนมองไปยังบุรุษร่างสูงใหญ่ซึ่งนั่งอยู่ในเงามืด พร้อมเอ่ยเรียกเบาๆ
อิ่งสือซันดึงแขนเสื้อลง แล้วเอ่ยถามด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ว่า “มีอะไร”
ตลอดทางกลับมา สีหน้าของอิ่งสือซันนั้นเย็นเยียบราวกับน้ำแข็งพันปี โจวอวี่เยี่ยนสังเกตเห็นแต่ก็ไม่ได้คิดมาก นางเดินยิ้มเข้าไปหา “พวกเจ้าไปไหนกันมาหรือ ข้ามาหาพวกเจ้า แต่ไม่เจอ”
“เจ้ามาหาข้า หรือมาหาอิ่งลิ่ว?” อิ่งสือซันเอ่ยถามไปตามตรง
โจวอวี่เยี่ยนใบหน้าแดงก่ำ นางยกมือขึ้นทัดผมไว้ที่หลังหู แล้วมองออกไปนอกห้อง เมื่อมั่นใจแล้วว่าอิ่งลิ่วไม่อยู่ จึงหยิบกระเป๋าเงินใบหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ
“เจ้าจะทำอะไร?” อิ่งสือซันเอ่ยถามพลางมองไปยังกระเป๋าเงินของนาง
“เจ้าช่วยข้า…นำกระเป๋าเงินนี้ไปให้อิ่งลิ่วหน่อยได้ไหม?” โจวอวี่เยี่ยนเอ่ยถามด้วยความเขินอาย
“เอาไปให้ทำไม” อิ่งสือซันถาม
“นี่เป็นกระเป๋าเงินที่ข้าปักเอง…” โจวอวี่เยี่ยนกัดริมฝีปาก เสียงของดรุณีน้อยนั้นอ่อนหวาน ประหนึ่งสายฝนเดือนสี่ในเจียงหนาน ทำให้หัวใจของผู้ที่ได้ฟังนั้นอ่อนยวบตามไปด้วย
กระนั้นแล้ว น้ำแข็งพันปีอย่างอิ่งสือซันกลับมีสีหน้าเรียบเฉย “เขามีกระเป๋าเงินแล้ว”
โจวอวี่เยี่ยน “…”
ไม่สิ เขาไม่ควรตอบแบบนี้…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]