นิสัยของหลานชายเป็นอย่างไร มีหรือที่ผู้อาวุโสสูงสุดจะไม่กระจ่าง หากไม่ได้ทำความผิดร้ายแรงเอาไว้ เขาไม่มีทางทำท่าตื่นกลัวเช่นนี้ และยิ่งไม่มีทางทำดีกับหวั่นโหรวมากผิดปกติเช่นนี้หรอก
แต่อย่างไรเสียก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของสกุลเวิน หากได้ลืมตาดูโลกอย่างปลอดภัย ผู้อาวุโสสูงสุดย่อมเต็มใจยอมรับได้
เพียงแต่ว่า ทางด้านผู้อาวุโสสาม จำต้องหาวิธีเจรจาให้ดี
ผู้อาวุโสสูงสุดมองไปยังต๋าหว่าซึ่งกำลังกระวนกระวาย “หวั่นโหรวยังไม่รู้เรื่องนี้กระมัง? ช่วงนี้เจ้าก็เอาใจนางไปก่อน หากความสัมพันธ์ของพวกเจ้าดีขึ้นแล้ว ก็ค่อยๆ บอกนาง ข้าขอเตือนเจ้าไว้ก่อนว่านี่เป็นครั้งสุดท้าย หากข้าจับได้ว่าเจ้าไปมีบ้านเล็กบ้านน้อยข้างนอกอีก ข้าจะหักขาเจ้าเสีย!”
ต๋าหว่า “…”
ไม่รู้ทำไม ต๋าหว่ารู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมา…
“เอาเถอะ พูดเรื่องสำคัญดีกว่า” ผู้อาวุโสสูงสุดนั่งลงที่เก้าอี้ตำแหน่งเจ้าบ้าน
ต๋าหว่าตื่นกลัวจนเม็ดเหงื่อเย็นเฉียบผุดขึ้นไม่หยุด
โชคดีทีผู้อาวุโสสูงสุดตัดสินไปแล้วว่าเขามีอนุภรรยาที่ตั้งท้อง จึงไม่แปลกใจที่เขามีท่าทางตื่นตระหนก
ผู้อาวุโสสูงสุดยกน้ำชาในถ้วยขึ้นมาดื่มอย่างไม่รีบร้อน “เรื่องที่ให้เจ้าไปทำเป็นอย่างไรบ้าง? ข้าได้ยินพ่อบ้านเวินบอกว่าเจ้าพาเด็กคนหนึ่งกลับมา เป็นเด็กคนนี้หรือเปล่า?”
สถานการณ์นี้มิได้อยู่เหนือความคาดหมายของเขา ต๋าหว่ารู้ว่าตนควรพูดว่าอย่างไร จึงไม่ได้รู้สึกตื่นตระหนกถึงเพียงนั้น เขามีสีหน้าเคร่งขรึม เอ่ยขึ้นว่า “เรียนท่านปู่ ข้าไม่มั่นใจว่าเป็นเขาหรือไม่ขอรับ”
ผู้อาวุโสสูงสุดเห็นว่าเมื่อกล่าวถึงเรื่องสำคัญ สีหน้าของหลานชายก็เปลี่ยนไป จึงลอบคิดว่าถึงไม่เอาไหน แต่อย่างน้อยก็ทำภารกิจของตนเองได้
ผู้อาวุโสสูงสุดครุ่นคิด แล้วกล่าวว่า “ราชาพ่อมดลอบเก็บลูกไว้ แล้วให้คนพาหนีไปนอกเผ่า เขาทิ้งสัญลักษณ์เอาไว้เพื่อให้จดจำกันได้ในภายภาคหน้า เจ้าคงจะตรวจสอบบนร่างของเด็กคนนั้นแล้วกระมัง?”
ต๋าหว่าท่องบทนี้ได้ขึ้นใจ “ข้าตรวจสอบแล้วขอรับ แต่กลับไม่พบสัญลักษณ์ของราชาพ่อมด เด็กอายุเท่านี้ มีพลังระดับเทียนขั้นสูงสุด นับว่าเทียบเท่ากับราชาพ่อมดได้เลยขอรับ ดังนั้นหลานจึงไม่มั่นใจว่าสรุปแล้วเป็นเด็กที่พวกเราตามหาหรือไม่”
แม้ว่าเวินซวี่จะไม่ได้ความ แต่เมื่อมอบหมายภารกิจให้เขาไปทำ เขาย่อมทำอย่างเต็มที่ หากไม่เป็นเช่นนั้น มีหรือที่ผู้อาวุโสสูงสุดจะปล่อยเขาไว้เช่นนี้? ผู้อาวุโสสูงสุดมิได้เคลือบแคลงใจว่าเขาตรวจสอบละเอียดหรือไม่ และไม่ได้เสนอว่าตนเองจะตรวจสอบอีกครั้ง เขาเพียงแต่เงียบไปครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า “เป็นลูกของราชาพ่อมดจริงหรือไม่นั้น ถามราชาพ่อมดเอาก็รู้แล้วไม่ใช่หรือ?”
“หา!” ต๋าหว่าตกใจ “จะให้พวกเขาพ่อลูกพบหน้ากันหรือขอรับ? ถ้าเกิด…”
ความดุดันปรากฏในดวงตาของผู้อาวุโสสูงสุด “ไม่มีถ้าเกิด หากไม่เข้าถ้ำเสือจะได้ลูกเสือรึ? ให้พวกเขาได้พบหน้ากันสักครั้ง เขาเป็นลูกของราชาพ่อมดหรือไม่ จะได้รู้กัน!”
ราชาพ่อมดและราชินีแม่มดมีลูกด้วยกันคนหนึ่ง อายุมากกว่าโจวจิ่นสามปี ปีนี้อายุสิบสองขวบ เพียงแต่น่าเสียดาย ที่เขาไม่ได้สืบทอดคุณสมบัติของราชาพ่อมด ไม่เหมือนกับโจวจิ่นซึ่งถือกำเนิดมาพร้อมกับพลังเวทที่แข็งแกร่ง
ด้วยคุณสมบัติที่มี หากฝึกฝนเป็นอย่างดี เขาก็จะกลายเป็นราชาพ่อมดรุ่นต่อไปที่ยิ่งใหญ่ได้
แต่ราชินีแม่มดจะยอมให้บุตรชายของอนุภรรยาขึ้นนั่งบนบัลลังก์ของราชาพ่อมดอย่างนั้นหรือ?
หากสังหารโจวจิ่นได้ จากนั้นก็จับราชาพ่อมดขังไว้ อำนาจก็จะกลับมาอยู่ในมือของสภาอาวุโสโดยปริยาย
เมื่อถึงตอนนั้น เผ่าพ่อมดทั้งเผ่าก็จะตกอยู่ใต้อำนาจของสกุลเวิน
แต่สิ่งที่อวี๋หวั่นยังคิดไม่ตกก็คือ ในเมื่อจงเกลียดจงชังโจวจิ่นเสียขนาดนั้น ทำไมถึงไม่ฆ่าเขาไปเลยเล่า?
เธอจำได้ว่าภารกิจที่ต๋าหว่ารับมาก็คือ คนเป็นเห็นตัว คนตายเห็นศพ หากเข้าตาจนค่อยสังหาร ทว่าหากสังหารแล้วจะได้เงินค่าตอบแทนเพียงหนึ่งในสิบส่วน เมื่อเป็นเช่นนี้ เชื่อว่าไม่มีใครคิดจะจับตายโจวจิ่นหรอก
“ยังจำเหล่าขอทานที่เจ้าเห็นในตลาดมืดได้ไหม?” เยี่ยนจิ่วเฉาถาม
อวี๋หวั่นกินขนมกุหลาบหมดแล้ว และกำลังเริ่มลงมือกินลูกท้อ ลูกท้อทั้งใหญ่ทั้งหวาน เนื้อฉ่ำไม่แห้ง เมื่อกัดเข้าไป จะได้น้ำของลูกท้อเต็มคำ จนเธอกินอย่างเพลิดเพลิน
“ท่านว่าอย่างไรนะ” อวี๋หวั่นกินอย่างมีความสุข จนไม่ทันฟังสิ่งที่เยี่ยนจิ่วเฉาพูด
เยี่ยนจิ่วเฉายกนิ้วเรียวออกมา แล้วเช็ดน้ำลูกท้อข้างมุมปากของเธอ จากนั้นก็แตะนิ้วเข้าปากของตน
อวี๋หวั่นหน้าแดงก่ำ
“พลังเวท” เยี่ยนจิ่วเฉาพูดด้วยสีหน้าปกติ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]