ทันทีที่อวี๋หวั่นได้ยินเรื่องนี้ สิ่งแรกที่เธอคิดก็คือตัวตนของพวกเขาถูกเปิดเผยแล้ว ราชินีแม่มดคิดจะจัดการพวกเขา แต่เมื่อลองใคร่ครวญดูแล้ว เรื่องนี้ความเป็นไปได้นั้นมีน้อยเหลือเกิน
พวกเขาซ่อนตัวได้แยบยล แม้แต่กลิ่นอายของพ่อมดจากต๋าหว่าก็ถูกหนอนพิษของอวี๋หวั่นกลบจนหมด บวกกับการปลอมตัวเป็นเวินซวี่ ทำให้ยากที่จะบอกได้ว่าเขาเป็นปรมาจารย์พิษตัวปลอม
อวี๋หวั่นให้ผิงเอ๋อร์ไปเรียกอิ่งลิ่วมา แล้วบอกว่า “ความสัมพันธ์ของเวินซวี่และราชินีแม่มดเป็นอย่างไร”
อิ่งลิ่วไม่ได้พักมาตั้งแต่เช้า เขาออกไปสืบข้อมูล หนึ่งในสิ่งที่เขาสืบมาได้ก็คือความสัมพันธ์ของเวินซวี่และราชินีแม่มด
อิ่งลิ่วตอบว่า “ราชินีแม่มดอายุมากกว่าเวินซวี่ไม่กี่ปี นางเป็นพี่สาวคนโต เป็นพี่น้องมารดาเดียวกับเวินซวี่ ความสัมพันธ์ของสองพี่น้องนับว่าดี แต่ราชินีแม่มดไม่ชอบใจน้องชายลูกอนุภรรยาคนอื่นๆ ขอรับ”
หากเป็นเช่นนี้ ก็หมายความว่าราชินีแม่มดใส่ใจเลือดเนื้อเชื้อไขของเวินซวี่ จึงเรียกเธอเข้าวัง?
แต่ก็มีคุณชายบางคนที่ไม่พอใจกับเรื่องนี้
เขานอนหลับไปตื่นหนึ่ง จึงจะรู้ว่าผู้อาวุโสสูงสุดเข้าใจผิดว่าต๋าหว่ามีความสัมพันธ์กับอวี๋อาหวั่น แม้ว่ารูปร่างหน้าตาของเวินซวี่จะไม่ได้ดูกเฬวรากซากศพ แต่เมื่อเทียบกับคุณชายเยี่ยนซึ่งงามประหนึ่งเทพเซียนแล้ว ต่อให้มีเวินซวี่สักสิบคนก็เทียบไม่ได้แม้แต่นิ้วโป้งเท้าของเขา
คุณชายเยี่ยนเดือดดาล!
แต่อวี๋หวั่นกลับคิดว่าเรื่องนี้นับว่าเป็นการดี
ได้เข้าใกล้ราชาพ่อมด ทั้งยังได้เข้าไปสืบความในรังของศัตรู
“ราชินีแม่มดรักน้องชายถึงขนาดนี้ ก็ต้องเอ็นดูลูกที่ยังไม่ลืมตาดูโลกของเขาอย่างแน่นอน” อวี๋หวั่นยิ้มพลางลูบหน้าท้องนูน
“โจวจิ่น ข้าจะเข้าวังไปกับเจ้า!”
เธอรู้สึกสบายใจเหลือเกินที่ได้ปกป้องโจวจิ่นด้วยตนเอง
อวี๋หวั่นเข้าวัง คุณชายบางคนก็ต้องติดสอยห้อยตามไปด้วย เพราะฉะนั้นแผนการย่อมเปลี่ยนไป อวี๋เซ่าชิงเฝ้าอยู่ที่บ้าน ส่วนเยี่ยนจิ่วเฉาเข้าวังไปพร้อมกับอวี๋หวั่น
อวี๋หวั่นพูดว่า “ท่านจะเข้าวังไปด้วยได้ แต่รูปร่างหน้าตาของท่านโดดเด่นเกินไป ข้าต้องแปลงโฉมให้ท่านหล่อน้อยกว่านี้สักหน่อย”
เยี่ยนจิ่วเฉาไม่อาจเข้าวังไปในฐานะคุณชายแห่งเมืองเยี่ยน อวี๋หวั่นคิดว่าจะให้เขาเป็นองครักษ์ผู้ติดตามของโจวจิ่น แต่หน้าตาและรูปร่างของเขาสะดุดตาเช่นนี้ จะมีใครเชื่อว่าเขาเป็นองครักษ์?
อวี๋หวั่นใช้วิชาปลอมตัวเปลี่ยนให้ใบหน้าของเยี่ยนจิ่วแลดูเป็นชายหนุ่มธรรมดา แต่แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ ดวงตาคู่นั้นของเขายังคงดูงดงาม ทว่าเรื่องนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่วิชาปลอมตัวจะช่วยได้
“สามีของข้า งามกระไรปานนี้” อวี๋หวั่นใช้จังหวะที่ไม่มีใครเห็น เขย่งปลายเท้า จุมพิตลงบนริมฝีปากของเขา แล้วพูดว่า “ปากของท่านสีสดเกินไป ต้องกลบสักหน่อย”
เยี่ยนจิ่วเฉา “…”
หลังจากที่เยี่ยนจิ่วเฉาปลอมตัวแล้ว ก็เปลี่ยนไปสวมชุดองครักษ์ ขึ้นรถม้าไปพร้อมกับโจวจิ่น
ก่อนออกเดินทาง โจวอวี่เยี่ยนดึงแขนเสื้อของอวี๋หวั่น เดิมทีนางอยากดึงแขนเสื้อของเยี่ยนจิ่วเฉา เพราะเยี่ยนจิ่วเฉาใกล้ชิดกับศิษย์น้องเล็กของนางมากกว่า แต่เยี่ยนจิ่วเฉาน่ากลัวเหลือเกิน นางไม่กล้าเข้าใกล้เขา
แน่นอนว่าอวี๋หวั่นก็น่ากลัว แต่ก็น่ากลัวน้อยกว่าเยี่ยนจิ่วเฉา
นางกระซิบว่า “วังหลวงอันตรายมาก ขอฝากศิษย์น้องของข้าไว้กับพวกเจ้าด้วย พวกเจ้าอย่าห่วงแต่น้ำตาพ่อมด แล้วไม่สนใจความเป็นความตายของศิษย์น้องข้านะ”
แม้ว่าลึกๆ ในใจของโจวอวี่เยี่ยนจะรู้ว่าพวกอวี๋หวั่นจะไม่ทำอย่างนั้น แต่นางก็อดเป็นห่วงศิษย์น้องไม่ได้ จึงทำได้เพียงมาบอกด้วยสีหน้าหนักใจ
ในตอนนี้อวี๋หวั่นพอจะล่วงรู้แผนการของราชินีแม่มด ถ้าหากโจวอวี่เยี่ยนมาพูดกับเธอเช่นนี้ตอนอยู่บนเรือ เธอคงจะไม่สนใจนาง ทว่าตั้งแต่ที่เธอมองนางเป็นภรรยาในอนาคตของอิ่งลิ่ว ก็พลันรู้สึกว่านางน่ารักขึ้นมาก
อวี๋หวั่นยิ้ม ตอบว่า “เข้าใจแล้ว พวกข้าจะพาโจวจิ่นกลับมาอย่างปลอดภัย”
เมื่อโจวอวี่เยี่ยนเห็นใบหน้าเปี่ยมรอยยิ้มและท่าทางเป็นมิตรของอวี๋หวั่น นางก็อ้าปากค้าง “…ข้าว่าเจ้าน่ากลัวกว่านี้ดีกว่า เจ้าเป็นเช่นนี้แล้วข้าไม่ค่อยชิน”
“…” อวี๋หวั่นทำสีหน้าถมึงทึงในทันใด
หลังคาเรือนของเผ่าพ่อมดนั้นรูปร่างกลม ซึ่งแตกต่างกับสถาปัตยกรรมในต้าโจวและหนานจ้าวมาก เสื้อผ้าอาภรณ์ของชาวบ้านก็ต่างกัน สตรีสวมเสื้อผ้าสีหม่น ส่วนบุรุษกลับสวมเสื้อผ้าสีสันฉูดฉาดสดใส
อวี๋หวั่นพึมพำว่า “ข้าว่าการแต่งตัวของคนสกุลเวินนับว่าปกติกว่ามาก” อย่างน้อยก็ใกล้เคียงกับรสนิยมของชาวจงหยวนมากกว่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]