เวินซวี่เป็นเจ้านาย เขาเดินอย่างองอาจห้าวหาญอยู่ด้านหน้า ส่วนเยี่ยนจิ่วเฉาเป็นองครักษ์ เขาเดินด้วยสีหน้าเย็นเยียบอยู่ด้านหลัง หากไม่รู้ มองเผินๆ อาจคิดว่าเขาเป็นเจ้านายตัวจริง
แน่นอนว่าเหล่าสาวกได้แต่คิดในใจ ที่พวกเขาไม่พูดก็เพราะพวกเขาไม่กล้า
ด้านในตำหนักของราชินีแม่มดนั้นหรูหราว่าที่เห็นภายนอกมาก พื้นตำหนักทำจากหินอัคนีขัดเสียจนเงาวับ ชั้นวางของหล่อขึ้นจากทองคำส่องแสงวับวาว ตำหนักแลดูลึกลับ แต่ก็วิจิตรเหลือเกิน
ราชินีแม่มดเป็นผู้หญิงที่งามสะคราญ ทว่าแตกต่างกับผู้หญิงคนอื่นที่อวี๋หวั่นเคยพบมา นางสวมเสื้อคลุมยาวสีดำรัดเอว ชายกระโปรงสีดำระกับพื้น นางรูปร่างสะโอดสะอง ราวกับเป็นสาวงามผู้ครองพลังเวท
ความน่าเกรงขามแผ่ออกมาจากร่างของนาง
ประโยคหนึ่งแล่นผ่านสมองของอวี๋หวั่น…ราชินีครองพิภพ!
ราชินีแม่มดรักน้องชายเป็นที่สุด สายตาของนางย่อมไม่สนใจผู้ใด นางยกมือขึ้น รีบร้อนเข้าไปหาน้องชายซึ่งไม่พบหน้ากันมานาน รอยยิ้มอ่อนโยนวาดผ่านใบหน้าของนาง
ยามที่นางไม่ยิ้ม ใบหน้าของนางดูเย็นชาดุจภูเขาน้ำแข็ง แต่เมื่อยิ้มออกมากลับดูสดใส ราวกับแสงอาทิตย์แห่งเหมันตฤดู
“ซวี่เอ๋อร์ เจ้ามาแล้ว” ราชินีแม่มดจับมือน้องชาย
น้ำเสียงของนางเปี่ยมไปด้วยพลังของผู้เป็นราชินี
เดิมทีต๋าหว่ารู้สึกกลัวราชินีแม่มด บัดนี้กลับถูกมนตร์เสน่ห์ของรอยยิ้มและน้ำเสียงของนาง ทำให้คิดว่าตนเองเป็นเวินซวี่เสียแล้ว
ต๋าหว่าไม่ตื่นตระหนกอีกต่อไป
เขาจับมือนาง พร้อมกับเอ่ยว่า “ท่านพี่”
ทันทีที่ได้ยินคำว่าท่านพี่ ราชินีแม่มดก็ยิ้มกว้างและสดใสกว่าเดิม
ราชินีแม่มดดึงมือของเขา พาเขาเข้ามานั่งข้างตน “ไม่พบกันนาน ให้พี่ได้มองเจ้าชัดๆ สักหน่อย”
ราชินีแม่มดพูดพลางลูบใบหน้าของน้องชาย
ต๋าหว่ากลัวเหลือเกินว่านางจะทำให้หน้ากากของเขาหลุด ภายหลังจึงรู้ว่าเขาคิดมากไปเอง หน้ากากนั้นแนบสนิทไปกับใบหน้าของเขาจนเป็นเนื้อเดียวกัน
“ซวี่เอ๋อร์เจ้าผอมลง” ราชินีแม่มดนึกสงสารน้องชาย
สตรีผู้กุมอำนาจล้นฟ้า กลับรักและเอ็นดูคนคนหนึ่งได้มากเพียงนี้ เห็นแล้วรู้สึกประทับใจเหลือเกิน ต๋าหว่าแทบน้ำตารื้น มิน่าเล่าเวินซวี่ถึงยอมบุกน้ำลุยไฟเพื่อพี่สาว
“ข้าน้อยถวายบังคมราชินีแม่มด” อวี๋หวั่นย่อเขาตามถวายบังคม
ในตอนนั้นราชินีแม่มดจึงได้ละสายตาจากน้องชาย แล้วหันไปมองสตรีท้องโย้ที่ยืนอยู่ “เจ้าคือผู้ที่ซวี่เอ๋อร์พามาหรือ?”
“เพคะ” อวี๋หวั่นตอบ
“เดินมานี่ ให้ข้าดูสักหน่อย” ราชินีแม่มดกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
น้ำเสียงอ่อนโยนซึ่งใช้กับเวินซวี่กลับถูกแทนที่ด้วยน้ำเสียงดุดันทรงพลังของราชินี
อวี๋หวั่นค่อยๆ เดินเข้าไป
ฤดูร้อนของเผ่าพ่อมดไม่ได้ร้อนระอุเฉกเช่นในต้าโจว แต่ก็ช่วยไม่ได้ที่คนท้องมักจะร้อนง่ายกว่าคนทั่วไป อวี๋หวั่นสวมเสื้อคลุมผ้าเนื้อโปร่ง ขนาดใหญ่กว่าปกติ ด้านในเป็นชุดหลัวฉวินเอวสูง เป็นชุดที่สวมสบาย จึงเห็นท้องของเธอไม่ชัดเจน
“กี่เดือนแล้ว” ราชินีแม่มดถาม
“ทูลราชินีแม่มด หกเดือนกว่าแล้วเพคะ” อวี๋หวั่นตอบ
“เงยหน้าขึ้น” ราชินีแม่มดบอก
อวี๋หวั่นเงยหน้าขึ้นตามที่นางบอก
ใบหน้าของอวี๋หวั่นเล็กเท่ามือ แม้ว่าเธอจะอ้วนท้วนสมบูรณ์ขึ้นมา ใบหน้าอวบอิ่มมีน้ำมีนวล ก็ยังดูงดงาม องคาพยพบนใบหน้าได้รูป คนที่งามกว่าเธอมิใช่ว่าจะไม่มี แต่ก็ต่างออกไป หากมองดูแต่ละส่วน อวี๋หวั่นอาจมิได้สะดุดตา แต่เมื่อมองโดยรวมแล้วกลับงามจนไม่อาจละสายตาได้
ราชินีแม่มดมองเธออย่างพินิจพิจารณา
“เป็นคนที่ไหน” ราชินีแม่มดเอ่ยถาม
“นางเป็นคนตลาดมืด” ต๋าหว่าตอบ
เห็นอยู่ว่านางถามอวี๋หวั่น ต๋าหว่าก็พูดแทรกขึ้นมา ราชินีแม่มดไม่กล่าวโทษต๋าหว่า แต่กลับหันไปมองเขา “ที่บ้านมีใครบ้าง”
ต๋าหว่าพูดไปตามบทที่ซักซ้อมกันไว้ตั้งแต่เช้า “ไม่มีขอรับ นางเป็นเด็กกำพร้า เป็นสาวใช้อยู่ที่ตำหนักทมิฬ ข้าพบนาง จึงซื้อตัวนางมา”
“เจ้านี่นะ” ราชินีแม่มดจิ้มไปยังศีรษะของต๋าหว่า แล้วถลึงตาใส่เขา แต่กลับมิได้มีคำตำหนิออกมาจากปากนาง “เจ้าเองก็มีอนุอยู่ที่จวนตั้งมาก น่าเสียดายที่หลายปีมานี้กลับได้มาเพียงเด็กผู้หญิงสองคน ทั้งยังเป็นลูกอนุอีก หากท้องนี้เจ้าได้ลูกชาย ข้าจะให้รางวัลนาง”
หมายความว่านางจะยกสถานะให้อวี๋หวั่น
อวี๋หวั่นลอบคิดว่า จะให้รางวัลอย่างไรกัน? จะปลดตำแหน่งของฮูหยินรอง แล้วยกให้ผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างเธอเป็นภรรยาเอก?
ดูแล้วราชินีแม่มดคนนี้รักน้องไร้ขีดจำกัดจริงๆ
และนั่นหมายความว่าราชินีแม่มดกับผู้อาวุโสสูงสุดต้องจัดการผู้อาวุโสสามเช่นกัน
ในตอนนี้พวกเขาต้องการผู้อาวุโสสามก็เพราะราชาพ่อมดยังมีชีวิตอยู่ และยังเป็นเพราะราชินีแม่มดไม่อาจให้กำเนิดผู้สืบทอดบัลลังก์ที่เหมาะสม พวกเขาต้องร่วมมือกับผู้อาวุโสสามคานอำนาจกับราชาพ่อมด แต่เมื่อใดที่ราชาพ่อมดไม่อยู่แล้ว ผู้อาวุโสสามที่กุมอำนาจมหาศาลไว้ในมือจะกลายเป็นหอกข้างแคร่ที่น่ากลัวที่สุดของพวกเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]