ขณะที่ราชินีแม่มดพูด สายตาของนางก็จับจ้องไปยังใบหน้าของโจวจิ่น
ต่อให้เยือกเย็นถึงเพียงใด อย่างไรก็เป็นเพียงเด็ก ไหนเลยจะไม่มีท่าทีผิดสังเกต กระนั้นนางก็ต้องผิดหวัง สีหน้าของโจวจิ่นยังคงเรียบเฉยเฉกเช่นก่อนหน้านี้
“เมื่อครู่เจ้าหยุดเดินเพราะอะไรหรือ เจ้าเคยเห็นดอกไม้นี้ที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า?” ราชินีแม่มดเอ่ยถาม
“ไม่เคยเห็น มันสวย” โจวจิ่นตอบ
ราชินีแม่มดยิ้มพลางมองเขา “เจ้าแน่ใจใช่ไหมว่าไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน?”
โจวจิ่นเงยหน้าขึ้น สบตาราชินีแม่มดโดยปราศจากความหวั่นเกรง เขาไม่พูดอะไร เพียงแต่มองหน้านางอยู่เช่น
นั้น
ราชินีแม่มดยกยิ้มมุมปาก ค้อมตัวลงเล็กน้อย ปลายนิ้วเย็นเฉียบของนางจับปลายคางของเขาไว้ “เด็กโกหกไม่น่ารักเอาเสียเลย”
โจวจิ่นยังคงนิ่งเงียบ สายตาที่ใช้มองนางนั้นปราศจากความหวาดหวั่นและลึกล้ำยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
ราชินีแม่มดหัวเราะเย็นชา นางปล่อยมือจากคางของเขา แล้วเปลี่ยนไปจับมือของเขาแทน
ต๋าหว่ายืนอยู่ด้านข้าง แผ่นหลังของเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ เมื่อครู่เขาเรียก ‘ท่านพี่’ เสียสนิทสนมอย่างนั้นไป
ได้อย่างไรกัน? เห็นชัดๆ ว่านางเป็นอสรพิษในคราบสาวงาม จะถูกกัดตอนไหนก็ไม่รู้
“ราชินีแม่มด” ด้านนอกของห้องนอน สาวกคนหนึ่งคำนับราชินีแม่มด เมื่อเขาเห็นว่าราชินีแม่มดจูงเด็กคนหนึ่งมา นัยน์ตาของเขาก็กระตุกวูบ “นี่คือ…”
ราชินีแม่มดตอบว่า “คือแขกของราชาพ่อมด เขาตื่นหรือยัง?”
สาวกมองโจวจิ่นด้วยความสงสัย แล้วตอบว่า “ตื่นแล้วขอรับ กำลังนอนอยู่”
ราชินีแม่มดเชิดหน้าขึ้น แล้วจูงโจวจิ่นเข้าไปในห้องนอน
หน้าต่างห้องนอนปิดสนิท ในห้องมืดสลัว มีเพียงแสงรำไรจากตะเกียงน้ำมัน แสงริบหรี่สีเหลืองนวลส่องสะท้อนไปยังม่านซึ่งใช้ม้วนขึ้นลง ราชินีแม่มดเดินมาหยุดตรงหน้าม่าน
มีเสียงดังมาจากม่าน คล้ายกับคนกำลังพลิกตัว ตามมาด้วยเสียงไอเบาๆ
โจวจิ่นมองไปยังม่านเบื้องหน้า มือข้างที่ไม่ถูกราชินีแม่มดจับไว้กำแน่น
ราชินีแม่มดมองผ่านม่านเข้าไป แล้วยิ้มออกมา “ราชาพ่อมด ข้ากับซวี่เอ๋อร์มาหาท่าน ข้าพาแขกตัวน้อยคนหนึ่งมาด้วย เขาเดินทางมาจากประเทศมรกต อายุเก้าขวบ มีพลังเวทระดับเทียนขั้นสูงสุด ท่านคงอยากพบเขากระมัง?”
เสียงไอจากด้านหลังม่านหยุดลงทันใด
ราชินีแม่มดยกยิ้มมุมปาก “ซวี่เอ๋อร์ เจ้าออกมาก่อน ให้ราชาพ่อมดได้เห็นหน้าแขกตัวน้อยคนนี้ก่อน”
ต๋าหว่ามองไปยังโจวจิ่นด้วยความกังวล
โจวจิ่นพยักหน้า
ต๋าหว่ากระแอม แล้วคำนับอยู่ด้านหน้าม่าน “พี่เขย ข้าขอตัวก่อน”
เมื่อได้ยินว่าพี่เขย ราชินีแม่มดก็ชะงักไปชั่วขณะหนึ่ง แต่ไม่ทันไร นางก็ปรับสีหน้ากลับมาเป็นปกติ แล้วถอยออกไป
ต๋าหว่าก็ออกจากห้องเช่นกัน
ทั้งสองเดินข้ามธรณีประตูออกมา ราชินีแม่มดชะงักฝีเท้า นางเอ่ยขึ้นโดยไม่หันหลังกลับมา “เจ้าก็ออกไปด้วย”
“เพคะ” สาวกหญิงออกมาจากด้านหลังม่าน แล้วเดินตรงออกไปจากห้องนอนทันที
ในห้องอันโอ่โถงแห่งนี้ เหลือเพียงโจวจิ่นและราชาพ่อมดซึ่งอยู่ด้านหลังม่าน สถานที่เดิมทีเงียบสงัดอยู่แล้ว ก็ยิ่งเงียบยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
ต๋าหว่าไม่เดินไปไกล เขาหยุดอยู่ที่ลานด้านหน้า ตัวเขาออกมาแล้ว แต่ในใจยังคงอดเป็นห่วงไม่ได้
“เจ้ามองอะไร” ราชินีแม่มดถาม
ต๋าหว่านัยน์ตากระตุกวูบหนึ่ง ตอบว่า “ข้ากำลังดูปฏิกิริยาของราชาพ่อมดอยู่ ท่านว่าเด็กคนนี้จะเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของนางจริงหรือ? พวกเราเดินออกมาแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าพวกเขาเป็นพ่อลูกจริงหรือไม่”
“เหอะ” ราชินีแม่มดยกมือขึ้นเด็ดดอกไม้สีม่วงในกระถางออกมา “จะรู้ได้อย่างไร? เรื่องนี้ยังต้องรู้อีกหรือ? คิ้วของเด็กคนนั้นถอดแบบมาจากสตรีคนนั้นไม่มีผิด หากไม่ใช่ลูกของนางก็แย่แล้ว!”
“อ่า…” ต๋าหว่าพูดไม่ออก ที่แท้โจวจิ่นก็หน้าเหมือนท่านแม่ของเขาหรอกหรือ? เช่นนั้นราชินีแม่มดก็จำโจวจิ่นได้แต่แรกแล้วน่ะสิ? แต่ว่าเหตุใดยังพาโจวจิ่นเข้าไปหาราชาพ่อมดอยู่อีกเล่า?
ไม่ได้ทำเกินจำเป็นหรอกหรือ?
ราชินีแม่มดคล้ายกับจะเดาความคิดของน้องชายได้ นางค่อยๆ ลูบกลีบดอกไม้บางในมือ “ข้าจะให้เขาได้เห็นลูกชายของเขา ให้เขาได้รู้ว่าข้าจับลูกของนางแพศยานั่นได้แล้ว ให้เขาได้เห็นมันตายด้วยน้ำมือของข้า ข้าจะทำลายสิ่งที่เขาโหยหาที่สุดให้แหลกไปต่อหน้าต่อตา!”
ต๋าหว่าตัวสั่นเทิ้ม น่ากลัวเหลือเกิน!
ราชาพ่อมดไม่ได้เรียกโจวจิ่นเข้าไปหาตนเอง เขาเพียงมองลอดผ่านม่านออกมา และเห็นเด็กชายท่าทางสุขุมคนหนึ่ง “จะ…เจ้าไม่ควรมาที่นี่…”
เขาไม่อยากให้โจวจิ่นเห็นสภาพของตนเอง แต่ทันใดนั้น ม่านซึ่งขวางอยู่ด้านหน้าของเขาก็ร่วงลงมา…
ในตำหนักราชินีแม่มด
อวี๋หวั่นถูกพามานั่งอยู่ในเรือนด้านใน เป็นเพราะเธอกำลังตั้งท้องเลือดเนื้อเชื้อไขของ ‘เวินซวี่’ เหล่าสาวกหญิงจึงปฏิบัติต่อเธอด้วยความเกรงอกเกรงใจเป็นพิเศษ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]