ราชินีแม่มดพาโจวจิ่นไปยังตำหนักเยวี่ยหวา ที่นั่นคือสถานที่ซึ่งบุตรชายของราชินีแม่มดและราชาพ่อมดพำนักอยู่
เมื่อเห็นว่าราชินีแม่มดมา สาวกหญิงชายในตำหนักต่างรีบร้อนคุกเข่าลงกับพื้น ไม่มีผู้ใดกล้าเงยหน้ามองใบหน้าของราชินีแม่มด และไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยถามว่าเด็กผู้ชายที่ราชินีแม่มดพามาด้วยนั้นเป็นใคร
“องค์ชายเล่า?” ราชินีแม่มดเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
สาวกหญิงตอบว่า “ทูลราชินีแม่มด องค์ชายเยี่ยยางทานอาหารกลางวันแล้ว เพิ่งหลับไปเพคะ”
“เรียกเขามาที่ห้องหนังสือ” ราชินีแม่มดพูดด้วยสีหน้าดุดัน
“เพคะ” ความตกใจปรากฏบนใบหน้าของสาวกหญิง แต่นางก็ยังรับคำสั่งด้วยความเคารพ
ราชินีแม่มดจูงมือโจวจิ่นไปยังห้องหนังสือ
ตำหนักเยวี่ยหวานั้นแลดูปกติกว่าตำหนักของราชินีแม่มดและตำหนักของราชาพ่อมด กว้างขวางโอ่โถง ดอกไม้บานสะพรั่ง มีศาลาในสวนดอกไม้ ประดับตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจง มองดูแล้วหรูหราเหมาะแก่การเป็นตำหนักในวังหลวง
หากเปรียบตำหนักของราชินีแม่มดและราชาพ่อมดเป็นยามราตรี เช่นนั้นตำหนักเยวี่ยหวาก็คงเป็นยามกลางวัน
เมื่อโจวจิ่นเดินเข้ามาด้านใน เขามองไปรอบๆ ด้วยความสงสัยใคร่รู้ เป็นความไร้เดียงสาที่เด็กในวัยเขาล้วนมีอยู่
ราชินีแม่มดยิ้มด้วยความพึงพอใจ มองเขาแล้วกล่าวว่า “หากเจ้าชอบ ข้าก็จะสร้างตำหนักแบบนี้ให้เจ้าอีกหลังหนึ่ง”
โจวจิ่นกลับไม่ตอบ เขาเบนสายตากลับมา แล้วเดินต่อไปโดยปราศจากท่าทางลุกลน
ราชินีแม่มดยกยิ้มมุมปาก ต่อให้วางมาดสุขุมเยือกเย็นอย่างไร ก็เป็นเพียงเด็กเก้าขวบ ย่อมมีเผลอไผลได้บ้าง
“ท่านแม่!”
เมื่อเยี่ยยางมาถึงห้องหนังสือ ก็เห็นราชินีแม่มด
ดวงตาของเขาแดงก่ำ เห็นได้ชัดว่าเพิ่งตื่นนอน เขาสวมชุดคลุมยาวสีฟ้าอ่อน ร่างสูงโปร่ง คิ้วและดวงตาคมเข้ม ผมสีดำขลับมัดรวบไว้ด้านหลัง
เยี่ยยางรูปร่างสูงกว่าเด็กอายุสิบสองทั่วไป เมื่อโจวจิ่นซึ่งอายุเก้าขวบมายืนเทียบกับเขา จึงดูเตี้ยกว่าเขาถึงหนึ่งศีรษะ
“ท่านแม่ เขาเป็นใครหรือขอรับ” เยี่ยยางเอ่ยถามพลางชี้ไปยังโจวจิ่น
“แขกของท่านพ่อเจ้า” ราชินีแม่มดตอบ
เยี่ยยางทำตาโตด้วยความฉงนใจ เขามองโจวจิ่นอย่างพินิจพิจารณา “แขกของท่านพ่อ? ท่านพ่อจะมีแขกที่เด็กเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?”
ราชินีแม่มดยิ้มอย่างอ่อนโยน “เขามาเพื่อช่วยเจ้า เมื่อมีเขาแล้ว เจ้าก็จะมีพลังเวทเป็นของตนเอง มีพลังที่เหมือนกับท่านพ่อของเจ้า และเป็นพลังที่เหมาะสมกับการเป็นราชาพ่อมดที่สุด”
“หืม?” ดวงตาของเยี่ยยางเบิกกว้าง เขารู้ตัวดีว่าเขาไร้พลังเวท ท่านพ่อเป็นถึงราชาพ่อมด มีพลังเวทมหาศาล กระนั้นแล้วเขากลับไม่ได้รับพลังสืบทอดมาแม้แต่น้อย หากบอกว่าไม่รู้สึกผิดหวังก็คงจะเป็นการโป้ปด เดิมทีเผ่าพ่อมดไม่ได้สืบบัลลังก์ผ่านสายเลือด ต่อให้ฝึกฝนจนถึงระดับราชาพ่อมดแล้วก็ยังมีความเป็นไปได้เพียงหนึ่งในร้อยที่จะยกบัลลังก์ให้ทายาทของตน ถึงเรื่องนี้เกิดขึ้นจริงก็มิได้มาจากเจตจำนง หากแต่เป็นความบังเอิญ
หลายปีมานี้ ท่านแม่พยายามคิดหาวิธีมาโดยตลอด แต่นางเสียดายที่เขาไม่อาจดูดซับพลังเวทของผู้อื่นได้
เรื่องนี้อาจเกี่ยวข้องกับสายเลือดของราชวงศ์ พลังเวทระดับต่ำกว่าอาจถูกสายเลือดของราชวงศ์ปฏิเสธ
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เยี่ยยางก็มองไปยังราชินีแม่มด “เขาเป็นใครหรือขอรับ เหตุใดเขาถึงมอบพลังเวทให้ข้า”
“ข้าบอกไปแล้วอย่างไร เขาเป็นแขกของท่านพ่อเจ้า” ราชินีแม่มดลูบศีรษะของเยี่ยยาง “อีกไม่นานเยี่ยยางของแม่ก็จะมีพลังเป็นของตัวเองแล้ว”
เยี่ยยางไม่ได้รับคำตอบที่ตนเองต้องการ แต่ประโยคสุดท้ายกลับทำให้เขาตื่นเต้นจนลืมคำถามของตนไป
“เช่นนั้นข้าก็จะกลายเป็นราชาพ่อมดได้ใช่ไหมขอรับ?” เขาถามด้วยความคาดหวัง
ราชินีแม่มดลูบศีรษะของเขาด้วยความเอ็นดู “ได้อย่างแน่นอน แม่จะทำให้เยี่ยยางเป็นราชาพ่อมด”
ในห้องหนังสือมีห้องลับห้องหนึ่ง
ราชินีแม่มดให้ทั้งสองคนเข้าไป แล้วสั่งให้สาวกยกน้ำร้อนมาแช่ยาสมุนไพร
“ถอดเสื้อผ้าออก แล้วลงไปนั่ง” ราชินีแม่มดบอกกับเด็กทั้งสอง
ทั้งสองถอดเสื้อผ้าออก ต่างคนต่างลงไปนั่งในอ่างของตน
ราชินีแม่มดรอคอยวันนี้มานานเหลือเกิน ทุกอย่างเรียบร้อยดี เหลือเพียงรอให้ผู้อาวุโสสูงสุดและพ่อมดระดับสูงคนอื่นๆ มาถ่ายพลังของทั้งสอง เมื่อนั้นก็จะนับว่าเสร็จสมบูรณ์
หากจะบอกว่าการเปลี่ยนพลังในครั้งนี้ปราศจากความเสี่ยงก็คงพูดไม่ได้เต็มปาก แต่เพื่อทำให้เลือดปฏิเสธพลังเวทน้อยที่สุด และเพื่อป้องกันไม่ให้โจวจิ่นหมดสติไปกลางคัน ราชินีแม่มดจึงให้ทั้งสองลงไปแช่ในยาสมุนไพรที่ดีที่สุดของเผ่าพ่อมด
และจำเป็นต้องแช่อยู่หนึ่งชั่วยาม
ไม่รู้ว่าเมื่อราชาพ่อมดได้ยินเรื่องนี้ เขาจะตกใจมากแค่ไหน
ราชินีแม่มดลอบยกยิ้มขึ้นมุมปากอย่างเย็นชา นางหยิบเสื้อผ้าของโจวจิ่น แล้วเดินออกไปจากตำหนักเยี่ยหวาอย่างสง่างาม
“ข้าชื่อเยี่ยยาง เจ้าชื่ออะไรหรือ?” เยี่ยยางหันหน้าไปถามโจวจิ่น
โจวจิ่นไม่สนใจเขา เพียงแต่นั่งแช่ในยาอย่างนิ่งเงียบเชียบ สีหน้าเรียบเฉย
เยี่ยยางจึงพูดว่า “นี่ ถ้าหากพลังของเจ้าใช้ได้จริง ข้าจะตอบแทนเจ้าอย่างแน่นอน อย่างไรเสียพลังเวทก็ไม่ได้มีประ โยชน์อะไรกับเด็กชาวบ้านธรรมดาอย่างเจ้า ไม่สู้ยกให้ข้า ข้าจะมอบตำแหน่งหัวหน้าซือมิ่งให้เจ้าดีไหม?”
หัวหน้าซือมิ่ง เป็นตำแหน่งขุนนางใหญ่ซึ่งทำหน้าที่บูชาเทพเจ้าในวังหลวง ฐานะเป็นรองเพียงสภาอาวุโส
โจวจิ่นยังคงไม่ใส่ใจเขา
เยี่ยยางเริ่มเกิดโทสะ เขาเป็นถึงองค์ชายของเผ่าพ่อมด! เขาลดตัวลงมาคุยด้วย นับว่าเป็นวาสนาอันล้นพ้น แต่เจ้าเด็กนี่กลับเมินเขาน่ะหรือ?!
“เจ้าหูหนวกหรือ?” เยี่ยยางวักน้ำขึ้นมาสาดใส่โจวจิ่น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]