แท้จริงแล้วเหยียนหรูอวี้ไม่ต้องทำให้แม่นางตู้เดือดร้อนไปด้วยก็ได้ แต่หากเป็นเช่นนั้น นางก็อาจจะล้มกระแทกพื้นอย่างแรง การตอบสนองตามสัญชาตญาณยามวิกฤต ทำให้เหยียนหรูอวี้เลือกปกป้องตัวเองให้ได้มากที่สุด ผลก็คือล้มลงทั้งคู่ น้ำกุหลาบชั้นเลิศที่แม่นางตู้เตรียมไว้ก็เสียหายไปเช่นกัน
การเคลื่อนไหวของอวี๋หวั่นแนบเนียน เธอบอกว่าไม่ได้คว่ำก็คือไม่ได้คว่ำ
หากเหยียนหรูอวี้ยืนกรานจะโยนความผิดให้อวี๋หวั่น ก็ไม่ต่างอะไรกับคำพูดที่คนกล่าวว่า ‘ไร้เหตุผล’
เหยียนหรูอวี้พูดอะไรไม่ได้ น้ำกุหลาบก็ไม่มีแล้ว เสื้อผ้าก็เปรอะเปื้อนสกปรก แต่ก็ไม่อาจเรียกร้องความเป็นธรรมจากที่ใด นางทำได้เพียงกดเก็บความโกรธแค้นขุ่นเคืองไว้ และพาแม่นางตู้กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้อง
“แม่นางตู้ ที่บ้านท่านมีน้ำกุหลาบที่ทำไว้อีกหรือไม่? ข้าจะรีบให้คนไปนำมาประเดี๋ยวนี้” เหยียนหรูอวี้เอ่ยกับแม่นางตู้ หลังจากระงับโทสะและเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว
แม่นางตู้ส่ายหัว “ที่ปรุงได้ดีมีเพียงโถนี้”
น้ำกุหลาบหาใช่สิ่งที่ทำได้ง่ายดาย จะต้องใช้กลีบกุหลาบที่เก็บมาสดๆ ซึ่งช่วงที่ดอกกุหลาบบานคือคิมหันต์ฤดู นางไม่รู้ว่าต้องใช้ความพยายามมากเพียงใด กลีบกุหลาบที่เก็บมาจากเรือนกระจกกระเช้าหนึ่ง ทำออกมาได้เพียงโถเล็กๆ โถเดียว
“เช่นนั้นเราจะทำเยี่ยงไรดี?” เหยียนหรูอวี้ขมวดคิ้วมุ่น แม้พวกนางจะไม่มีน้ำกุหลาบแล้ว แต่สกุลอวี๋ก็ไม่มีเช่นกัน อย่างไรก็ต้องอยู่ในความไม่ประมาท การสูญเสียอาวุธหาใช่เรื่องดีในสงคราม นอกจากพวกนางสองคนก็ยังมีพ่อครัวจากโรงเตี๊ยมเวยหย่วนอีกคนหนึ่ง
โรงเตี๊ยมเวยหย่วนไม่มีความสัมพันธ์ใดกับองค์ชายรอง พวกเขาขึ้นมาเป็นหนึ่งในสามอันดับแรกด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขาเอง นางไม่ยอมพ่ายแพ้ให้สกุลอวี๋ มีหรือจะยอมพ่ายแพ้ให้สกุลอื่น?
เหยียนหรูอวี้กล่าวด้วยความกังวล “ชาวประมงได้ประโยชน์เพราะนกสู้กับหอย เช่นนี้โรงเตี๊ยมเวยหย่วนจะไม่ชนะไปง่ายๆ เลยหรือ?”
“จริงๆ แล้ว” แม่นางตู้หยุดชะงักราวกับกำลังตัดสินใจบางอย่าง “ข้ายังมีอีกวัตถุดิบหนึ่งที่ตั้งใจจะเก็บไว้ใช้ยามเผชิญหน้ากับท่านอาจารย์”
ดวงตาของเหยียนหรูอวี้เป็นประกาย “มันคืออันใดรึ? มีโอกาสชนะมากกว่าน้ำกุหลาบรึไม่?”
แม่นางตู้พยักหน้า “เป็นน้ำหมักที่อาจารย์ของข้าทำเองกับมือ”
ในรอบนี้ พ่อครัวแม่ครัวได้รับอนุญาตให้ใช้วัตถุดิบของตนเอง แต่ไม่มีข้อกำหนดว่าวัตถุดิบนั้นต้องทำเอง อย่างลุงใหญ่ที่ใช้เต้าหู้ยี้ฝีมืออวี๋หวั่น ดังนั้นจึงไม่ผิดหากแม่นางตู้จะใช้น้ำหมักของพ่อครัวเทพเป้า
ความกังวลปนหดหู่ในใจของเหยียนหรูอวี้ได้ถูกขจัดออกไปหมด นางคลี่ยิ้มอย่างเบิกบานพลางว่า “ของที่พ่อครัวเทพเป้าทำ พ่อครัวบ้านๆ อย่างสองคนนั้นจะมาเทียบเทียมได้อย่างไร? แม่นางตู้ การแข่งขันรอบนี้เราต้องเป็นฝ่ายชนะแน่!”
ห้องด้านหลังที่สภาพไม่สมบูรณ์ คนสกุลอวี๋คิดหาวิธีแก้ปัญหาไม่ตก ไป๋ถังกับผู้จัดการชุยได้ยินเสียงจึงรีบวิ่งมาดู
พวกเขานั่งล้อมโต๊ะมองหน้ากัน
“ทำเยี่ยงไรดี? พวกเจ้ากล่าวอันใดสักอย่างสิ ให้ข้าไปซื้ออะไรมาให้ดีหรือไม่?” คุณหนูไป๋กล่าวเยี่ยงผู้ร่ำรวย
“ให้ใช้ได้ ก็ไม่ใช่ว่าต้องใช้” อวี๋เฟิงพึมพำ “ข้าเห็นพวกเขาเพิ่มวัตถุดิบมาอีกสองสามอย่าง ไก่ เป็ด ปลา เนื้อมีเยอะเลย”
ไป๋ถังกล่าวด้วยความตื่นเต้น “อย่างไรใช้ก็ดีกว่าไม่ใช้! เอ๊ะ? ถึงร้านชิงเฟิงจะถูกกำจัดไปแล้ว แต่เครื่องเทศจากร้านนั้นเป็นเครื่องเทศชั้นดี ข้าจะไปซื้อมาสักหน่อย”
อวี๋เฟิงกล่าวอีกครั้ง “ไม่จำเป็นหรอก เครื่องเทศที่นี่ก็ใช้ได้”
ไป๋ถังใบหน้าดำมืด
ปฏิเสธสตรีครั้งแล้วครั้งเล่าเป็นเรื่องที่สมควรหรือ?
“พวกเจ้าสองฝ่ายสู้กัน แต่โรงเตี๊ยมเวยหย่วนกลับได้ประโยชน์” ผู้จัดการชุยกล่าว “ที่พวกเจ้าผ่านมาถึงจุดนี้ได้หาใช่เรื่องบังเอิญ”
ทุกคนรู้ดี แต่เต้าหู้ยี้ก็ไม่มีแล้ว ครั้นจะกลับไปเอาที่หมู่บ้านก็คงไม่ทัน
นายท่านฉินบีบข้อมืออย่างตึงเครียด ไม่ง่ายกว่าจะมาถึงจุดนี้ เห็นประกายความหวังหมายจะโดดเด่นเหนือใคร ทว่าไม่ทันระวัง วัตถุดิบกลับถูกทำลายจนไม่เหลือซาก น่าเจ็บปวดใจยิ่งนัก!
“แท้จริงแล้ว… ” อวี๋หวั่นเอ่ยเนือยๆ “ข้านำวัตถุดิบอื่นมาด้วย”
“เต้าหู้ยี้รึ?” วิญญาณนายท่านฉินกลับเข้าร่าง
อวี๋หวั่นส่ายหัว
“เต้าหู้เหม็น?” ไป๋ถังเบิกตากว้าง
อวี๋หวั่นก็ยังส่ายหัว
“ข้ารู้แล้ว น้ำหมักเก่าแก่!”
น้ำหมักเก่าแก่เป็นของดีที่ทำจากเครื่องเทศหลายสิบชนิด ต้องเก็บไว้หลายวันถึงจะได้น้ำหมักมา น้ำหมักเก่าแก่ยิ่งเก็บนานยิ่งหอม เมื่อนำไปปรุงออกมา กระทั่งกระดูกก็ยังมีกลิ่นหอมของน้ำหมัก
แน่นอนว่าสกุลอวี๋มีน้ำหมักเก่าแก่ และลุงใหญ่ก็เป็นคนทำด้วยตนเอง เรื่องรสชาติจึงไม่ต้องกล่าวถึง
ทว่าสิ่งที่อวี๋หวั่นนำมา กลับไม่ใช่น้ำหมักเก่าแก่ที่ลุงใหญ่ของเธอเป็นคนทำ
อวี๋หวั่นหยิบโถออกมา
ไป๋ถังอดใจรอไม่ไหว รีบเปิดฝาออก กลิ่นที่น่ากลัวยิ่งกว่าเต้าหู้เหม็นพวยพุ่งออกมา คนในห้องต่างต้องตกตะลึง!
…
การแข่งขันรอบสุดท้ายของวันนี้ได้รับความสนใจอย่างล้นเหลือ ผู้เริ่มคิดค้นอาหารจานเด่นทั้งห้าเผชิญหน้ากับแม่นางตู้ ทั้งคู่ต่างมาจากหอเทียนเซียง เป็นการต่อสู้ระหว่าง ‘เพื่อนร่วมงานในอดีต’ อย่างกับในละครจริยธรรม พ่อครัวม้ามืดที่ไม่เป็นที่รู้จักแห่งโรงเตี๊ยมเวยหย่วนยิ่งน่าประหลาดยิ่งกว่าทั้งสอง เพียงแต่ควันหลงเรื่องการขโมยสูตรยังไม่ผ่านพ้นไป ผู้คนจึงให้ความสนใจกับพ่อครัวอวี๋และแม่นางตู้มากกว่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]