ตอนที่อวี๋หวั่นนำรองเท้าไปยังจวนคุณชายเพื่อมอบให้ เยี่ยนจิ่วเฉาไม่อยู่ คนที่ออกมาต้อนรับเธอคือลุงวั่น อวี๋หวั่นจึงไม่ได้บอกว่าเธอมาที่นี่เพื่อเอารองเท้ามาให้ กลับบอกว่าเธอมาซื้อวัตถุดิบทำอาหารในเมืองหลวง ลุงวั่นเอ่ยถามอีกครั้ง จึงรู้ว่าบ้านของเธอกำลังจะจัดงานเลี้ยง
ทว่าในช่วงไม่กี่วันนี้งานทั่วไปมีมากมาย กระทั่งลุงวั่นได้ลืมเรื่องนี้ไปแล้ว ยามที่เขาจำได้และจะบอกกับเยี่ยนจิ่วเฉา เยี่ยนจิ่วเฉาก็ไปที่ท้องพระโรงอีก
ลุงวั่นรีบควบขี่ม้าเพื่อไปตามหา ทว่าเมื่อรู้ว่าฮ่องเต้ออกจากราชสำนักไปก่อนเวลา ลุงวั่นจึงสงสัยอย่างจริงจังว่าฮ่องเต้ถูกคนวิปลาสของบ้านตนทำให้โกรธเป็นแน่
ลุงวั่นรอแล้วรอเล่าอยู่ที่ประตู กระทั่งฟ้ามืดสนิท เยี่ยนจิ่วเฉาจึงกลับมา
ชั่วยามนี้ งานเลี้ยงในหมู่บ้านคงจบไปนานแล้ว
ลุงวั่นก็เลยไม่เอ่ยถึง อย่างไรแม่นางอวี๋ก็ไม่ได้เชิญคุณชายไปงานเลี้ยงอยู่ดี
…ไม่มีทางยอมรับเด็ดขาดว่า เป็นเพราะกลัวคุณชายจะโกรธและลงโทษตนเอง
เยี่ยนจิ่วเฉาลงจากรถม้า ทันทีที่เห็นลุงวั่นอยู่ที่ประตูจึงถามว่า “เหตุใดวันนี้จึงยังรอข้าอยู่ที่ประตูอีกเล่า? มีธุระหรือ?”
ลุงวั่นสีหน้าราบเรียบพลางเอ่ยตอบ “ไม่มีขอรับ”
“ไม่มีแล้วเจ้ามายืนอยู่ที่นี่เพราะเหตุใด?” เยี่ยนจิ่วเฉาหรี่ตามอง
ลุงวั่นเอ่ยอย่างร้อนรน “มาสูดอากาศ!”
เยี่ยนจิ่วเฉาจ้องมองอยู่สักพักด้วยความสงสัย จากนั้นก็เดินไปหาด้วยสีหน้าเย็นชา
เมื่อเห็นว่าใกล้จะทนต่อไปไม่ไหวแล้ว ลุงวั่นจึงชี้ไปที่รองเท้าของเขา พลางเอ่ยอย่างมีไหวพริบ “ดูดีเสียจริง!”
เยี่ยนจิ่วเฉาสีหน้าเปลี่ยนไปในฉับพลัน “เจ้าค่อยๆ สูดอากาศไปแล้วกัน ข้าจะเข้าไปก่อน”
ลุงวั่นผู้รอดพ้น “…เฮ้อ!”
อย่างไรก็ตาม สุดท้ายเยี่ยนจิ่วเฉาก็ได้รับรู้เรื่องของครอบครัวอวี๋หวั่นจากปากของสายลับ หลังจากที่เยี่ยนจิ่วเฉารู้มาว่าเยี่ยนไหวจิ่งมา ‘พัวพัน’ กับอวี๋หวั่นอยู่หลายครา จึงส่งสายลับไปจับตาดูเยี่ยนไหวจิ่ง เยี่ยนไหวจิ่งไปที่หมู่บ้านเหลียนฮวา สายลับก็ติดตามไปตลอดทาง และได้ยินการเคลื่อนไหวในหมู่บ้านเหลียนฮวา จึงทราบได้ว่าวันนี้สกุลอวี๋กำลังจัดงานเลี้ยง
“คุณชาย” สายลับคุกเข่าข้างหนึ่งบนพื้นในห้องทำงาน และโค้งคำนับอย่างนอบน้อม
สายลับที่เก่งที่สุดในมือของเยี่ยนจิ่วเฉาก็คืออิ่งลิ่ว ทว่าก็ไม่ได้มีเพียงอิ่งลิ่วเท่านั้นที่สามารถใช้งานได้
เยี่ยนจิ่วเฉานั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะทำงานเหลือบมองเขาเบาๆ “สืบพบสิ่งใด?”
สายลับเอ่ย “องค์ชายรองไปที่หมู่บ้านเหลียนฮวาและพบกับแม่นางอวี๋”
เยี่ยนจิ่วเฉาหยิบข่งหมิงสั่วบนโต๊ะขึ้นมา “ไปพบนางด้วยเหตุใด?”
สายลับขมวดคิ้วมุ่นพลางเอ่ยว่า “เหมือนว่าองค์ชายรอง…จะขอแม่นางอวี๋แต่งงานขอรับ”
นิ้วที่จับข่งหมิงสั่วของเยี่ยนจิ่วเฉาพลันหยุดชะงัก
สายลับเอ่ยต่อ “ให้เป็นสนมเช่อเฟย”
รู้มานานแล้วว่าชายผู้นี้มิได้มีเจตนาดี อย่างที่คาดไว้ เขากำลังเลือกสนม ในขณะเดียวกันก็ไปขอเด็กผู้หญิงคนนั้นแต่งเป็นสนมเช่อเฟย!
เยี่ยนจิ่วเฉาเย้ยหยัน “สนมเช่อเฟย? นี่คือความบริสุทธิ์ใจของเยี่ยนไหวจิ่งรึ? ทำได้ยอดเยี่ยมจริงๆ!”
สายลับไม่กล้าบุ่มบ่ามตัดสินเหล่าเจ้านายว่าถูกหรือผิด เพียงก้มหน้าลงและรายงานต่อ “แม่นางอวี๋ไม่เห็นด้วย นางบอกว่านางจะไม่เป็นสนมเช่อเฟย”
“อื้ม” เยี่ยนจิ่วเฉาสีหน้ากระอักกระอ่วนเล็กน้อย
สายลับคิดในใจ คุณชายท่านมีปฏิกิริยาอันใดเช่นนี้? หรือท่านคิดว่าแม่นางอวี๋ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเกินไป? นางไม่ยอมเป็นสนมเช่อเฟยขององค์ชาย แล้วคิดว่าจะยอมเป็นให้ท่านเช่นนั้นหรือ? ด้วยชาติกำเนิดเช่นนั้นของนาง ไปบ้านคนใหญ่คนโตที่ใดก็ไม่อาจเป็นภรรยาเอกได้
คำเอ่ยนี้ไม่อาจเอ่ย สายลับตำหนิเพียงเท่านี้พอแล้ว หากจะให้เอ่ยออกไปจริงๆ เขาก็ไม่มีความกล้าพอ สายลับเอ่ยอีกครั้ง “องค์ชายรองยังกล่าวถึงคุณชายด้วย”
เยี่ยนจิ่วเฉาจ้องมองเขา “เขาเอ่ยถึงข้าว่าอย่างไร?”
“เขาถามแม่นางอวี๋ว่า ‘หรือเยี่ยนจิ่วเฉาสามารถเอาตำแหน่งชายาเอกมาให้เจ้าได้?’” สายลับเลียนแบบน้ำเสียงของเยี่ยนไหวจิ่ง
เยี่ยนจิ่วเฉาอุทาน แล้วเอ่ยต่อ “เฮอะ แล้วนางตอบว่าอย่างไร?”
สายลับก็เลียนแบบท่าทางและน้ำเสียงของอวี๋หวั่น “แม่นางอวี๋กล่าวว่า ‘เขาทำได้หรือไม่ ข้าไม่รู้ ข้ารู้เพียงว่า ฝ่าบาททำไม่ได้’”
หลังสายลับจากไปไม่นาน อิ่งสือซันก็เข้ามาในห้อง
เมื่อสักครู่อิ่งสือซันเพิ่งจะยืนอยู่ที่หน้าประตู เขาได้ฟังการสนทนาระหว่างทั้งสองโดยไม่มีคำเอ่ยใดๆ เขาแตกต่างจากสายลับที่ทำหน้าที่เพียงภารกิจเดียว อิ่งลิ่วและลุงวั่นเป็นคนสนิทของเยี่ยนจิ่วเฉา รับผิดชอบเกือบทุกเรื่องของเยี่ยนจิ่วเฉา สายลับอาจไม่ทราบว่าเยี่ยนจิ่วเฉาคิดกับอวี๋หวั่นมากเพียงใด อิ่งสือซันกลับเข้าใจอย่างถ่องแท้
อิ่งสือซันเอ่ย “คุณชาย ต้องการให้ส่งคนไปจับตาดูแม่นางอวี๋หรือไม่?”
เยี่ยนจิ่วเฉามองเขาด้วยสายตาเย็นชา “จับตาดูนางเพื่อเหตุใด? นางหาใช่อาชญากร!”
มีคนเพียงสองประเภทที่เยี่ยนจิ่วเฉาให้สายลับจับตามอง ประเภทหนึ่งคือศัตรู อีกประเภทคือตัวประกัน อวี๋หวั่นหาใช่หนึ่งในนั้น นางมีพื้นที่และอิสระของตัวเอง
นอกจากนี้ไม่มีผู้ใดชอบที่จะถูกจับตามอง
“จับตาดูเยี่ยนไหวจิ่งก็เพียงพอแล้ว” เยี่ยนจิ่วเฉาเอ่ยเบาๆ
“ขอรับ” อิ่งสือซันตอบ
เมื่อเห็นเขาไม่ออกไป เยี่ยนจิ่วเฉาจึงเอ่ยว่า “มีเรื่องอันใดหรือไม่?”
อิ่งสือซันกล่าวว่า “พบร่องรอยของโจวไหวแล้ว…คนขององค์ชายรองก็พบเช่นกัน”
เยี่ยนจิ่วเฉาฮึดฮัด และกำลังจะเอ่ยปาก เสียงของลุงวั่นก็ดังอยู่ด้านนอกประตู “คุณชาย คุณหนูเหยียนมาแล้ว”
ส่วนใหญ่อาศัยข้ออ้างมาดูแลเด็กเพื่อดูว่าเยี่ยนจิ่วเฉาอยู่ในจวนหรือไม่
“คุณชาย ท่านต้องการปฏิเสธนางหรือไม่?” อิ่งสือซันถาม
“ไม่จำเป็น บอกให้นางเข้ามา” เยี่ยนจิ่วเฉาชะงัก แล้วเอ่ยสั่ง “พาคุณชายน้อยไปอาบน้ำ”
อิ่งสือซันเข้าใจความหมาย จึงบอกให้แม่นมพาเด็กน้อยทั้งสามไปที่สระอาบน้ำเล็ก
ในเมื่อเหยียนหรูอวี้ไม่ใช่มารดาผู้ให้กำเนิด ก็ไม่จำเป็นต้องให้นางพบกับเด็กอีก
เยี่ยนจิ่วเฉาได้พบกับเหยียนหรูอวี้ที่โถงบุปผา
เหยียนหรูอวี้แต่งกายสวยงามดูสะอาดสะอ้าน แม้จะดูมีความประณีตและตั้งใจ ทว่าในสายตาของคุณชายเยี่ยนที่งดงามมาตั้งแต่เด็กจนโต การส่องกระจกงดงามเสียยิ่งกว่านาง จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหวั่นไหวกับรูปลักษณ์เช่นนี้ของนาง
“อวี้เอ๋อร์ขอคารวะคุณชาย” เหยียนหรูอวี้ถือกล่องอาหารพลางโค้งคำนับเบาๆ
เยี่ยนจิ่วเฉาเอ่ยเสียงอืมอย่างเฉยเมย
เหยียนหรูอวี้วางกล่องอาหารไว้บนโต๊ะข้างๆ เยี่ยนจิ่วเฉา และเปิดฝากล่องพลางเอ่ยว่า “บนเรือสำราญวันนั้น อวี้เอ๋อร์เสียกิริยาแล้ว อวี้เอ๋อร์ด้อยความสามารถในการดื่ม จึงไม่ควรโลภรับถ้วย หวังว่าคุณชายจะยกโทษให้”
“ไม่มีปัญหา” เยี่ยนจิ่วเฉาเอ่ย
เขายังคงมีท่าทีเย็นชาไม่แยแส ทว่ายิ่งเป็นแบบนี้ เหยียนหรูอวี้ก็ยิ่งโล่งใจมากขึ้น แต่ทว่าก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
เหยียนหรูอวี้นำของว่างในกล่องอาหารออกมา “ข้าไม่ทราบว่าคุณชายชอบรสใด อวี้เอ๋อร์จึงทำตามความชอบของเด็กๆ”
“พวกเขาชอบสิ่งนี้หรือ?” สายตาของเยี่ยนจิ่วเฉาตกกระทบบนจานขนมฟักทองที่เต็มไปด้วยกลิ่นนมโชยออกมา ขนมฟักทองก็หวานด้วยตัวมันเองมากพอแล้ว ด้านนอกยังโรยด้วยผงน้ำตาลอีกชั้นหนึ่ง
เมื่อเยี่ยนจิ่วเฉานึกถึงฟันน้ำนมที่ผุของเสียวเป่า ก็พลันคิ้วขมวดมุ่น
อาหารที่สกุลอวี๋ส่งมาลดน้ำตาลลงครึ่งหนึ่งเสมอ
“ท่าน…ไม่ชอบหรือ?” เหยียนหรูอวี้สังเกตท่าทีของเขา
เยี่ยนจิ่วเฉากล่าวโดยไม่ลังเล “มันหวานเกินไป”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]