สือโถวน้อยถูกจับไปกำบังสายฟ้าจนบาดเจ็บหนัก คนธรรมดาไม่มีทางช่วยได้ แต่ไม่ใช่สำหรับประมุขศักดิ์สิทธิ์
“ท่านพี่เสี่ยวเจา ประมุขศักดิ์สิทธิ์บอกว่าต้องการให้เจ้าช่วย” เยี่ยนเสี่ยวซื่อสาธยายเสียงที่ดังขึ้นในหัวให้ประมุขมารฟัง
“ให้เขาพูดเอง” ประมุขมารบอก
เยี่ยนเสี่ยวซื่อ “หา?”
ประมุขมารมองประมุขศักดิ์สิทธิ์น้อยอย่างเยือกเย็น
ประมุขศักดิ์สิทธิ์เป็นผู้มีใจเมตตากรุณา ย่อมไม่ปฏิเสธว่าจะไม่รักษาให้อย่างแน่นอน
ประมุขศักดิ์สิทธิ์กำหมัดอวบอ้วนแน่น เปล่งเสียงอันน่าเกรงขามของตนเองออกมาเป็นครั้งแรก “อุแว้!”
ประมุขมารหัวร่อจนแทบหัวทิ่มหัวตำ
ประมุขมารทำตามสิ่งที่ประมุขศักดิ์สิทธิ์ตัวน้อยบอก ใช้พลังปกป้องเส้นลมปราณของของสือโถวน้อย ประมุขศักดิ์สิทธิ์น้อยแนะนำให้เยี่ยนเสี่ยวซื่อรีดสายฟ้าจากในร่างของเขาออกทีละน้อย แล้วใส่เข้าไปในร่างของประมุขมาร
อย่างไรเสียนี่ก็คือสายฟ้า ไม่อาจทำลายให้แหลกสลายไปได้ มันสามารถแยกส่วน และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
ทว่าประมุขมารไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนี้ เพราะเดิมทีเขามีรากปราณสายฟ้า สำหรับเขาแล้ว สายฟ้าจัดว่าเป็นของบำรุงกำลังอย่างหนึ่ง
หลังจากกำจัดสายฟ้าที่หลงเหลืออยู่ในร่างของสือโถวน้อยแล้ว ประมุขศักดิ์สิทธิ์ก็ซ่อมจุดตันเถียนและเส้นลมปราณให้เขา
เมื่อเสร็จแล้ว ประมุขศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ได้คิดสิ่งใดในสมองอีก เขาเพียงจับจ้องประมุขมารเขม็ง
เขาเป็นประมุขมาร และเป็นร่างของหลัวช่าโลหิต เลือดของเขาล้วนเป็นปราณหลอมเหลวของคนเผ่ามาร
“ดวงตาของเขา…” เยี่ยนเสี่ยวซื่ออุ้มสือโถวน้อยซึ่งกำลังหลับใหล พลางมองไปยังประมุขศักดิ์สิทธิ์น้อยและประมุขมาร ถึงแม้นางจะรู้ว่าตนไม่ควรละโมบ แต่นางก็หวังเหลือเกินว่าจะทำให้เขามองเห็นได้อย่างชัดเจน
ทั้งคนตัวใหญ่และตัวเล็กต่างส่ายหน้า
นี่คือสิ่งที่เขาเป็นมาแต่กำเนิด ไร้ซึ่งหนทางรักษา
ทว่าหากเขาฝึกฝนจนมีระดับพลังสูงไร้ผู้ใดเทียบเทียม เบิกทิพยจักษุแล้วอาจมองเห็นก็เป็นได้ กระนั้นแล้วก็ไม่ใช่การมองเห็นเฉกเช่นคนทั่วไป ภาพที่เห็นจะเป็นเพียงสีขาวดำและกลับด้านซ้ายขวาดังมองกระจกเงา
“เบิกทิพยจักษุยากหรือไม่?” เยี่ยนเสี่ยวซื่อถาม
“ยากประหนึ่งตะกายขึ้นฟ้า” ประมุขมารตอบ
เยี่ยนเสี่ยวซื่อพยักหน้า บอกเรื่องของสือโถวน้อยแก่มารดาภูติผีและผู้บำเพ็ญมารไปตามความเป็นจริง
ทั้งสองคนมิได้เศร้าโศกกับเรื่องนี้นานนัก อย่างไรเสียสือโถวน้อยก็ได้ชีวิตกลับคืนมา พวกเขาซาบซึ้งในบุญคุณเหลือคณานับ
มารดาภูติผีและผู้บำเพ็ญมารคุกเข่าลง โขกศีรษะให้ผู้มีพระคุณสองคนซึ่งอยู่ในห้อง
เยี่ยนเสี่ยวซื่อมองไปยังสือโถวน้อยในอ้อมแขน พร้อมพูดกับมารดาภูติผีและผู้บำเพ็ญมารว่า “สือโถวน้อยนั้นไร้ความผิด ส่วนพวกท่านไม่ใช่”
“พวกข้าเข้าใจดี…” มารดาภูติผีหันไปยิ้มน้อยๆ ให้ผู้บำเพ็ญมาร “เมื่อครู่หวนหลางกับข้าปรึกษากันแล้ว ไม่ว่าสุดท้ายแล้วสือโถวน้อยจะเป็นอย่างไร พวกข้าก็จะไม่ออกไปดูดกินพลังหยางจากข้างนอกอีก หวนหลางเขา…เขาอยากเห็นสือโถวน้อยเป็นครั้งสุดท้าย ส่วนข้า…ข้าก็จะกลับไปยังยมโลกเพื่อรับโทษ”
เมื่อใดที่ผู้บำเพ็ญมารสูญสิ้นพลังหยาง วิญญาณของเขาก็จะแหลกสลายไป ทว่าจุดจบของมารดาภูติผีก็ไม่ได้ดีไปกว่าเขาเท่าไร
เยี่ยนเสี่ยวซื่อพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “ข้าได้ยินว่า…โทษทัณฑ์ของยมโลกนั้นหนักหนายิ่งนัก โดยทั่วไปภูติผีที่ทำผิดจะไร้ซึ่งโอกาสกลับตัว หากวิญญาณไม่แหลกสลายไป ก็จะถูกกักขังไว้ในนรก ไม่มีวันได้ไปผุดไปเกิดชั่วนิรันดร์”
มารดาภูติผียิ้ม น้ำตาไหลรินพลางพยักหน้า
นางรู้แต่แรกแล้วว่าผลที่ตามมาจะเป็นเช่นนี้ กระนั้นต่อให้มีโอกาสย้อนกลับไป นางก็จะทำเหมือนเดิม เพื่อคนรักและลูกของนาง ไม่อาจกลับไปยังสังสารวัฏแล้วอย่างไร?
“พวกท่าน…อยากกอดเขาไหม?” เยี่ยนเสี่ยวซื่อเอ่ยถามพลางมองไปยังสือโถวน้อยที่กำลังหลับสบาย
ผู้บำเพ็ญมารและมารดาภูติผีสบตากัน ความปรารถนาในดวงตาเป็นประจักษ์
แต่มารดาภูติผีก็ไม่อาจสัมผัสเขาได้
เยี่ยนเสี่ยวซื่อนัยน์ตาพลันเด็ดเดี่ยวขึ้นมา และพูดว่า “ท่านเข้าสิงร่างข้าเถิด”
“นั่น…นั่นจะเป็นการทำลายพลังหยางของคุณชาย คุณชายจะอ่อนแอ”
“อ่อนแอเพียงไม่กี่วันเท่านั้น ข้ากับ…” ประมุขศักดิ์สิทธิ์ตกลงกันแล้ว เยี่ยนเสี่ยวซื่อชะงักไปชั่วประเดี๋ยวหนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ท่านจะเข้าสิงข้าหรือไม่? ไม่เข้าข้าไปละ”
“เข้า! เข้าสิ!” มารดาภูติผีรีบถลาเข้ามาสิงร่างของเยี่ยนเสี่ยวซื่อ
มารดาภูติฝึกฝนจนพลังแกร่งกล้า ผู้บำเพ็ญเพียรฝ่ายธรรมะทั่วไปจะทนต่อพลังจากยมโลกของนางไม่ได้ พลังของนางสามารถคร่าชีวิตอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยมโลกจะสนอกสนใจผู้ที่ตายด้วยเหตุนี้เป็นอย่างมาก เมื่อเข้ามาตรวจสอบ ก็จะสาวไปถึงตัวนางได้ทันที เพราะฉะนั้นแล้วแม้ว่าจะอยากค้อมกายลงโอบกอดลูกนับครั้งไม่ถ้วน นางก็จำต้องฉุดรั้งตนเองไว้
อันที่จริง ด้วยระดับพลังของประมุขศักดิ์สิทธิ์ มารดาภูติผีไม่อาจเข้าสิงร่างของเขาได้ แต่ในเมื่อเยี่ยนเสี่ยวซื่อยินยอม นางจึงเข้าร่างได้อย่างราบรื่น
อ้อมอกของนางสามารถรับสัมผัสได้จริงๆ
นี่คือลูกของนางกับหวนหลาง คนที่นางรักและหวงแหนที่สุดในชีวิต
“ครั้งสุดท้ายที่ข้ากอดเขา…คือเมื่อเขาอายุครบหนึ่งเดือนเต็ม…หลังจากนั้นข้าก็กลับยมโลก…” มารดาภูติผีกอดลูกชายไว้ในอ้อมอก ร่างสั่นเทาด้วยความตื่นเต้น ผู้บำเพ็ญมารก็เดินเข้าไป นางกอดลูก ผู้บำเพ็ญมารก็สวมกอดนาง
แต่ไหนแต่ไรมานางไม่เคยคิดว่าจะมีวันที่ได้กอดลูกชายของตน จากทารกตัวเล็ก ตัวเล็กนิดเดียว เติบใหญ่มาถึงตอนนี้ นางกอดจนรู้สึกเจ็บปวด
กอดอย่างไรก็รู้สึกว่าไม่เพียงพอ
น้ำตาร้อนกรุ่นหยดลงบนข้างแก้มของสือโถวน้อย
สือโถวน้อยค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้น ดวงตากลมใสหากแต่ไร้แววมองไปยังเบื้องหน้า “ท่านแม่ เป็นท่านหรือ?”
“อื้ม…” มารดาภูติผีพยักหน้า น้ำตาเม็ดโตไหลริน นางโอบกอดลูกชายไว้แน่น ราวกับปรารถนาที่จะจดจำช่วงเวลานี้ไปตลอดกาล ชีวิตหลังจากนี้ ไม่ว่าจะกี่ภพกี่ชาติ นางก็จะถูกจองจำอยู่ในขุมนรกไปชั่วกัปชั่วกัลป์
สือโถวน้อยร่างกายอ่อนแอ ไม่นานก็ผล็อยหลับไป
มารดาภูติผีรู้เวลาของตนเองดี
นางออกจากร่างของเยี่ยนเสี่ยวซื่อ
เยี่ยนเสี่ยวซื่อพูดกับทั้งสองว่า “พวกท่านวางใจเถิด ข้าจะฝากเขาไว้กับครอบครัวที่เหมาะสม ให้เขาได้เติบโตอย่างปลอดภัย”
มารดาภูติผีและผู้บำเพ็ญมารคำนับให้เยี่ยนเสี่ยวซื่อสามครั้ง
พลังหยางของผู้บำเพ็ญมารหมดลงแล้ว ร่างของเขาค่อยๆ มอดมลายกลายเป็นเถ้าถ่านไปในอ้อมกอดของมารดาภูติผี พลังมารอันแข็งแกร่งแผ่ซ่านออกมา กลืนกินแดนมารทั้งหมด
“ข้าก็ควรไปแล้วเช่นกัน…” มารดาภูติผีบอกกับเยี่ยนเสี่ยวซื่อ “แต่ว่า ก่อนจะไป ข้ามีของบางอย่างจะให้…”
มารดาภูติผีหมายจะพูดว่าประมุขมาร แต่คำพูดมาหยุดได้เพียงที่ริมฝีปาก นางก็ส่ายหน้า คุณชายอาภรณ์สีขาวผู้นี้ยังไม่กระจ่างถึงตำแหน่งประมุขมาร นางจึงไม่อยากหลุดปากออกไป เรื่องบางเรื่องเป็นเรื่องของคนสองคน คนอื่นไม่ควรเข้าไปสอดมือ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]