ฟ้าเริ่มมืดลง ทุกคนต่างมุ่งหน้าไปทางตะวันออก นี่ไม่ใช่แผนการที่ผ่านการปรึกษาหารือกันมาเป็นอย่างดี แต่เป็นแผนที่คิดขึ้นหลังจากถูกล้อมโจมตี ทั้งทิศตะวันตก ทิศใต้และทิศเหนือล้วนแต่ถูกเหล่าองครักษ์สกัดไว้ทั้งหมดแล้ว มีเพียงทิศตะวันออกของเผ่าเท่านั้นที่มีผู้คนพลุกพล่าน องครักษ์สามารถเข้าไปได้ แต่ไม่อาจปิดล้อมได้
“ตรงไปตามถนนเส้นนี้จะไปถึงจวนสกุลเวิน!” โจวอวี่เยี่ยนรีบบอก
เห็นได้ชัดว่าตัวตนที่แท้จริงของพวกเขาถูกเปิดเผยแล้ว และบ้านเดิมของราชินีแม่มดย่อมเป็นสถานที่ที่อันตรายและมีกองกำลังอารักขามากที่สุด
อวี๋หวั่นเอ่ยขึ้นว่า “สถานที่ที่อันตรายที่สุดก็คือสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด พวกเขาเพิ่งค้นจวนสกุลเวินไป ย่อมคิดไม่ถึงว่าพวกเราจะวกกลับไปที่นั่น”
โจวอวี่เยี่ยนพยักหน้า “ก็จริง”
อวี๋หวั่นพูดต่อว่า “นอกจากนั้นแล้ว ตัวตนของต๋าหว่ายังไม่ถูกเปิดเผย เมื่อมีเขาคอยต่อรอง ย่อมลดความเสี่ยงไปได้อีกมาก”
แน่นอนว่าเหตุผลที่สำคัญที่สุดก็คือ องครักษ์ของราชินีแม่มดยังคงตามอย่างไม่เลิกรา ทางเดียวของพวกเขาคือไปยังสกุลเวิน ไม่รู้ว่าสถานการณ์ฝั่งเยี่ยนจิ่วเฉาเป็นอย่างไรบ้าง หวังว่าเขาจะเดาแผนการของพวกเขาออก และไปพบกันที่จวนสกุลเวิน
ทางด้านของเยี่ยนจิ่วเฉา หลังจากสังหารองครักษ์มือเหล็กในสองกระบวนท่า องครักษ์ที่เหลือก็กรูกันเข้ามารุมเขา ถ้าหากเป็นก่อนหน้านี้ เขาคงไม่จำเป็นต้องใช้กระบวนท่าด้วยซ้ำ ใช้เพียงพลังของวิชาอายุวัฒนะก็สามารถกดคนเหล่านี้ไว้จนหายใจไม่ออกได้แล้ว
พลังภายในของเยี่ยนจิ่วเฉาลดลงจากเดิมเกือบครึ่งหนึ่ง แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ เหล่าองครักษ์ของราชินีแม่มดก็ใช่ว่าจะรอดไปได้
องครักษ์กำลังจะต้านทานไว้ไม่ไหว เยี่ยนจิ่วเฉาสบโอกาสที่อีกฝ่ายกำลังจะเพลี่ยงพล้ำ ดึงชุยเฒ่ากลับมา
ในที่สุดชุยเฒ่าก็รอดตาย เขาตบอกด้วยความตื่นตระหนก “ข้ากลัวแทบตาย! ข้ากลัวแทบตาย…”
แส้ยาวสายหนึ่งฟาดเข้ามา หมายจะจับเขากลับไปอีกครั้ง
ชุยเฒ่าหลบไม่ทันเสียแล้ว เขากลัวจนขนลุกขนพอง ทันใดนั้นเอง ร่างหนึ่งก็ยื่นมือออกมาจับแส้ไว้อย่างง่ายดาย ไป แล้วใช้พลังภายในสะบัดแส้ เจ้าของแส้ก็กระเด็นออกไปกระแทกพื้น
เยี่ยนจิ่วเฉานับว่าจัดการองครักษ์เฝ้าวังหลวงเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย แต่ที่นี่คือเผ่าพ่อมด เผ่าพ่อมดไม่มีทางมีเพียงยอดฝีมือที่อ่อนปวกเปียกเช่นนี้
เป็นดังคาด ขณะที่เหล่าองครักษ์กำลังถูกจัดการจนล้มลงระเนระนาด ไม่ไกลออกไปก็มีกลิ่นอายที่แข็งแกร่งสายหนึ่งพุ่งมา
นัยน์ตาของเยี่ยนจิ่วเฉากระตุกวูบ
แม้แต่ผู้ที่ไร้วรยุทธ์อย่างชุยเฒ่าก็ยังสัมผัสได้ถึงจิตสังหารรุนแรง เขารีบหลบด้านหลังของเยี่ยนจิ่วเฉา แล้วถามด้วยความตกใจว่า “นนนั่น…นั่นอะไรน่ะ น่ากลัวเหลือเกิน!”
สายตาของเยี่ยนจิ่วเฉายังคงจ้องเขม็ง “หลัวช่าทหาร”
“อะ…อะไรนะ? หลัวช่าทหาร?!” ชุยเฒ่ามึนงงไปหมด
เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับหลัวช่าทหาร ในตอนที่เข้ามาในเผ่าพ่อมด ยอดฝีมือซึ่งประจำการหน้าประตูเมืองส่วนหนึ่งก็เป็นหลัวช่าทหาร พวกนี้น่ากลัวกว่าหลัวช่าโลหิตเสียอีก หากต้องเผชิญหน้ากับพวกเขา โอกาสชนะนั้นแทบไม่มี
“จะ…เจ้าจัดการพวกเขาได้ใช่ไหม?” ชุยเฒ่าถามเยี่ยนจิ่วเฉาด้วยความหวาดกลัว
เยี่ยนจิ่วเฉาล้มองครักษ์ที่เหลือในกระบวนท่าเดียว จากนั้นก็ให้ชุยเฒ่าไปซ่อนด้านหลังประตู เขาไม่เคยสู้กับหลัวช่าทหารมาก่อน เอาชนะได้หรือไม่นั้นไม่อาจบอกได้
เขามองไปยังท้องฟ้าซึ่งกำลังจะมืดลง ขอบฟ้าสีน้ำเงินแกมเทา ดวงจันทร์ลูกเขื่องกำลังขึ้น อีกสองวันก็จะถึงคืนพระจันทร์เต็มดวง พลังของเขาในตอนนี้ยังไม่นับว่าสลายไปทั้งหมด
หลัวช่าทหารยังมาไม่ถึง ทว่ากระบวนท่าของพวกเขาถูกปล่อยมาก่อน
เยี่ยนจิ่วเฉาพุ่งขึ้นกลางอากาศเพื่อหลบการโจมตี พลังภายในสะสมมากขึ้นพร้อมแผ่ออกมา วิชาอายุวัฒนะพุ่งเข้าใส่หลัวช่าทหารอย่างไม่ยั้งมือ
เมื่อกำลังจะประมือกัน เยี่ยนจิ่วเฉาก็พบว่าพวกเขาเหลือเพียงสามคน
ไม่ได้มีหลัวช่าทหารสี่คนหรอกหรือ? อีกคนหนึ่งหายไปไหนแล้วเล่า?
ในใจของเยี่ยนจิ่วเฉาสัมผัสได้ถึงลางร้าย
และแล้วลางร้ายที่เขาสัมผัสได้นั้นก็กลับกลายเป็นเรื่องจริง หลัวช่าทหารอีกคนหนึ่งกำลังตามอวี๋หวั่นกับคนอื่นๆ
ไปพร้อมกับองครักษ์อีกกลุ่มหนึ่ง พวกเขาลัดเลาะตามแม่น้ำไปดักทางของอวี๋หวั่น
จิตสังหารรุนแรงปกคลุมท้องฟ้า ผู้คนซึ่งสัญจรไปมาต่างหลบหนีหัวซุกหัวซุน ร้านรวงและแผงขายของต่างเก็บร้านและปิดประตู ถนนซึ่งเคยมีผู้คนพลุกพล่านก็เงียบสงัดและร้างผู้คนภายในเวลาชั่วพริบตาเดียว เหลือเพียงพวกอวี๋หวั่นและหลัวช่าทหาร
“หลัวช่าทหาร!” อิ่งสือซันขมวดคิ้ว
ถ้าหากเป็นเพียงองครักษ์ก็ว่าไปอย่าง พวกเขายังพอมีทางหนีทีไล่ แต่หลัวช่าทหารมีพลังแข็งแกร่ง พวกเขา…ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา!
หลัวช่าคนนี้สูงแปดฉื่อ รูปร่างกำยำ ใบหน้านิ่งและเย็นชา สวมเกราะหนา พลังรุนแรงแผ่ซ่านไปรอบกาย พลังเหล่านี้แตกต่างจากพลังของยอดฝีมือทั่วไป พวกเขาดูประหนึ่งมีอำนาจควบคุมกฎแห่งสวรรค์อย่างไรอย่างนั้น
“มาเจอหลัวช่าทหารได้อย่างไรกัน?” โจวอวี่เยี่ยนอยากร่ำไห้ กว่าพวกเขาจะหนีออกมาจากเรือนหลังนั้นได้แทบแย่ บัดนี้กำลังจะหนีเข้าไปยังจวนสกุลเวิน กลับถูกหลัวช่าทหารขวางไว้น่ะหรือ?
ไม่ได้มีเพียงหลัวช่าทหารที่ตามมา แต่เหล่าองครักษ์ก็ยกขบวนกันตามมาอีกด้วย
พวกเขาตกอยู่ในวงล้อมของอีกฝ่ายเสียแล้ว
อวี๋เซ่าชิงวางอวี๋หวั่นลง อิ่งสือซันและอิ่งลิ่วก็วางคนที่ตนพามาด้วยลง แล้วยืนขวางหน้าเพื่อปกป้องคนอื่นๆ ไว้
ด้านหลัง แล้วมองไปยังทหารซึ่งเข้ามาล้อมด้วยท่าทางระมัดระวัง
อวี๋เซ่าชิงเอ่ยขึ้นว่า “อวี๋หวั่น ประเดี๋ยวพวกข้าจะฝ่าวงล้อมออกไปเป็นทาง พวกเจ้าใช้จังหวะนั้นหนีไป”
อวี๋หวั่นส่ายหน้า “ไม่ได้หรอก พวกท่านไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลัวช่าทหาร”
โจวอวี่เยี่ยนตอบว่า “นายท่านอวี๋ ท่านวางใจเถิด ตราบใดที่ข้ายังมีลมหายใจ จะไม่ปล่อยให้ผู้ใดทำร้ายพวกเขา!”
เยี่ยยางหมดสติไป โจวอวี่เยี่ยนรับเขามาผูกไว้ด้านหลัง ด้วยพลังภายในของนาง การแบกเด็กอายุสิบสองไว้บนหลังนั้นไม่ใช่ปัญหา
ขณะที่พวกเขากำลังจะทำตามแผนนั้นเอง ก็มีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น หลัวช่าทหารปล่อยพลังออกมากดพวกเขาไว้ ทุกคนถูกกดไว้แน่น แม้แต่ผมเส้นหนึ่งก็ยังไม่อาจชี้ขึ้นมาได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]