หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3] นิยาย บท 505

เพื่อที่จะแสดงให้เห็นว่าตนเองนั้นอ่อนแอและเอาชนะได้ง่าย นางเจียงจึงปล่อยมือจากหลัวช่าทหาร

หลัวช่าทหารสับเท้าวิ่งหนีไปทันที!

แต่สิ่งที่เขาไม่คาดคิดแม้แต่น้อยก็คือ อยู่ๆ คนที่เดิมทีเคยอยู่ด้านหลังของเขาก็มาปราฏตัวด้านหน้าของเขา ความเร็วในการหนีของเขาราวกับกำลังจะไปเกิดใหม่ หากจะจับเขานั้นแทบเป็นไปไม่ได้

“ไอ้หยาาา” นางเจียงร้องออกมา

หลัวช่าทหารก็เห็นว่าสตรีคนนั้นถูกตนเองชนจนกระเด็น

เอ๊ะ…

เขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจริง แต่เขาไม่ได้ใช้พลังภายในสักหน่อย ชนไปเพียงนิดเดียว ไม่ถึงกับกระเด็นได้

หรอกกระมัง…

นางเจียงรีบพยักหน้าหงึก ใช่แล้วๆ ข้าอ่อนแอมากๆ!

แต่นางอ่อนแอถึงเพียงนี้ เหตุใดเขายังต้องหนีด้วยเล่า?

นางเจียงปราดเข้ามาด้านหน้าของเขาอีก ครั้งนี้นางจะต้องกระเด็นไปไกลกว่าเดิม!

หลัวช่าหนีไม่พ้น จึงชนเข้ากับนางอีก

“ไอ้หยาาาาาา” นางเจียงลอยออกไปไกลด้วยท่าทางงดงาม

หลัวช่าทหารซึ่งสงสัยว่าตนเองไม่ได้ใช้แรง ไม่มีทางชนนางจนกระเด็นออกไปได้ไกลถึงเพียงนั้น “…”

อย่าดูถูกสติปัญญาของหลัวช่าทหารได้ไหมเล่า?

แม้แต่เขาเองใช้วิชาตัวเบาลอยออกไปเร็วและไกลขนาดนี้ไม่ได้เลย! อย่างนางน่ะหรือเรียกว่าอ่อนแอ?!

อีกด้านหนึ่ง อวี๋หวั่นซึ่งรู้ว่าราชินีแม่มดจับแพะรับบาปมาก็ยังคงไม่เข้าใจ ตามหลักแล้ว เธอเข้าวังไปด้วยใบหน้า

จริง ภาพวาดที่ราชินีแม่มดให้คนนำมาก็เป็นภาพของเธอเอง เป็นเพราะความสามารถของศิลปินหรืออย่างไร ถึงวาดเธอออกมาไม่เหมือน? หรือว่าองครักษ์จะสายตาฝ้าฟาง จับมาผิดคน?

เยี่ยนจิ่วเฉาเอ่ยขึ้นว่า “อย่าเพิ่งคิดเรื่องนี้ พักก่อน ให้ต๋าหว่ากลับไปสืบความจริงในวังหลวง”

อวี๋หวั่นพยักหน้า “ราชินีแม่มดอาจปล่อยสัญญาณลวงเพื่อให้พวกเราตายใจ หรือไม่ก็ให้พวกเราเกิดความสงสัยและไปสืบความในวังหลวง จากนั้นก็ติดกับพวกเขา”

ทุกคนขึ้นไปบนรถม้าที่ต๋าหว่าจัดหามา

ตอนนี้ทุกที่ในเมืองหลวงล้วนแต่อันตราย พวกเขาไม่มีที่ไป สถานที่ซึ่งราชินีแม่มดกุมอำนาจไว้ก็คือสกุลเวิน แต่ในขณะเดียวกัน สกุลเวินก็เป็นสถานที่ซึ่งหลบหนีจากการตรวจค้นได้ดีที่สด

ต๋าหว่าพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “ข้าไปสืบมาแล้ว ฮูหยินรองชอบดูการแสดง ในสวนด้านตะวันตกของของสกุลเวินมีโรงละครอยู่หลังหนึ่ง สร้างขึ้นเพื่อนางโดยเฉพาะ บางครั้งนางก็จะซื้อคณะละครมาอยู่ในนั้น ตอนนี้ในโรงละครมีคณะละครเพียงคณะเดียว ข้าจะลอบพาคนพวกนั้นออกมา แล้วพวกเจ้าก็เข้าไปอยู่”

โจวอวี่เยี่ยนอยู่บนรถม้าคันนั้นด้วย เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด ก็เอ่ยถามด้วยความสงสัยว่า “ถ้าหากคนในคณะละครแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปจะทำอย่างไร”

“ข้าเป็นพ่อมด จะถึงกับจัดการเรื่องนี้ไม่ได้เชียวหรือ? วางใจเถิด คนธรรมดาข้าจัดการได้” ต๋าหว่าพูดพลางเหลือบมองเยี่ยนจิ่วเฉากับอวี๋หวั่น ลอบคิดในใจว่าสองคนนี้ท่าทางแปลกไปหรือเปล่า?

แผนการนี้ดำเนินไปอย่างราบรื่น ต๋าหว่าเบนความสนใจขององครักษ์เฝ้าประตูไป แล้วเรียกคณะละครออกมา พาพวกเขาขึ้นรถม้า จากนั้นก็ให้อวี๋หวั่น เยี่ยนจิ่วเฉา และคนอื่นๆ เข้าไปด้านใน

คณะละครไม่ใช่เจ้านาย จึงไม่มีบ่าวในสกุลเวินคอยรับใช้ แต่ด้วยเหตุผลนี้เอง จึงทำให้พวกอวี๋หวั่นสามารถปกปิดตัวตนได้แนบเนียนขึ้น

หลังจากที่เข้าไปในห้องโถงกลาง อวี๋หวั่นกับเยี่ยนจิ่วเฉาก็นั่งลง

อวี๋หวั่นมองไปยังเยี่ยนจิ่วเฉา “ทีนี้พวกเรายังต้องแลกเปลี่ยนคนกับราชินีแม่มดอยู่ไหม?”

เยี่ยยางอยู่ในเงื้อมมือพวกเขา ราชาพ่อมดอยู่ในเงื้อมมือของราชินีแม่มด หากทั้งสองฝ่ายตกลงแลกเปลี่ยนกัน ก็นับว่ายุติธรรมทีเดียว

เยี่ยนจิ่วเฉาเปิดห่อผ้าออก แล้วหยิบกล่องขนมออกมาส่งให้อวี๋หวั่น “ไม่ต้องรีบร้อน เมื่อรู้ตัวแพะรับบาปแล้วค่อยว่ากัน”

ต๋าหว่ารีบพูดว่า “เช่นนั้นข้าจะเข้าวัง”

แสดงมามากแล้ว ต๋าหว่าคิดว่าตนเองเข้าถึงบทมากขึ้นเรื่อยๆ กล้าหาญมากขึ้นเสียด้วย!

เพียงแต่สิ่งที่ต๋าหว่าไม่คาดคิดก็คือ ทันทีที่ออกจากจวน ก็พบกับเรื่องเหนือความคาดหมาย

เขาออกมาทางด้านหลังของสวน ตรงไปยังคอกม้า ก่อนหน้านี้ขี่ม้ามาตลอดทั้งวัน จึงรู้สึกเหนื่อยล้า เขาคิดจะเลือกม้าดีๆ มีพละกำลังสักตัว ไหนเลยจะรู้ว่าขณะที่เดินผ่านสระบัว ก็ได้ยินฮูหยินหลานและฮูหยินเหมยกำลังทะเลาะกัน

อนุภรรยาสองคนทะเลาะกันยังไม่เท่าไร ต๋าหว่ามิได้นำมาใส่ใจ ไหนเลยจะรู้ว่าทันใดนั้นเอง ฮูหยินรองก็เข้ามา

วันนี้นางออกไปข้างนอกเพื่อซื้อกุญแจอายุยืนให้หลานชาย ระหว่างทางจึงซื้อภาพเขียนอักษรโบราณมาให้ท่านปู่และพ่อสามี

“โอ้! ฮูหยินรองไม่ใช่หรือ? ฮูหยินรอง” ฮูหยินหลานหยุดฮูหยินรองไว้ระหว่างทาง และคำนับด้วยท่าทีประหลาด

ตั้งแต่ที่รู้ว่าฮูหยินรองนอนในห้องของเวินซวี่หนึ่งคืน ฮูหยินหลานก็ยิ่งไม่พอใจ พาลไม่ชอบหน้าฮูหยินรองยิ่งกว่าเดิม

“ฮูหยินรอง” ฮูหยินเหมยคำนับ ท่าทีของนางแลดูมีกาลเทศะกว่าฮูหยินหลานมาก

ฮูหยินรองพยักหน้าน้อยๆ “พวกเจ้าก็อยู่ที่นี่หรือ แดดแรงเหลือเกิน อย่าอยู่ที่นี่นาน ประเดี๋ยวจะไม่สบาย”

เดิมทีนางพูดคำประโยคนี้ด้วยความเป็นห่วง แต่กลับถูกฮูหยินหลานแปลเป็นอีกความหมายหนึ่ง ฮูหยินหลานหัวเราะ แล้วพูดว่า “ฮูหยินรองรีบไล่ให้พวกข้ากลับเรือนเช่นนี้ เป็นเพราะกังวลว่าพวกข้าจะแย่งนายท่านรองไปใช่ไหมเจ้าคะ?”

“เจ้าพูดเช่นนี้ได้อย่างไร!” สาวใช้ของฮูหยินรองเอ่ยปาก

ฮูหยินหลานยกมือขึ้นหมายจะฟาดลงไป “ข้าพูดอยู่ ขี้ข้าอย่างเจ้าอย่ามาสอด!”

เพียะ!

ฮูหยินรองตบหน้านาง!

ในตอนนั้น ไม่ใช่ฮูหยินหลานเพียงคนเดียวที่ตกใจ แม้แต่ฮูหยินเหมยก็พูดไม่ออก

ฮูหยินรองกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบว่า “คนของข้า ก็ไม่จำเป็นต้องให้คนอย่างเจ้ามาสั่งสอนเหมือนกัน!”

ฮูหยินหลานโมโหจนหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลง เดิมทีนางคิดว่าฮูหยินรองอ่อนต่อโลก รังแกง่าย ไม่คิดเลยว่านางจะเข้มแข็งเช่นนี้ หากถามว่าเหตุใดจึงไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน นั่นก็เป็นเพราะแต่ไหนแต่ไรมาฮูหยินรองมิได้เป็นที่เอ็นดูของนายท่านรอง ฮูหยินหลานจึงคร้านจะใส่ใจนาง แต่บัดนี้เวินซวี่เห็นแก่หน้าฮูหยินรองกว่าเดิมมาก ฮูหยินหลานรับไม่ได้ และรู้สึกริษยาขึ้นมา ทำให้นางตั้งตัวเป็นปรปักษ์กับฮูหยินรอง

“ไปกันเถิด!” ฮูหยินรองบอกกับสาวใช้

“…เจ้าค่ะ!” สาวใช้กอดของขวัญไว้แน่น แล้วสาวเท้าตามฮูหยินรองไป

ฮูหยินหลานหายใจหอบด้วยความโกรธ คนบางคนเมื่อเห็นนางในจุดตกต่ำ ก็ไม่ยินดีที่เห็นยามที่นางลุกขึ้นสู้ “เข้าไปนอนในห้องของนายท่านรองเพียงคืนเดียวไม่ใช่รึ? จะเป็นที่โปรดปรานแค่ไหนกันเชียว?”

ฮูหยินเหมยลอบส่ายหน้า ฮูหยินรองไม่ได้กลายเป็นคนเย่อหยิ่งเพียงเพราะเวินซวี่ไว้หน้านาง นางทระนงเฉกเช่นภรรยาหลวงเช่นนี้มาตลอด เพียงแต่หากไม่ระรานนาง นางย่อมไม่ระรานผู้ใด นางไม่ได้รักเวินซวี่ เพราะฉะนั้นจึงไม่คิดจะทะเลาะเบาะแว้งกับอนุภรรยาของเวินซวี่ แต่เมื่อใดที่หาเรื่องนางก่อน นางก็จะไม่ยอมปล่อยไป

ฮูหยินรองอยู่ในสกุลเวินมานานถึงเพียงนี้ เป็นเพราะได้รับความโปรดปรานจากเวินซวี่หรืออย่างไร?

นั่นเป็นเพียงความคิดของคนเบาปัญญา โดยไม่ได้คำนึงถึงชาติกำเนิดของภรรยา นางเป็นถึงไข่มุกในมือ[1]ของผู้อาวุโสสาม!

อย่างไรเสียฮูหยินหลานก็อายุน้อย ไม่ทันได้นึกถึงเรื่องนี้ คิดเพียงแต่ว่าฮูหยินรองริษยานางมานาน ทว่าแต่ไหนแต่ไรมาไม่กล้าเผชิญหน้ากับนาง นายท่านรองเอ็นดูเข้าสักหน่อย ก็เคลิบเคลิ้มจนคิดจะมาสู้กับนาง

น่าขัน คิดว่านางรังแกง่ายหรือ?

ขณะที่ฮูหยินรองเดินสวนกับฮูหยินหลานนั้นเอง ฮูหยินหลานก็ยื่นเท้าออกมา แล้วเหยียบเข้าที่ชายกระโปรงของฮูหยินรอง

ฮูหยินรองสะดุด และโซเซตกลงไปในสระบัว

ฮูหยินเหมยยื่นมือออกไปจับนางไว้ ทว่าแรงของนางไม่มากพอ จึงถูกลากลงไปด้วย ในวินาทีแห่งความเป็นความตายนั้นเอง มืออีกข้างหนึ่งของนางก็คว้าฮูหยินหลาน

ฮูหยินหลานไม่ทันได้ตั้งตัว ก็ถูกดึงลงไปในน้ำเสียแล้ว

ครานี้ สตรีทั้งสามคนล้วนแต่ตกลงไปในน้ำ

“ใครก็ได้ ช่วยด้วย ฮูหยินรองตกลงไปในน้ำ!” สาวใช้ของฮูหยินรองตะโกนขอความช่วยเหลืออย่างตื่นตระหนก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]