“ซ…ซ่อนไว้ในเรือนของเจ้า…เรื่องนั้น…ข้า…ข้า…”
ต๋าหว่าพูดตะกุกตะกัก เขารู้สึกว่าอยู่ๆ ตนเองพูดไม่ออก
เมื่อครู่เกือบถูกจับได้เสียแล้ว ฮูหยินรองช่วยออกหน้าแทนเขา เขายังไม่ทันได้ถามว่าทำไมนางถึงช่วยเขา และยังไม่ได้ขอบคุณนาง นางก็ยื่นข้อเสนอนี้ให้เขาแล้ว
…ไม่ ไม่ใช่ข้อเสนอ นางกำลังพยายามช่วยเขาต่างหาก
ต๋าหว่างงไปหมดแล้ว
ฮูหยินรองเม้มปาก แล้วบอกว่า “นายท่านรองไม่ได้ซ่อนคนไว้หรอกหรือ?”
“อา…” ต๋าหว่าไม่ปฏิเสธ แต่ก็ไม่ยอมรับ
ต๋าหว่าไม่ใช่คนโง่ เขารู้อยู่เต็มอกว่าโรงละครไม่ปลอดภัยอีกต่อไป แม้ว่าผู้อาวุโสสูงสุดและราชินีแม่มดยังไม่สงสัยเรื่องที่เป็นเวินซวี่ตัวปลอม พวกเขาคงคิดเพียงว่า ‘เขา’ หลงนางจิ้งจอกนั่นเสียจนหัวปักหัวปำ เพื่อนางจิ้งจอกนั่น ไม่ว่าเรื่องอะไรเขาก็ยอมทำ
ผู้อาวุโสสูงสุดทำเหมือนว่าเชื่อคำพูดของตนและฮูหยินรอง ทว่าความจริงแล้วเพียงไม่ต้องการทำให้หลานชายขายหน้าต่อธารกำนัล หลังจากกลับไป ผู้อาวุโสสูงสุดย่อมต้องไปตรวจสอบที่โรงละครเป็นแน่
“ถ้านายท่านรองไม่เชื่อใจข้าก็ไม่เป็นไร” ฮูหยินรองก้มศีรษะเล็กน้อย แล้วหันหลังเดินเข้าห้องไป
“ข้าไม่ได้ไม่เชื่อเจ้า!” ต๋าหว่าเอ่ยปาก
แต่หลังจากที่พูดออกไป เขาก็มานึกเสียใจภายหลัง เหตุใดเมื่อนางมีท่าทีเฉยเมยและเหินห่าง เขาก็พลันรู้สึกวิตกขึ้นมาทันที เขาจะพาคนมาซ่อนในเรือนของฮูหยินรองได้จริงใช่ไหม?
เมื่อคิดเช่นนี้ ก็ดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีทางเลือกอื่น
ผู้อาวุโสสูงสุดคอยจับตาดูโรงละครไว้ ทั้งยังปิดทางเข้าหลักของสกุลเวิน แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะโยกย้ายคนออกไปโดยที่ไม่มีใครรู้ ตัวเลือกเดียวที่มีในตอนนี้เห็นจะเป็นเรือนของฮูหยินรอง
แต่ไหนแต่ไรมาฮูหยินรองไม่ลงรอยกับเขา ผู้อาวุโสสูงสุดคงเดาไม่ได้ว่านางช่วยเขาซ่อน ‘นางจิ้งจอก’ คนนั้นไว้ นอกจากนั้นฐานะของฮูหยินรองนั้นสูงส่ง ผู้อาวุโสสูงสุดคงไม่ถึงกับหักหน้านางเพียงเพื่อค้นเรือนของนาง
“เช่นนั้นข้าจะไปบอกพวกเขา” ต๋าหว่าหันหลังไป
“นายท่านรอง…ไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนหรือ?” ฮูหยินรองถาม
“อ่า จริง” ต๋าหว่าเพิ่งนึกได้ จึงรีบเดินเข้าไปในห้องของฮูหยินรอง
ฮูหยินรองกะพริบตาปริบๆ แล้วพูดเสียงค่อยว่า “นะ…ในห้องข้า…ไม่มีเสื้อผ้าของท่าน…”
ฮูหยินรองให้หงอวี้ไปยังเรือนของเวินซวี่ เพื่อหยิบเสื้อผ้าสะอาดมาให้เขาเปลี่ยน
ต๋าหว่าไปยังโรงละคร แล้วเล่าเรื่องที่พบกับผู้อาวุโสสูงสุดให้พวกเขา “…เจ้าแก่นั่นน่ากลัวเหลือเกิน ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขารู้ได้อย่างไรว่าข้าไปโรงละครมา!”
“ตะไคร่” เยี่ยนจิ่วเฉาชี้ไปยังรองเท้าของเขา
ต๋าหว่าก้มหน้าลงมอง “ไม่ใช่กระมัง เท้าข้าไม่มี…”
พูดไม่ทันขาดคำ เขาก็จำได้ว่าตนเองเพิ่งเปลี่ยนรองเท้าไป เช่นนั้นก็หมายความว่ารองเท้าคู่ก่อนหน้าของเขามีตะไคร่ติดอยู่ ผู้อาวุโสจึงมองออก?
ฉลาดเกินไปแล้วกระมัง!
“ฮูหยินรองท่านนั้น…เชื่อได้ไหม? ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเวินซวี่ไม่ดีไม่ใช่หรือ? คงไม่ได้จะหลอกพวกเราหรอกใช่ไหม?” โจวอวี่เยี่ยนเอ่ยถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ
ต๋าหว่ารีบส่ายหน้า “ไม่หรอก ดูแล้วนางไม่ใช่คนแบบนั้น ถ้าหากนางจะหักหลังข้า นางคงทำต่อหน้าผุ้อาวุโสสูงสุดไปตั้งแต่แรกแล้ว ไม่จำเป็นต้องเปลืองแรงช่วยข้าปิดบังเรื่องนี้หรอก”
ตั้งแต่ฮูหยินรองและเวินซวี่แต่งงานกัน เวินซวี่ไม่เคยปฏิบัติดีต่อภรรยาเอกคนนี้แม้แต่ครั้งเดียว หลังจากที่ลูกในท้องของฮูหยินรองถูกอนุภรรยาคนหนึ่งทำร้ายจนตาย ความสัมพันธ์ของทั้งสองก็ก้าวเข้าสู่จุดเยือกแข็ง
หลายปีมานี้ ฮูหยินรองใช้ชีวิตในสกุลเวินราวกับแม่หม้าย อาจเป็นเพราะต้องการชดเชยให้แก่นาง ผู้อาวุโสสูงสุดจึงยกเรือนที่ใหญ่และเงียบสงบที่สุดให้นาง
ยามว่าง ฮูหยินรองก็จะออกไปดูแลดอกไม้ ป้อนอาหารนก เลี้ยงอาหารปลา นับว่าชีวิตสงบสุข นางไม่คุ้นชินกับสาวใช้ของสกุลเวิน สาวใช้ในเรือนของนางจึงล้วนแต่มาจากตระกูลเดิม ชีวิตของนางน่าสงสารมากอยู่แล้ว คนสกุลเวินจึงไม่คิดจะบีบบังคับนาง
“เรือนนี้ใหญ่นัก ข้าสร้างสวนดอกไม้เอาไว้ และแบ่งเรือนออกเป็นสองส่วน ข้าพักอยู่ในเรือนทิศเหนือ ส่วนทิศใต้ไม่มีคนอยู่” ฮูหยินรองพูดพลางพาอวี๋หวั่นและคนอื่นๆ เดินผ่านสวนดอกไม้ เข้าไปยังเรือนทิศใต้
อันที่จริง อวี๋หวั่นและคนอื่นๆ แลดูสะดุดตาอยู่บ้าง ทั้งเยี่ยนจิ่วเฉารูปงามดูสูงศักดิ์ อวี๋เซ่าชิงคมเข้ม รวมไปถึงอิ่งลิ่วและอิ่งสือซันซึ่งสูงสง่าหล่อเหลา นอกจากพวกเขาแล้วก็ยังมีเด็กสองคนซึ่งสวมผ้าคลุมเอาไว้ และสตรีมีครรภ์อีกคนหนึ่ง
กระนั้นแล้ว ตั้งแต่พบหน้าจนถึงเรือน ฮูหยินรองไม่ได้ถามพวกเขาแม้แต่ประโยคเดียว และไม่ได้จ้องมองพวกเขาอย่างมีพิรุธแต่อย่างใด นางรักษาระยะห่างจากพวกเขาและปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างมีมารยาท
นี่คือตัวอย่างของสตรีที่ได้รับการอบรมเลี้ยงดูมาเป็นอย่างดี ไม่รู้ว่าเวินซวี่ต้องโง่เขลาเบาปัญญาถึงเพียงใด ถึงไม่สนใจใยดีเพชรน้ำงามอย่างนาง แต่กลับไปเอาอกเอาใจอนุภรรยาที่แม้ว่าจะงดงามทว่าในใจคิดแต่จะชิงดีชิงเด่นกันอย่างเดียว
อาจเป็นเพราะเรื่องในวังหลวงยังมิได้เข้าหูฮูหยินรอง แต่ความสัมพันธ์ของอวี๋หวั่นกับ ‘เวินซวี่’ ฮูหยินรองไม่มีทางไม่รู้ เพราะฉะนั้นสรุปแล้วฮูหยินไม่สนใจจริงๆ หรือไม่เชื่อเรื่องนี้แต่แรกแล้วกันแน่?
อวี๋หวั่นมองฮูหยินรองด้วยรอยยิ้ม ขอบคุณนาง แล้วเดินเข้าห้องไปโดยมีผิงเอ๋อร์คอยประคอง
“เอ่อ…” ทุกคนต่างแยกย้ายกันเข้าพักในห้อง ต๋าหว่าเดินเข้ามากระซิบกับฮูหยินรองว่า “ข้ากับนางไม่ได้เป็นอะไรกัน เด็กในท้องของนางไม่ใช่ลูกของข้า”
ฮูหยินรองยิ้มน้อยๆ “ข้ารู้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]