หน้าประตูวังมีองครักษ์เฝ้ายามอยู่เป็นกรณีพิเศษ ทันทีที่องครักษ์เปิดม่าน โจวจิ่นก็ร่ายเวทใส่เขา องครักษ์มองเห็น ‘องค์ชายเยี่ยยาง’ ก็รู้ว่ายอดฝีมือที่ราชินีแม่มดส่งไปได้กลับมาแล้ว รีบร้อนพาคนไปยังตำหนักราชินีแม่มด ทว่าขณะที่จิตใจล่องลอย ก็คล้ายว่าได้ยิน ‘องค์ชายเยี่ยยาง’ รับสั่ง “ข้าเหนื่อยแล้วขอกลับไปพักผ่อนที่ตำหนักข้าก่อน”
“พ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์ตอบรับอย่างเหม่อลอย
องครักษ์ควบรถม้า พาโจวจิ่นไปส่งยังตำหนักองค์ชายเยี่ยยางก่อน จากนั้นจึงพาบุรุษที่หลับใหลไปที่ตำหนักราชินีแม่มด
ชายผู้นั้นผล็อยหลับไปอย่างที่คาดไว้ ราชินีแม่มดไม่ได้แสดงท่าทีประหลาดใจมากนัก นางถามองครักษ์ว่า “องค์ชายเยี่ยยางเล่า?”
องครักษ์กล่าว “องค์ชายทรงเหน็ดเหนื่อย กลับตำหนักไปพักผ่อนแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ราชินีแม่มดพยักหน้าโดยไม่สงสัย นางเหลือบมองบุรุษที่หลับใหลแล้วสั่งการ “ส่งคนไปที่วิหารกวังหมิง”
“พ่ะย่ะค่ะ!” องครักษ์รับคำสั่ง
บุตรชายกลับมาแล้ว ราชินีแม่มดที่เย็นชามาหลายวัน ในที่สุดใบหน้าของนางก็มีรอยยิ้มเสียที นางรอไม่ไหวที่จะไปที่ตำหนักของเยี่ยยาง อย่างที่องครักษ์กล่าวว่า ‘เยี่ยยาง’ เหนื่อยล้า กลับตำหนักไปพักผ่อนแล้ว
บรรดาข้าหลวงล้วนเฝ้าอยู่นอกประตู
เมื่อเห็นราชินีแม่มด ทุกคนก็ทำความเคารพ และกล่าวอย่างแผ่วเบา “ถวายพระพรราชินีแม่มด”
เพราะกลัวว่าจะปลุกองค์ชายเยี่ยยาง
ราชินีแม่มดส่งเสียงอืมเห็นดีด้วยและถามว่า “เยี่ยยางเล่า? หลับไปแล้วหรือ?”
ข้าหลวงคนหนึ่งกล่าวว่า “เพคะ ราชินีแม่มด ฝ่าบาททรงบรรทมแล้ว พระองค์ตรัสว่าอย่ารบกวน ให้พวกเราเฝ้าอยู่ข้างนอก”
ในอดีต เยี่ยยางชอบความครื้นเครงมีชีวิตชีวา ข้างกายไม่ขาดคน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการขับไล่ข้ารับใช้ออกมาทั้งหมด แม้ว่าพฤติกรรมของเขาจะดูแปลกประหลาดอยู่เล็กน้อย แต่เมื่อคิดว่าเขาถูกคนลักพาตัวไป ต้องหวาดกลัวมากเป็นแน่ จะปลีกตัวไปก็คงไม่แปลก
ราชินีแม่มดเข้าไปในตำหนักด้วยความปวดใจ
โจวจิ่นนั่งเงียบๆ ที่หัวเตียง
ดวงตาของราชินีแม่มดตกกระทบใบหน้าของเขา “เจ้าคือ…”
นัยต์ตาของโจวจิ่นหดกระชับ
ราชินีแม่มดตื่นตระหนกไปครู่หนึ่ง ไม่นานก็ผลิยิ้มอบอุ่น “เยี่ยยาง! เจ้ากลับมาแล้ว!”
นางรีบเดินไปหาโจวจิ่น นั่งลงบนขอบเตียงและกอดโจวจิ่นไว้ในอ้อมแขน “ทำให้แม่เป็นห่วงแทบตาย พวกเขาทำอะไรกับเจ้าหรือไม่?”
“เปล่าพ่ะย่ะค่ะ”
ราชินีแม่มดได้ยินเยี่ยยางกล่าว
“เช่นนั้นก็ดี” ราชินีแม่มดปล่อยเขาและมองดูเขาเนือยนิ่ง “หลายวันนี้เจ้าถูกจับไปที่ใด? เกี่ยวอะไรกับท่านน้าของเจ้าหรือไม่?”
เอ่ยจบ ราชินีแม่มดก็ได้ยินเยี่ยยางกล่าวว่า “ข้าไม่รู้ว่ามันคือที่ใด ข้าหลับไป ตื่นขึ้นมาก็อยู่ในเรือนเล็กๆ ข้าไม่เห็นท่านน้า”
ต้องเป็นเพราะพวกเขาปิดบังเยี่ยยาง ไม่ให้เยี่ยยางรู้ว่าสถานที่ซ่อนตัวของพวกเขาอยู่ที่ใด ส่วนเวินซวี่…เวินซวี่เป็นน้องชายแท้ๆ หากไม่ใช่ทางเลือกสุดท้าย ราชินีแม่มดก็ไม่เต็มใจที่จะสงสัยว่าเขามีส่วนร่วมในการลักพาตัวเยี่ยยางไป
ราชินีแม่มดลูบแก้มของ ‘เยี่ยยาง’ และกล่าวว่า “ไม่เป็นไร แม่จะตรวจสอบให้ชัด สั่งให้คนพวกนั้นชดใช้ให้สาสม!”
“ข้าเหนื่อยแล้ว อยากนอน”
“ได้สิๆ เจ้านอนพักก่อน แม่จะไปจัดการราชกิจ แล้วแม่จะมาหาเจ้าใหม่”
หลังจากราชินีแม่มดห่มผ้าให้โจวจิ่นแล้ว ก็ยอมจากไปอย่างไม่เต็มใจ
การร่ายเวทมนตร์ใช้พลังมาก ทันทีที่นางออกไป โจวจิ่นก็เก็บพลังเวท ปล่อยม่านลงมา ฟื้นฟูพลัง รักษากำลัง
“ราชินีแม่มด” หงหลวนคารวะและกล่าวด้วยสีหน้าซับซ้อน “แย่แล้วเพคะ ท้องพระโรงเวท…เกิดเรื่องแล้วเพคะ!”
ท้องพระโรงของเผ่าพ่อมด ก็เรียกอีกอย่างว่าท้องพระโรงเวท เป็นสถานที่ที่เผ่าพ่อมดจะปรึกษาหารือเรื่องการเมือง เพราะการหายตัวไปของเยี่ยยาง ราชินีแม่มดไม่ได้ไปท้องพระโรงเวทติดต่อกันหลายวัน แต่นางก็เข้าใจ วันนี้ที่ท้องพระโรงเวทเกิดความวุ่นวาย ไม่ใช่เพราะนางละเลยเรื่องการเมือง ทว่าเป็นนางได้ทำสิ่งที่ไม่ควรลงไป
ความอ่อนโยนของราชินีแม่มดยามอยู่ต่อหน้าองค์ชายเยี่ยยางจางหายไปไม่หลงเหลือ แทนที่ด้วยความเฉยเมยอันดำมืด
นางดูราวกับหงส์ดำที่หยิ่งทระนงตนหนึ่ง ด้านหลังชายกระโปรงยาวสีดำทองลากพื้น แผ่กลิ่นอายมาถึงท้องพระโรงเวท
ท้องพระโรงเวทได้เกิดความโกลาหล ผู้อาวุโสทั้งหมดมาถึงแล้ว และกำลังถกเถียงกันถึงสิ่งที่ราชินีแม่มดทำเมื่อวานนี้
“ราชินีแม่มดทรงทำเช่นนี้ได้อย่างไร? นางไม่รู้หรือว่าการกระทำเช่นนี้มีอันตรายใหญ่หลวง?”
“ราชินีแม่มดก็ทำไปเพื่อช่วยองค์ชายเยี่ยยาง”
“การช่วยเหลือองค์ชายเยี่ยยางย่อมมีวิธีอื่นแน่ เหตุใดต้องปล่อยปีศาจตนนั้นออกมา? นี่มิใช่เป็นการขอหนังเสือจากเสือ[1]หรอกหรือ?”
“ผู้อาวุโสสี่ ไม่จำเป็นต้องพูดจาไม่น่าฟังเช่นนี้!”
“เช่นนั้นนางก็มีความสามารถไม่กระทำเรื่องเลวร้ายเช่นนี้!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]