“ท่านปู่เป้า!”
อวี๋หวั่นไม่เคยคาดคิดว่าจะได้พบกับพ่อครัวเทพเป้าในสถานที่ห่างไกลเช่นนี้ เธอคิดว่าจะไม่ได้พบเขาอีกในชีวิตนี้แล้ว
อวี๋หวั่นตื่นตกใจเป็นอย่างมาก หลังจากที่ได้เห็นปฏิกิริยาและเสียงเรียกพ่อครัวเทพเป้าของเธอ ปฏิกิริยาของคนอื่นก็ไม่ได้ดีไปกว่าเธอมากนัก
พวกเขากำลังหนีเอาชีวิตรอด ทันใดนั้นชายชราคนหนึ่งที่เป็นคนรู้จักเก่าแก่ของอวี๋หวั่นก็ปรากฏตัวออกมา?
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?” โจวอวี่เยี่ยนกระซิบถามอิ่งลิ่ว
อิ่งลิ่วส่ายหัว “ไม่รู้สิ ข้าแค่รู้สึกว่าชายชราผู้นี้ดูคุ้นๆ สือซัน?”
ดวงตาอิ่งสือซันจับจ้องใบหน้าของพ่อครัวเทพเป้า เขาเองก็รู้สึกคุ้นๆ อยู่บ้าง แต่ผ่านไปครู่หนึ่งก็ยังนึกไม่ออกว่าเขาเป็นใคร เขาคิดว่า พวกเขาคงไม่เคยติดต่อกับเขากันจริงๆ จังๆ แต่เหตุใดถึงรู้สึกคุ้นตาเช่นนี้?
แม้แต่อิ่งลิ่วกับอิ่งสือซันยังไม่รู้ โจวอวี่เยี่ยนกับมู่ชิงก็ยิ่งไม่รู้ แม้อาม่ากับชุยเฒ่าจะเคยพักอยู่ในหมู่บ้านเหลียนฮวา แต่ยามที่พ่อครัวเทพเป้าปรากฏตัวที่หมู่บ้านเหลียนฮวา ชุยเฒ่าก็ไปอยู่ที่หมู่บ้านใกล้เคียง อาม่าก็กำลังเดินทางไปต้าโจว จึงไม่เคยพบหน้ากัน
ส่วนเยี่ยนจิ่วเฉา เขายิ่งไม่เคยพบพ่อครัวเทพเป้า ยามนั้นเขาเพิ่งอยู่กับเด็กจ้ำม่ำสามคนได้ไม่นาน ยังไม่รู้ว่าอวี๋หวั่นเป็นมารดาของพวกเขา จึงไม่สนใจความเคลื่อนไหวในหมู่บ้านเหลียนฮวาเป็นพิเศษ
คนกลุ่มใหญ่จ้องมองพ่อครัวเทพเป้าด้วยดวงตาเบิกกว้าง
คนอื่นๆ พ่อครัวเทพเป้าไม่สนใจมากนัก แต่เห็นเยี่ยนจิ่วเฉาซึ่งสองมือสอดประสานกับอวี๋หวั่น
เขาขมวดคิ้ว
ทันใดนั้นก็พบว่าอวี๋หวั่นกำลังตั้งครรภ์
ยามเขาออกจากหมู่บ้านเหลียนฮวา เธอยังเป็นเด็กหญิงตัวเล็กๆ เหตุใดไม่ถึงปีก็แต่งงานเป็นภรรยา แล้วก็กำลังจะเป็นแม่คนเสียแล้ว?
ทันทีที่ความคิดนี้แล่นเข้ามาในหัว ไข่ดำน้อยทั้งสามก็ลงจากแขนอิ่งสือซัน วิ่งเตาะแตะไปข้างอวี๋หวั่นและจับชายเสื้อของเธอ มองพ่อครัวเทพเป้าอย่างน่ารักน่าชัง
“ท่านแม่ ท่านปู่คนนี้เป็นใคร?” เอ้อร์เป่าถามด้วยความสงสัย
ทะ…ท่านแม่?
พ่อครัวเทพเป้าสูดหายใจเฮือก เช่นนั้นนางมิใช่กำลังจะเป็นแม่คน ทว่าเป็นแม่คนไปแล้ว?
พ่อครัวเทพเป้ามองไข่ดำทั้งสาม จากนั้นก็มองเยี่ยนจิ่วเฉาที่ราวกับเป็นแม่พิมพ์แกะสลักไข่น้อยทั้งสาม ความคิดน่ากลัวก็แล่นเข้ามาในหัว หนูหวั่นของเขา…เป็นแม่เลี้ยงให้คนอื่นไปแล้วหรือ?!
“องครักษ์ไล่ล่ามาแล้ว!” อิ่งสือซันเตือน
คิ้วหงอกของพ่อครัวเทพเป้าขมวดปม พาคนทั้งกลุ่มเข้าไปที่เรือนของตน
กลิ่นหอมของสุราพุ่งปะทะหน้า อวี๋หวั่นมองไปรอบๆ ด้วยความประหลาดใจ “ท่านปู่เป้า ท่านกำลังทำสุราอยู่หรือ?”
“ข้าเปิดโรงเตี๊ยมเล็กๆ เวลาว่างก็มาทำสุราขายส่งให้ร้านอาหารสองสามร้าน ไม่ได้ส่งปลีก” พ่อครัวเทพเป้ากล่าวด้วยรอยยิ้ม
เสียงฝีเท้าและเสียงร้องตะโกนค้นบ้านเรือนจากองครักษ์ไล่เรียงมาทีละหลัง พ่อครัวเทพเป้าเปิดม่านห้องโถงและกล่าวกับพวกเขาว่า “พวกเจ้าเข้าไปก่อน ที่สวนหลังบ้านมีห้องพักข้าง ไปเลือกดูว่าผู้ใดจะอยู่ห้องใด”
ขณะกล่าวก็เหลือบมองฮูหยินรองในอ้อมแขนของต๋าหว่า และราชาพ่อมดที่มู่ชิงอุ้มไว้ เห็นได้ชัดว่าทั้งสองมีสภาพย่ำแย่ บุรุษป่วยหนัก สตรี…ก็ดูคล้ายกับสิ้นลมไปแล้ว
พ่อครัวเทพเป้าไม่พูดพร่ำ บอกให้พวกเขารีบเข้าไป ส่วนตนปัดแขนเสื้อก้าวไปเปิดประตูลานบ้าน
องครักษ์กำลังจะเคาะประตู ก็เห็นว่าประตูเรือนเปิดออกเอง เขาลดมือลงแล้วถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ถามหน่อย เมื่อครู่เจ้าเห็นชายหญิงสองสามคนเดินผ่านมาทางนี้หรือไม่? สตรีหนึ่งในนั้น!”
พ่อครัวเทพเป้าส่ายหัว “ข้าไม่เห็นผู้ใดถูกธนูยิง แต่เห็นคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บ”
“สวมเสื้อผ้าอย่างไร?”
“สีดอกท้อ ท่าทางดูหรูหรา เพียงแต่มีเลือดออก” พ่อครัวเทพเป้าหวนนึกถึงใบหน้า “พวกเขามาหาข้าและซื้อสุราที่แรงที่สุดไปขวดหนึ่ง ข้าบอกว่าสุราของข้าไม่ขายปลีก พวกเขาก็วางดาบบนคอของข้า”
เมื่อองครักษ์ได้ยินเช่นนี้ ก็คิดได้ทันทีว่าสตรีผู้นั้นถูกลูกธนู ต้องการสุราที่แรงที่สุด เกรงว่าคงนำไปรักษาบาดแผลให้นาง
องครักษ์ถามว่า “พวกเขาไปที่ใด?”
“พวกเขาซื้อสุราไปขวดหนึ่ง ให้เงินข้าแล้ว…ก็จากไป” ขณะที่พ่อครัวเทพเป้าเล่า ก็หยิบเงินตำลึงที่มีตราประทับทางการของต้าโจวจากแขนเสื้อ
แม้แต่เงินก็ไม่ได้มาจากเผ่าพ่อมด องครักษ์แน่ใจว่าคนพวกนั้นเป็นสายสืบอย่างไม่ต้องสงสัย
“ไปทางไหน?” องครักษ์ถาม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]