หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3] นิยาย บท 526

สรุปบท บทที่ 526 อาหารโอชะ: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]

อ่านสรุป บทที่ 526 อาหารโอชะ จาก หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3] โดย Internet

บทที่ บทที่ 526 อาหารโอชะ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายความรัก หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3] ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ณ สภาอาวุโส

ผู้อาวุโสทั้งเจ็ดรวมตัวกัน ในมือผู้อาวุโสสามถือกระเป๋าเงินเปื้อนเลือดใบหนึ่ง

กระเป๋าเงินใบนี้ มารดาของเนี่ยหวั่นโหรวมอบให้นาง นางพกมันติดตัวไว้เสมอ ข้างในนั้นมีถุงหอมเล็กๆ และตลับสีชาดที่เหล่าสตรีใช้

บุตรีหายตัวไปไร้ร่องรอย เหลือเพียงกระเป๋าเงินเปื้อนเลือดซึ่งถูกองครักษ์จัดการเก็บกวาดที่เกิดเหตุเก็บได้ หากบอกว่าไม่ได้เกิดเรื่องกับบุตรีของเขา ผู้ใดเล่าจะเชื่อ?

ผู้อาวุโสสามบีบกระเป๋าเงินแน่น ถามด้วยดวงตาจ้องเขม็งอย่างเดือดดาล “ผู้อาวุโสใหญ่ นี่มันเรื่องอะไร? คนที่เจ้าส่งไป ทำอะไรหวั่นโหรว?”

ผู้อาวุโสใหญ่ประชดประชันเสียดสี “พูดถึงเรื่องนี้ ข้าเองก็อยากถามเจ้า! เจ้ารู้หรือไม่ว่าผู้ใดพาสายสืบเหล่านั้นออกจากจวนสกุลเวิน ทั้งยังพาออกจากเผ่าพ่อมด? ก็แม่หนูน้อยเด็กดีของเจ้าไงละ!”

ผู้อาวุโสสามพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “บัดนี้นางเองก็เป็นหลานสะใภ้ของเจ้า!”

ผู้อาวุโสใหญ่พูดอย่างเฉยเมย “ดังนั้นข้าเลยไม่เอาเรื่องเจ้า เจ้าก็อย่าได้ผลักทุกอย่างมาไว้ที่ข้า!”

ผู้อาวุโสสองก้าวไปข้างหน้า “เอาละๆ หยุดทะเลาะกันได้แล้ว มาฟังว่าองครักษ์พูดอย่างไรกันเถอะ ข้างนอกเรียกองครักษ์ที่พบฮูหยินเวินมา!”

องครักษ์สองสามคนก้าวไปทำความเคารพ ในกลุ่มนี้มีองครักษ์จวนสกุลเวิน องครักษ์เฝ้าเมือง และองครักษ์ที่มีส่วนร่วมในการจับกุม

องครักษ์สกุลเวินกล่าวว่า “ฮูหยินรองบอกว่าตนจะเดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านมารดา และบอกอีกว่าในรถม้าเต็มไปด้วยของขวัญสำหรับครอบครัวมารดา”

องครักษ์เฝ้าเมืองกล่าวว่า “ฮูหยินเวินบอกว่าหมู่บ้านรอบนอกมีสินค้าดีๆ มากมาย นางอยากไปเดินดูสักหน่อย”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ผู้อาวุโสทุกคนก็แสดงสีหน้าประหลาดใจ เห็นได้ชัดว่าโกหก

ทว่าเหตุใดนางถึงโกหก?

หากบอกว่านางทำไปเพื่อเวินซวี่ เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดเชื่อ ไม่มีผู้ใดที่ไม่รู้เรื่องความสัมพันธ์ของนางกับเวินซวี่ นางไม่ลงมีดกับเวินซวี่สักทีก็นับว่าดีแล้ว จะทำเพื่อเวินซวี่ได้อย่างไร?

เป็นไปได้หรือไม่…ว่านางถูกคนลักพาตัวไป?

หรือถูกคนใช้กู่? เวทมนตร์คาถา?

ในใจทุกคนต่างคาดเดากันไปต่างๆ นานา แม้แต่ผู้อาวุโสสามที่เชื่อมั่นในบุตรีมาโดยตลอด ก็อดมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาไม่ได้

เขาเชื่อว่านิสัยของบุตรีจะไม่ถูกข่มขู่ง่ายๆ ทว่าหากถูกคนใช้กู่หรือมนตร์คาถาก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ผู้อาวุโสสามจ้องมองไปที่องครักษ์คนสุดท้าย “เจ้าละ? เจ้าพบบุตรีของข้าเมื่อใด?”

องครักษ์กล่าวว่า “เรียนผู้อาวุโสสาม ข้าน้อยพบฮูหยินเวิน ในที่ที่นางถูกสังหารขอรับ”

คำว่าถูกสังหาร ทำให้สีหน้าผู้อาวุโสสามเปลี่ยนไป “พูดต่อ!”

“ขอรับ!” องครักษ์ก้มหน้า “ยามที่ข้าน้อยเห็นฮูหยินเวิน ฮูหยินเวินอยู่กับคนพวกนั้น ใต้เท้าเวินซวี่ต้องการพาฮูหยินเวินไป…พวกข้าน้อยคิดจะช่วยฮูหยินเวินกลับมา ทว่ากลับช้าไปก้าวเดียว ฮูหยินเวินถูกคนสังหารแล้ว!”

“อะไรนะ?” สีหน้าของผู้อาวุโสสามแปรเปลี่ยน

องครักษ์ตะโกนว่า “ใต้เท้าเวินซวี่เป็นคนสังหาร! แต่… คนผู้นั้นไม่ใช่ใต้เท้าเวินซวี่ตัวจริง ข้าน้อยได้ยินมากับหู เขาบอกว่าตนชื่อต๋าหว่า!”

หลังออกจากสภาอาวุโส ผู้อาวุโสห้าและผู้อาวุโสเจ็ดก็รีบเดินตามผู้อาวุโสสาม

“ผู้อาวุโสสาม” ผู้อาวุโสห้าเรียก

ผู้อาวุโสสามหยุดชะงัก

ทั้งสามเหลือบมองไปรอบๆ เมื่อแน่ใจว่าไม่มีผู้ใดจับตามอง หรือคนงานผ่านไปมา ผู้อาวุโสสามก็กล่าวว่า “เกิดอะไรขึ้น?”

ผู้อาวุโสห้าได้แลกเปลี่ยนสายตากับผู้อาวุโสเจ็ด

“เจ้าพูดจะดีกว่า” ผู้อาวุโสเจ็ดกล่าว

ผู้อาวุโสห้าพยักหน้าและถามว่า “เรื่องหวั่นโหรว เจ้าอย่าได้กังวลเกินไป อยู่ต้องเห็นคน ตายต้องพบศพ อย่าได้ท้อแท้สิ้นหวังจนกว่าจะเห็นหวั่นโหรวด้วยตาของเจ้าเอง”

“ใช่แล้ว ข้าเชื่อเสมอว่าคนดีสวรรค์คุ้มครอง” ผู้อาวุโสเจ็ดกล่าว

ผู้อาวุโสสามนิ่งเงียบ

เมื่อเห็นว่าสีหน้าของเขาไม่ดีนัก ทั้งสองก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากประสานเสียง “มีอะไรรึ?”

“ข้ากำลังคิด เรื่องเวินซวี่ตัวปลอมนั่น” ผู้อาวุโสสามกล่าวด้วยดวงตาจ้องเขม็ง

“เวินซวี่ตัวปลอม?” ผู้อาวุโสห้าขมวดคิ้ว

ผู้อาวุโสสามพูดด้วยสีหน้าครุ่นคิด “ในวันสรงสามของหลานชายข้าครานั้น เวินซวี่พาโหรวเอ๋อร์กลับจวนเนี่ยครั้งหนึ่ง ตั้งแต่ครั้งนั้นข้าก็พบว่าเวินซวี่ไม่เหมือนกับในอดีตนัก ดังนั้นข้าคิดว่าอาจเป็นยามนั้นหรือเร็วกว่านั้น เวินซวี่ก็ได้ถูกบุรุษที่ชื่อต๋าหว่ามาแทนที่แล้ว”

ผู้อาวุโสห้าราวกับรู้แจ้ง “เจ้าพูดเช่นนี้ ก็ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ ตั้งแต่เวินซวี่กลับมาที่เผ่าพ่อมด ก็ขัดแย้งกับราชินีแม่มดอยู่บ่อยครั้ง เดิมทีคิดว่าเขาถูกจิ้งจอกนั่นเป่าหู แต่ดูจากสถานการณ์ในยามนี้แล้ว เกรงว่าเวินซวี่จะเป็นตัวปลอมมาตั้งแต่แรก”

ผู้อาวุโสเจ็ดถามว่า “หากเป็นเช่นนี้ แล้วเวินซวี่ตัวจริงอยู่ที่ใด?”

ผู้อาวุโสสามและผู้อาวุโสห้าต่างไม่พูดอะไรอีก เวินซวี่ไม่ใช่เยี่ยยางอายุสิบสองปี ก่อกรรมทำชั่วนับไม่ถ้วน ไม่ใช่ผู้บริสุทธิ์ไร้เดียงสา หากจะตกไปอยู่ในมือคนพวกนั้น เกรงว่าจะรอดกลับมายาก

แต่เนี่ยหวั่นโหรวไร้เดียงสา เหตุใดพวกเขาต้องฆ่านาง?

ผู้อาวุโสห้าขุ่นเคืองกับความอยุติธรรม “พวกเขาปล่อยตัวองค์ชายเยี่ยยางมา เดิมทีคิดว่ายังมีคุณธรรมอยู่บ้าง ทว่าดูจากยามนี้แล้ว พวกเขายิ่งกว่าเดรัจฉานเสียอีก!”

ก่อนอิ่งลิ่วได้รับเลือกให้เป็นหน่วยกล้าตาย ก็เคยเป็นเด็กธรรมดาคนหนึ่ง เขามีบิดามารดาของตนเอง มีแม้กระทั่งเพื่อนเล่นในวัยเดียวกันหลายคน…

เพียงแต่ความทรงจำเนิ่นนานและห่างไกลเกินไป เมื่อเขาเติบโตขึ้นทุกวัน มันก็ถูกกลบอยู่ภายในส่วนลึกของจิตใจ มันฝรั่งแผ่นผัดพริกหยวกจานนี้ขุดมันขึ้นมาอีกครั้ง ความทรงจำต่างๆ ผุดขึ้นราวกับสายน้ำ

“ฮือๆ…” อิ่งลิ่วหันหน้า ซบไหล่อิ่งสือซันร่ำไห้

คนที่อยากร้องไห้มีเพียงสองสามคนนี้หรือ?

นิ้วของอิ่งสือซันค่อยๆ บีบกระชับแน่นขึ้นทีละน้อย

เพียงแต่ความทรงจำในวัยเด็กของเขาไม่ดีนัก นั่นเป็นวันที่เขาถูกรังแกและไม่อาจโต้กลับได้ นั่นคือวันที่เขาเดินไปตามถนนโดยไม่มีอาหาร…เมื่อเทียบกับความเจ็บปวดแล้ว เขาโศกเศร้าและหวาดกลัวมากกว่า

คนเดียวที่มีสีหน้าเรียบเฉยดังเดิมคือเยี่ยนจิ่วเฉา

พ่อครัวเทพเป้าก็สังเกตเห็นเช่นกัน

บุรุษหนุ่มผู้นี้เยือกเย็นกว่าที่คิด เรียกได้ว่าสงบนิ่งจนน่ากลัว

ไม่แปลกใจที่หนูหวั่นไปอยู่ในมือเขา ไม่เลวทีเดียว…

เด็กๆ ทานอาหารกันอย่างมีความสุข ไข่ดำทั้งสามกินจนเหงื่อออกไปทั้งตัว โจวจิ่นผู้ควบคุมตนเองมาตลอดก็ยังกินอย่างออกรส

“เอาอีก!” เสี่ยวเป่าพูดพร้อมกับชูชามเปล่า

“เอ้อร์เป่าเอาด้วย!” เอ้อร์เป่าก็ยกชามเปล่าของตนขึ้นเช่นกัน

ต้าเป่า : เอาด้วย!

โจวจิ่น “แค่ก ข้าก็เอาด้วย”

อวี๋หวั่นจิ้มแก้มน้อยทั้งสามทีละคน “แต่พวกเจ้ากินเป็นชามที่สามแล้วนะ”

เสี่ยวเป่าชี้นิ้วเล็กๆ “แล้วอย่างไร? พี่โจวจิ่นกินไปตั้งห้าชามแล้ว!”

โจวจิ่นหน้าแดงฉ่า “…”

ราชาพ่อมด “…”

ทุกคน “…”

……………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]