ราชาพ่อมดพาราชาศักดิ์สิทธิ์ไปที่ป่านอกเมือง เจียงจวินแบกทั้งสองควบเข้าไปในป่าอย่างรวดเร็ว แม้ไม่พบกันนานหลายปี ทว่าความเข้าใจระหว่างคนกับม้ากลับไม่ลดน้อยลงเลย ราชาพ่อมดไม่จำเป็นต้องออกคำสั่งแล้ว เจียงจวินก็พาทั้งสองไปยังกระท่อมเล็กๆ ที่ซ่อนอยู่ในป่า
หากมองดีๆ จะพบว่ามีสวนดอกเซียนศักดิ์สิทธิ์อยู่ภายในรั้วของกระท่อมเล็กๆ แห่งนี้ แต่เพราะถูกละเลย ดอกเซียนศักดิ์สิทธิ์ที่นี่จึงไม่งดงามนัก
ราชาพ่อมดพลิกตัวลงจากหลังม้า อุ้มราชาศักดิ์สิทธิ์ลงมาอย่างระมัดระวัง
ทันทีที่อุ้มราชาศักดิ์สิทธิ์เดินผ่านแปลงดอกไม้เล็กๆ ดอกเซียนศักดิ์สิทธิ์ที่โรยราคล้ายกับได้รับพลังชีวิตที่สดใส เพียงชั่วพริบตาก็เบ่งบานสะพรั่ง
เจียงจวินส่งเสียงร้องสองสามที ก้มลงแทะเล็มใบหญ้าสองสามคำ จากนั้นก็ค่อยๆ เดินข้ามสวนดอกไม้เล็กๆ ไปที่ทางเดิน ใช้หัวเปิดประตูที่เต็มไปด้วยฝุ่นปกคลุม
เศษฝุ่นตกใส่ราชาพ่อมด ทว่าเขากลับไม่ได้สนใจ เพียงกอดคนในอ้อมแขนไว้แน่น ไม่ให้โดนฝุ่นแม้เพียงน้อยนิด
ที่แห่งนี้ไม่มีคนอยู่มานาน ร้างไปนานแล้ว ราชาพ่อมดวางราชาศักดิ์สิทธิ์กลับบนหลังม้า และเริ่มลงมือทำความสะอาดจนร่างกายเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ ยากที่จะจินตนาการว่าราชาพ่อมดผู้สูงส่งจะลดตัวลงมาทำสิ่งที่เป็นหน้าที่ของข้ารับใช้
อย่างไรเขาก็เป็นราชาที่ใช้ชีวิตมาอย่างสุขสบาย ในช่วงหลายปีที่ถูกคุมขังก็ไม่ได้ออกแรงทำงานหนัก ทำความสะอาดได้ครึ่งวันก็แทบไม่ไหว ราชาพ่อมดวางราชาศักดิ์สิทธิ์ลงกับเตียง
เนื่องจากอาการชักนานเกินไป ราชาศักดิ์สิทธิ์จึงอ่อนแออย่างยิ่ง ใบหน้าซีดขาวไร้สีเลือด
ราชาพ่อมดมองใบหน้าที่กำลังหลับใหลของนางอย่างอ่อนโยน พลันยิ้มออกมาจางๆ “อาเยียน เจ้านอนไปพักก่อนนะ ข้าจะไปหาของกินสักหน่อย”
ราชาศักดิ์สิทธิ์ไม่ตอบสนอง
ราชาพ่อมดลูบจอนผมของนาง และลุกขึ้นเดินออกจากประตู
เดินไปได้เพียงสองก้าว ราชาศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่บนเตียงก็ลืมตาโพลง
ราชาศักดิ์สิทธิ์หันมองราชาพ่อมด ดวงตาฉายแววดุร้าย กางกรงเล็บพุ่งออกไปคว้าด้านหลังของราชาพ่อมดอย่างดุดัน
จุดที่นางมุ่งหมายคือหัวใจของราชาพ่อมด เห็นได้ชัดว่าหมายจะควักหัวใจของราชาพ่อมดออกมาทั้งเป็น
ราชาพ่อมดรู้สึกถึงไอสังหารเฉียบพลัน หันกลับมาด้วยแววตาจริงจัง พลังเวทรุนแรงหลั่งไหลออกมาราวกับโล่แสงที่มองไม่เห็น ไม่เพียงแต่ป้องกันการลอบโจมตีของราชาศักดิ์สิทธิ์ ยังทำให้ราชาศักดิ์สิทธิ์กระเด็นออกไปอย่างไร้ความปรานี
ราชาศักดิ์สิทธิ์กรีดร้องทรุดลงกับเตียงแข็ง
รัศมีของราชาพ่อมดแผ่กว้าง เขามองราชาศักดิ์สิทธิ์ด้วยใบหน้าเย็นชา “อย่าคิดว่าเช่นนี้ก็จะควบคุมอาเยียนได้ ข้าจะกำจัดเจ้าออกจากจิตใจของอาเยียน! เจ้าจะไม่ได้ทำเรื่องชั่วร้ายอีก!”
พูดจบ ดวงตาทั้งสองของเขาก็กลายเป็นสีทอง
เขาจ้องเข้าไปในดวงตาของราชาศักดิ์สิทธิ์ไม่กะพริบ พลังเวททรงพลังกดดันพุ่งเข้าไป ราชาศักดิ์สิทธิ์ต่อต้าน แต่กลับพบว่าพลังของตนคล้ายกับถูกสะกดโดยพลังที่มองไม่เห็น
หลัวช่าวิญญาณชำนาญการโจมตีทางจิต มีหรือราชาพ่อมดจะไม่ใช่? ขึ้นอยู่กับว่าผู้ใดจะชำนาญกว่ากัน
ราชาศักดิ์สิทธิ์กรีดร้องและสลบไป
ราชาพ่อมดทอดถอนใจด้วยความโล่งอก ใช้มือข้างหนึ่งค้ำบานประตู ร่างกายอ่อนแรงแทบทรุดลงกับพื้น
หลัวช่าวิญญาณนั้นยากจะรับมือ หากวันนี้มันไม่มีอาการผิดปกติก็อาจไม่มีช่องโหว่ให้เขาได้ใช้ประโยชน์
ราชาพ่อมดตั้งสติ ลากร่างอันทรุดโทรมไปนั่งที่ขอบเตียง กอดราชาศักดิ์สิทธิ์ไว้ในอ้อมแขน ใช้พลังเวทหล่อเลี้ยงพลังปราณของราชาศักดิ์สิทธิ์
พลังเวทของเขาสูญเสียไปมาก ยากจะสัมผัสความคิดของหลัวช่าวิญญาณ แต่จิตวิญญาณของอาเยียนแข็งแกร่งมากพอ เช่นนั้นจึงสามารถร่วมมือกันจัดการกับหลัวช่าวิญญาณได้
ราชาพ่อมดรักษาบาดแผลให้ราชาศักดิ์สิทธิ์อยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็ขี่เจียงจวินไปซื้อวัตถุดิบที่ตลาด แล้วกลับกระท่อมเล็กมาทำอาหาร เมื่อทำเสร็จกลับไปที่ห้อง ก็พบว่าราชาศักดิ์สิทธิ์ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ ไม่มีแววตาดุร้ายรุนแรงอีกต่อไป มีเพียงดวงตาโง่เขลาไร้เดียงสา
ราชาพ่อมดใจเต้นสั่น “อาเยียน! นั่นเจ้าหรือ?”
“ข้าเอง” ราชาศักดิ์สิทธิ์กล่าวอย่างอ่อนแรง
ดวงตาของราชาพ่อมดเป็นประกาย มองนางแล้วพูดด้วยความตื่นเต้น “ข้ารู้อยู่แล้วว่าเป็นเจ้า…เจ้ากลับมาแล้ว…ในที่สุดเจ้าก็กลับมา…”
การหล่อเลี้ยงพลังของราชาพ่อมดทำให้ราชาศักดิ์สิทธิ์รู้สึกดีขึ้นมาก ไม่รู้เพราะความรู้สึกที่กินยาผิดค่อยๆ จางหายไปจากร่างกายหรือไม่ ขอเพียงปรับพลังภายในต่อไป ก็น่าจะไม่เกิดอาการชักขึ้นมาอีก
ราชาพ่อมดยิ้ม “เจ้าจำได้หรือไม่ว่าที่นี่คือที่ใด? สวนดอกเซียนศักดิ์สิทธิ์นอกเรือนนั้นเจ้าเป็นคนปลูกเองกับมือ หลังจิ่นเอ๋อร์เกิดมาก็อาศัยอยู่ที่นี่ ทว่า เมื่อเขาอายุได้สองขวบก็ถูกคนพบ ข้าไม่มีทางเลือกจึงจำต้องส่งเขาไปที่อื่น”
ราชาศักดิ์สิทธิ์มองดอกเซียนศักดิ์สิทธิ์ในเรือน ดวงตาลึกล้ำ
“เจ้ารดน้ำมันด้วยเลือด” ราชาพ่อมดอธิบาย เมื่อนึกขึ้นได้จึงกล่าวว่า “พูดมานาน เจ้าคงหิวแล้ว ดูความจำข้าสิ สนใจแต่จะคุยกับเจ้า ลืมไปว่าหม้อยังอุ่นอาหารอยู่ เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่ก่อน ข้าจะไปนำอาหารมา!”
ราชาพ่อมดลุกขึ้นไปหยิบอาหาร
เห็นเงาหลังของเขาเดินออกจากประตู สีหน้าราชาศักดิ์สิทธิ์ก็อึมครึมลงทันใด นางยื่นมือออกไป จะตบฝ่ามือใส่ราชาพ่อมด แต่สิ่งที่นางไม่คาดคิดคือ ความรู้สึกที่ถูกบางอย่างตรึงไว้กลับมาอีกครั้ง
ราชาศักดิ์สิทธิ์มองมือของตน จากนั้นก็มองราชาพ่อมดที่กำลังเดินออกไปและฮึดฮัดอย่างเย็นชา “ตายไปแล้วยังอยากปกป้องชายผู้นั้น ช่างงมงายในความรักนัก!”
หลัวช่าวิญญาณไม่นึกว่าสตรีผู้นี้จะจำกัดร่างกายของตน ไม่ให้ตนทำอะไรราชาพ่อมดได้ ทว่าการจำกัดนี้ไม่อาจหยุดหลัวช่าวิญญาณได้นานนัก หากมันกลืนกินยอดฝีมืออีกสองสามคนก็จะสามารถทลายออกจากการจำกัดได้
“ข้าจะไว้ชีวิตคนรักของเจ้าไปก่อน รอข้าสังหารโจวจิ่นบุตรชายของเจ้าแล้ว จะส่งเขาไปอยู่กับเจ้า!”
ราชาพ่อมดกลับมาที่ห้องพร้อมกับอาหาร “อาเยียน อาหารมาแล้ว เอ๋? อาเยียนละ?”
ยามพลบค่ำ ไฟจากตะเกียงดวงแรกส่องสว่าง สตรีสง่างามในชุดสีม่วงเดินสบายๆ ไปตามถนนทอดยาวไม่สิ้นสุด
นางสวมผ้าคลุมหน้าสีม่วงโปร่งแสง ดวงตามีเสน่ห์น่าหลงใหลคู่หนึ่ง สันจมูกโด่งสูงทำให้ผ้าคลุมหน้าเผยอออก เผยให้เห็นดวงหน้าดุจหยกและมุมปากยกขึ้นเล็กน้อย
สตรีผู้งดงามราวกับเทพธิดาปรากฏตัวขึ้นท่ามใจกลางเมืองที่พลุกพล่าน ทุกคนต่างตกตะลึง ไม่ว่านางไปที่ใด กระทั่งเสียงวุ่นวายเจื้อยแจ้วก็เงียบลง เด็กน้อยก็หยุดร้องไห้ ทุกคนต่างมองนางด้วยดวงตาเบิกกว้าง
นางเดินผ่านฝูงชนราวกับไม่ได้สนใจสายตาตกตะลึงเหล่านั้น เด็กชายคนหนึ่งมองนางอย่างเลื่อนลอย นางยกมือขึ้นลูบศีรษะเด็กคนนั้นเบาๆ
หลังจากนางเดินจากไปด้วยรอยยิ้ม จู่ๆ เด็กคนนั้นก็ดวงตาล่องลอย ขดอยู่ในอ้อมแขนของมารดา
สตรีผู้นั้นกรีดร้องด้วยความตกใจ “ลูกแม่—”
ราชาศักดิ์สิทธิ์เดินเข้าไปในตรอกแคบๆ โดยไม่หันกลับมามอง ทว่าเดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าวก็ถูกบุรุษสูงใหญ่ขี้เมาสองสามคนขวางทาง
บุรุษซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มมองนางอย่างเมามาย ร่องรอยความหื่นกระหายฉายผ่านดวงตา ลูบมือแล้วกล่าวว่า “แม่นาง ดึกดื่นเช่นนี้จะไปที่ใด? ให้พวกพี่ไปส่งดีกว่า…”
ราชาศักดิ์สิทธิ์ยกมือขึ้น ซ่อนใบหน้ายิ้ม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]