โจวจิ่นยกมือแตะโซ่เหล็กที่มัดร่างของสตรีผู้นั้นอย่างช้าๆ ขณะที่เขากำลังจะปลดโซ่เหล็ก จู่ๆ ก็เจ็บหน้าอกขึ้นมา
“อ๊าก!” โจวจิ่นถอนมือกลับมากุมหน้าอกด้วยความเจ็บปวด วินาทีนี้ สติของเขาก็ค่อยๆ ชัดเจนขึ้น
เขาถอยหลังไปก้าวหนึ่ง มองไปยังสตรีที่ถูกโซ่เหล็กมัดตรึงด้วยความตกใจ
เขาเป็นทายาทของราชาพ่อมด มีพลังเวทที่น่าทึ่งตั้งแต่เด็ก ที่ผ่านมามีเพียงเขาที่สะกดจิตผู้อื่น นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนใช้เวทมนตร์กับเขา
หากไม่ใช่สัตว์พิษตัวน้อยที่ปลุกเขาได้ทันท่วงที เขาคงทำเรื่องที่ไม่อาจย้อนกลับไปแก้ไขได้แล้ว
เมื่อราชาศักดิ์สิทธิ์เห็นโจวจิ่นได้สติ สีหน้าอ่อนโยนพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชา ดวงตาจับจ้องไปที่หัวใจของโจวจิ่น มุมปากยกขึ้นอย่างดูถูก “จักรพรรดิ หนอนพิษ น้อย?”
เมื่อสัมผัสได้ถึงไอสังหารของนางต่อสัตว์พิษตัวน้อย โจวจิ่นก็ถอยห่างนางมากขึ้น
ราชาศักดิ์สิทธิ์กลับหัวเราะ เอ่ยเสียงเนิบ “อย่ากลัวไปเลย แม่เป็นแม่ของลูก แม่ไม่มีทางทำร้ายลูก”
โจวจิ่นมองนางอย่างสงบเยือกเย็นไม่โต้ตอบ
ราชาศักดิ์สิทธิ์สะกดจิต “เป็นอะไรไป? พวกเขาไม่ได้บอกลูกหรือว่าแม่ยังมีชีวิตอยู่? แม่ยังไม่ตาย คนที่ตายคือหลัวช่าวิญญาณ แม่กลับมาได้อย่างปลอดภัย มาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาแม่ลูก”
ความหวาดระแวงวาบผ่านดวงตาของโจวจิ่น
ราชาศักดิ์สิทธิ์กล่าวว่า “ไม่ต้องกลัว รีบมานี่ มาให้แม่ข้าดู โจวจิ่นน้อยของแม่โตถึงเพียงนี้แล้ว”
เพราะถูกโซ่เหล็กนิลควบคุมไว้นางจึงไม่อาจใช้พลังเวท ทว่ากลับไม่ได้ป้องกันวิชาภาพลวงตาต่อบุตรในสายเลือดของ ‘ตน’
“มา มาอยู่ข้างๆ แม่” นางเอ่ยพลางมองโจวจิ่นเนือยนิ่ง
โจวจิ่นต่อสู้กับภาพลวงตาของนาง
จู่ๆ ร่างของราชาศักดิ์สิทธิ์ก็กระตุก เมื่อราชาศักดิ์สิทธิ์ตื่นขึ้นมา กลิ่นอายทั้งหมดก็แปรเปลี่ยนไป
นางตะโกนด้วยดวงตาแดงก่ำ “รีบไป! ไปสิ! อย่าเข้ามา! อย่าเข้ามาใกล้ที่นี่! ไม่ต้องฟังที่แม่พูด!”
โจวจิ่นตกตะลึง
“เร็ว…” ก่อนที่นางจะพูดจบ ร่างกายก็กระตุกอีกครั้ง เมื่อลืมตาขึ้นอีกทีก็กลับมาเป็นมารดาผู้อบอุ่นอ่อนโยน
“เด็กดี มาหาแม่มา…”
โจวจิ่นก้าวไปข้างหน้า
ราชาศักดิ์สิทธิ์กระตุกอีกครั้ง
นางตะโกนเสียงดัง “อย่าเข้ามา! ข้าบอกให้เจ้าออกไป!”
โจวจิ่นหยุดชะงัก
ราชาศักดิ์สิทธิ์เผยรอยยิ้มทรงเสน่ห์ “เด็กดี มานี่สิ แม่คิดถึงลูก…”
เท้าของโจวจิ่นใกล้จะไม่ฟังคำสั่ง
ทันใดนั้น พลังเวททรงพลังก็พุ่งเข้าปกคลุม แทรกซึมเข้าไปในหัวของราชาศักดิ์สิทธิ์ ดวงตาของราชาศักดิ์สิทธิ์ดำมืดและสลบไป
โจวจิ่นก็ทรุดตัวลงอย่างไร้เรี่ยวแรง ทว่าความเจ็บปวดที่จินตนาการกลับไม่ได้เกิดขึ้น เขาตกอยู่ในอ้อมแขนอบอุ่น
ราชาพ่อมดรับตัวเขาไว้และถามด้วยความเป็นห่วง “เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”
โจวจิ่นมองเขาอย่างอ่อนแรง
“เกิดอะไรขึ้น?” อิ่งสือซันเข้ามาในห้องพร้อมกับดาบเล่มยาวในมือ สิ่งแรกที่เห็นคือราชาพ่อมดที่สวมเสื้อคลุม กับโจวจิ่นที่ดูอ่อนแอในอ้อมแขนของเขา นั่นก็พอคาดเดาเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้
เขาเก็บดาบ เดินเข้าไปด้วยใบหน้าเรียบเฉย รับโจวจิ่นมาจากอ้อมแขนของเขา “มาให้ข้าเถอะ ข้าจะพาเขากลับไปที่ห้องเอง”
ราชาพ่อมดมองบุตรชายที่ใบหน้าซีดขาว จากนั้นก็พยักหน้าแล้วปล่อยมือ
อิ่งสือซันหมายจะส่งโจวจิ่นกลับห้อง ทว่าโจวจิ่นกลับดึงแขนเสื้อของอิ่งสือซัน
อิ่งสือซันกล่าวอย่างเข้าใจ “เมื่อครู่ที่เจ้าหลับไป มีเรื่องที่ไม่ทันได้บอกเจ้า หากเจ้าอยากฟัง ก็อยู่ที่นี่”
โจวจิ่นไม่ใช่เด็กธรรมดา พวกเขาไม่เคยจงใจปิดบังสิ่งใดจากเขา
“เช่นนั้นข้าจะอยู่” โจวจิ่นกล่าว
“ก็ได้” อิ่งสือซันหันกลับไปกล่าวกับราชาพ่อมด “องค์ราชาพ่อมดก็เชิญทางนี้ขอรับ”
อาจเพราะคาดการณ์ไว้แล้วว่าเขาจะมา จึงไม่มีผู้ใดแปลกใจกับการมาเยี่ยมเยือนกลางดึกของราชาพ่อมดมากนัก
อิ่งสือซันอุ้มโจวจิ่นไปที่ห้องตำรา เยี่ยนจิ่วเฉารอเขาอยู่ที่นั่นแล้ว
อิ่งลิ่วก็อยู่กับเยี่ยนจิ่วเฉา เมื่อเห็นอิ่งสือซันอุ้มโจวจิ่นเข้ามา เขาก็รีบหาเก้าอี้ให้อิ่งสือซันวางโจวจิ่นลง
“ราชาพ่อมดมาเยือนกลางดึกเช่นนี้ เพราะราชาศักดิ์สิทธิ์ใช่หรือไม่?”
“ใช่” ราชาพ่อมดกล่าวอย่างไม่เขินอาย “ข้าเดาว่านางจะมาหาพวกเจ้า”
อิ่งสือซันกล่าวด้วยเสียงเย็นชา “ท่านผิดแล้ว นางไม่ได้มาหาเรา นางมาหาโจวจิ่น เพียงแต่โจวจิ่นบังเอิญอยู่กับเราเท่านั้น”
นี่เป็นการเตือนสติราชาพ่อมด เพราะสิ่งที่เขาไม่อาจตัดใจปล่อยวาง ได้นำพาอันตรายใหญ่หลวงมาสู่บุตรชายของเขาเอง
ราชาพ่อมดเอ่ยอย่างแผ่วเบา “เจ้าไม่ต้องเตือนข้า ข้ารู้ดี”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]