เยี่ยนไหวจิ่งคิดว่าความริษยาของเขาที่มีต่อเยี่ยนจิ่วเฉา เริ่มตั้งแต่ไทเฮายังมีพระชนม์ชีพ
“อันที่จริงข้าไม่เข้าใจ” เยี่ยนไหวจิ่งกล่าวอย่างครุ่นคิด
ขันทีมองเยี่ยนไหวจิ่งอย่างงุนงง และหันไปมองจวินฉางอันที่อยู่ด้านข้าง
พระองค์เอ่ยกับผู้ใด? แล้วจะตอบรับได้อย่างไร?
จวินฉางอันโบกมือ ขันทีก็ถอยออกไปอย่างรู้ความ จวินฉางอันจึงเอ่ยถาม “ฝ่าบาทไม่เข้าใจเรื่องใดหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
เยี่ยนไหวจิ่งกล่าวว่า “ข้าไม่เข้าใจ ไทเฮาทรงรักเยี่ยนอ๋องถึงเพียงนั้น เหตุใดเสด็จพ่อของข้าจึงไม่อิจฉา?”
จวินฉางอันชะงักก่อนจะกล่าวว่า “บางทีฮ่องเต้อาจคิดว่าได้ครอบครองแผ่นดินแล้ว จึงไม่ร้องขอสิ่งใดอีก”
“จริงหรือ?” เยี่ยนไหวจิ่งพึมพำอย่างเหม่อลอย และหันไปเขียนสาส์นกราบทูลต่อ
ขันทีชะเง้อชะแง้อยู่ด้านนอกประตู
จวินฉางอันจึงรีบเดินไปหาและพาตัวเขาออกห่างจากห้องหนังสือ พร้อมกับถามว่า “ยังมีเรื่องใดอีก?”
ขันทีกระซิบ “แม่ครัวของหอจุ้ยเซียนผู้นั้น…คือแม่นางอวี๋! ฮูหยินเซียวก็ไปเข้าวังเช่นกัน แล้วจู่ๆ ฝ่าบาทก็ทรงเสด็จไปยังตำหนักเสียนฝู…มิใช่ว่าองค์ชายรองส่งคนไปจับตาดูแม่นางอวี๋หรือ? เรื่องใหญ่เพียงนี้ยังไม่เห็นสายลับมาแจ้งข่าว คิดๆ ดูแล้ว หรือจะเกิดเรื่องอันใดขึ้น สายลับถูกพระสนมเสียนเฟยจัดการไปแล้ว? หากเป็นเรื่องจริง การเข้าวังหลวงของแม่นางอวี๋ในวันนี้ คงไม่ราบรื่นนักขอรับ”
จวินฉางอันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าไปได้”
“ขอรับ” ขันทีเดินออกไปจากเรือน
จวินฉางอันกลับไปยังห้องหนังสือ
“มีอันใดรึ?” เยี่ยนไหวจิ่งถาม
“ไม่มีอันใดพ่ะย่ะค่ะ” จวินฉางอันตอบ
…
ลมหนาวโพยพัดแผดเสียงคำราม รถม้าคันหนึ่งแล่นไปบนถนนทางการที่ราบเรียบ เสียงไอที่ไม่อาจอดกลั้นดังออกมาจากด้านในรถม้า
“ช้าลงหน่อย”
อิ่งสือซันสั่ง
ในขณะที่สารถีรถม้าจับบังเหียนและกำลังจะชะลอความเร็ว เยี่ยนจิ่วเฉาก็เอ่ยเบาๆ “ไม่จำเป็น เจ้ารีบไปต่อเถิด ไปถึงก้งเฉิงให้เร็วที่สุด”
อิ่งสือซันเอ่ย “มีอิ่งลิ่วอยู่ ช่วงสองสามวันนี้อย่าได้กังวลเลย เบาะแสไม่มีทางเสียหายแน่ขอรับ”
“ไม่ใช่เรื่องเบาะแส…” เยี่ยนจิ่วเฉายกผ้าห่มขึ้นคลุมตัว แสงระยิบระยับของไข่มุกราตรีตกกระทบใบหน้าที่ซีดขาว ยิ่งทำให้คนด้านในดูซูบผอม
“คุณชายยังไม่คลายกังวลเรื่องแม่นางอวี๋หรือ?” อิ่งสือซันกล่าวถาม
เยี่ยนจิ่วเฉาถอนใจ “ไม่ได้พบข้าวันเดียว นางก็เคยงอแงจนไปขัดขวางข้าถึงโรงเตี๊ยมมาแล้ว คุณชายอย่างข้าจากมาเช่นนี้ ไม่รู้ยามนี้นางจะดีดดิ้นไปมาอย่างไรแล้ว”
อิ่งสือซัน “…”
ข้าผิดเอง ข้าผิดเองจริงๆ ข้าไม่ควรปากมาก!
เยี่ยนจิ่วเฉามีสีหน้าจนปัญญา “เจ้าคิดว่าตอนนี้นางจะร้องไห้แทบเป็นแทบตายที่บ้านอยู่หรือไม่? หรือว่านางกำลังจะไปตามหาคุณชายผู้นี้อยู่? เฮ้อ โชคดีนักที่ข้ามองการณ์ไกล ทิ้งบุตรทั้งสามไว้ที่เมืองหลวง เอาละ เจ้าเขียนจดหมายไปบอกนาง หากคิดถึงคุณชายผู้นี้มากนัก ก็ให้นางไปหาเด็กๆ ที่คฤหาสน์สกุลเซียวเพื่อเป็นการปลอบโยนความโหยหาเถิด”
มุมปากของอิ่งสือซันกระตุก ยังไม่ทันได้ออกจากเมืองหลวง ก็จะเขียนจดหมายฉบับที่สามสิบห้าแล้วเรอะ?!
…
ในที่สุดก็เดินทางออกจากเมืองหลวง
อิ่งสือซันส่งจดหมายฉบับที่ห้าสิบสามออกไปด้วยใบหน้ามืดมน
…
ก้งเฉิงอยู่ทางตะวันออกของต้าโจว รถม้าออกเดินทางจากประตูเมืองตะวันออก ตรงไปยังทิศตะวันออก หลังจากเจ็ดวันก็จะถึงจี้โจว จี้โจวและก้งเฉิงอยู่ติดกัน หลังจากข้ามสะพานจี้โจวไป ก็จะเป็นเมืองยวนหยางของก้งเฉิง
“คุณชายฟ้าเริ่มมืดแล้ว ไปหาโรงเตี๊ยมพักผ่อนกันก่อนเถิด วันพรุ่งนี้ค่อยเดินทางต่อ” แม้ว่าอิ่งสือซันจะทนไม่ได้กับนิสัยบางอย่างของคุณชาย ทว่าเยี่ยนจิ่วเฉากำลังป่วยไข้ เขาจำต้องไปหาหมอมาตรวจดูอาการของเยี่ยนจิ่วเฉาเสียหน่อย
เยี่ยนจิ่วเฉาพิงผนังด้านข้างของรถม้าด้วยท่าทางออดๆ แอดๆ เขาเวียนหัวอย่างหนักจนอ้าปากด้วยความอ่อนแรง
อิ่งสือซันรีบเอ่ยว่า “ข้ารู้แล้ว ข้าจะรีบไปเขียนจดหมายเดี๋ยวนี้”
เยี่ยนจิ่วเฉาปิดปากและหลับไปอย่างพึงใจ
เมื่อเยี่ยนจิ่วเฉาตื่นขึ้น ก็พบว่าตนอยู่ในโรงเตี๊ยมที่ใหญ่ที่สุดในจี้โจว เขากำลังนอนอยู่บนเตียงของห้องพักรายวัน โดยมีอิ่งสือซันและอิ่งลิ่วเฝ้าอยู่ข้างเตียง
เยี่ยนจิ่วเฉาเหลือบมองอิ่งลิ่วด้วยท่าทางอิดโรยพร้อมกับประหลาดใจ “เหตุใดเจ้าจึงมาที่นี่? เจ้าไม่ได้อยู่ที่ก้งเฉิงหรอกหรือ?”
“คุณชายเชิญดื่มยาถ้วยนี้ก่อนเถิด ข้าจะค่อยๆ เล่าให้คุณชายฟัง” อิ่งลิ่วเทยาบนเตาที่อุ่นกำลังดีลงในถ้วย แล้วนำไปให้เยี่ยนจิ่วเฉา
เยี่ยนจิ่วเฉาลุกขึ้นนั่ง
เขาใช้ชีวิตเหมือนแช่อยู่ในหม้อยาขนาดใหญ่ เขาไม่อิดออดที่จะดื่มยา ผ่านไปเพียงไม่นานก็มองเห็นก้นถ้วย
เขาส่งถ้วยยาคืนให้กับอิ่งลิ่ว อิ่งสือซันที่อยู่ด้านข้างก็เปิดโถน้ำตาลและหยิบน้ำตาลกรวดยื่นให้เขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]