สวี่ส้าวคิ้วขมวดมุ่น เอ่ยไปตามจิตใต้สำนึก “เจ้าทำอันใดลงไป?”
“ข้า…” เหยียนหรูอวี้หยุดวาจา และหันไปมองรอบป่าไผ่อันสงัดเงียบ “ข้าต้องทำอันใดด้วยหรือ? กระดาษมิอาจห่อไฟ[1] ความจริงนี้ ท่านน่าจะทราบดีกว่าข้ามิใช่รึ?”
สวี่ส้าวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “สวี่โจวถูกเก็บกวาดไร้ร่องรอย เขาหาได้พบสิ่งใด ไฉนเจ้าจึงคิดว่าเขาสงสัยในตัวเจ้า?”
เหยียนหรูอวี้ทอดถอนใจ “ข้าก็บอกไม่ได้ ช่วงนี้ข้าแค่รู้สึกไม่สบายใจและกังวลก็เท่านั้น”
“เจ้าลืมกินยาอีกแล้วหรือ?” สวี่ส้าวขมวดคิ้วมองนาง
ดวงตาของเหยียนหรูอวี้เย็นชา “ข้าไม่ได้ป่วย!”
สวี่ส้าวผ่อนคลายน้ำเสียงลง “เจ้าสูญเสียเลือดไปมาก จำต้องดูแลอย่างระมัดระวัง”
เหยียนหรูอวี้หันหน้าหนีเบาๆ ราวกับว่าไม่รับฟังคำแนะนำของเขา
“เยี่ยนจิ่วเฉาสงสัยอันใดเกี่ยวกับเจ้า? เรื่องที่มิใช่มารดาผู้ให้กำเนิดของเด็กๆ หรือคิดว่าเจ้ากำลังปิดบังอดีตบางอย่าง?”
เหยียนหรูอวี้ส่ายศีรษะ “เขาไม่ได้บอกอันใดข้า ข้าเดาเอาเอง ช่วงนี้เขาไม่ได้อยู่ที่เมืองหลวง ท่านคิดว่าเขาจะไปตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้นในปีนั้นหรือไม่?”
สวี่ส้าวกล่าว “วันครบรอบวันตายของเยี่ยนอ๋องใกล้มาถึงแล้ว เขาเพียงแค่ไปกวาดหลุมศพเยี่ยนอ๋องที่สุสานราชวงศ์เท่านั้น เจ้าอย่าได้คิดมากไปเลย”
เยี่ยนจิ่วเฉาออกไปจากเมืองหลวงเพราะเรื่องการกวาดหลุมศพจริงๆ
“สุสานราชวงศ์กับก้งเฉิงอยู่ทิศเดียวกัน” เหยียนหรูอวี้มองสวี่ส้าว “ท่านไม่กังวลว่าเขาจะใช้อำพรางการไปยังก้งเฉิงหรอกหรือ? สวี่โจวถูกท่านเก็บกวาดเรียบร้อย แต่ก้งเฉิงเล่า? บ้านหลังนั้นเล่า?”
สวี่ส้าวตอบ “ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเจ้าเคยไปยังก้งเฉิง และไม่มีผู้ใดจะสามารถเชื่อมโยงก้งเฉิงกับเรื่องทั้งหมดนี้ได้”
เหยียนหรูอวี้ยังใคร่จะเอ่ยบางสิ่งอีก ทว่าสวี่ส้าวยกมือขึ้นปราม “เอาละ เรื่องนี้พอแค่นี้ เจ้าวางใจและทำตัวเป็นมารดาผู้ให้กำเนิดคุณชายน้อยให้ดี เรื่องอื่น ข้าจะคิดแทนเจ้าเอง”
เมื่อเหยียนหรูอวี้กลับไปยังจวน นางไม่ทานมื้อค่ำ แต่กลับนั่งอยู่ในห้องตำราและยกพู่กันขึ้นมาวาดภาพเสมือน
ไฉ่ฉินยืนฝนหมึกอยู่ข้างนางเงียบๆ
เหยียนหรูอวี้วาดภาพออกมาหลายภาพในคราวเดียว และเป็นภาพเดียวกันเกือบทั้งหมด ในวันธรรมดาไฉ่ฉินไม่ใช่คนช่างจ้อ ทว่ายามนี้นางกลับอดไม่ได้ที่จะเอ่ย “คุณหนู เหตุใดจึงไม่มีใบหน้าหรือเจ้าคะ?”
ในภาพนั้นเป็นด้านหลังเปลือยเปล่าของหญิงสาวที่ยืนอยู่ในอ่างอาบน้ำ ห้อมล้อมด้วยควันของไอน้ำ ใบหน้าของสตรีผู้นี้เห็นเพียงครึ่งหนึ่ง ทว่าไร้ซึ่งเค้าโครงและองคาพยพทั้งห้า มีเพียงเส้นผมดำขลับบนศีรษะที่ตกลงมาปกคลุมถึงกลางแผ่นหลังงดงาม
และด้านล่างขวาของแผ่นหลังงดงามนั้น ใกล้กับรอยยักหล่ม[2] มีปานเขียวเล็กๆ ครึ่งหนึ่งปรากฏอยู่ และอีกครึ่งหนึ่งซ่อนอยู่ใต้เส้นผม
“นี่ใช่คุณหนูรึไม่?” ไฉ่ฉินกล่าวถามอย่างซื่อตรง
เหยียนหรูอวี้หัวเราะเยาะเย้ยตัวเอง “ไม่ใช่ข้า”
ไฉ่ฉินอุทานด้วยความประหลาดใจ “เช่นนั้นจะเป็นผู้ใดได้เล่า?” นางมองไปยังใบหน้าที่ว่างเปล่าอีกครั้ง “เหตุใดจึงไม่วาดใบหน้าเจ้าคะ?”
เหยียนหรูอวี้ตอบเพียงแค่คำถามที่สองของนาง “เพราะนั่นไม่ใช่ใบหน้าของนาง”
เต็มไปด้วยผื่นแดง ดำราวกับโคลน นางเคยคิดว่าหญิงผู้นั้นเกิดมาเป็นเช่นนั้น จนกระทั่งวันหนึ่ง นางได้เห็นความงดงามของสตรีผู้นั้นขณะอาบน้ำโดยบังเอิญ แม้ว่าเห็นเพียงแผ่นหลัง ก็สวยจนทำให้แทบหยุดหายใจ
นางไม่เคยรู้มาก่อนว่าผิวพรรณของคนผู้หนึ่งจะผุดผ่องเป็นยองใยได้ถึงเพียงนี้ เนียนละเอียดราวกับเครื่องเคลือบขาวหรือกระทั่งหยกเนื้อดี สตรีสวยหยาดเยิ้มเช่นนี้ เหตุใดจึงได้มีหน้าตาอัปลักษณ์น่ารังเกียจ?
ไฉ่ฉินไม่เข้าใจสิ่งที่เหยียนหรูอวี้เอ่ย นางอยากเอ่ยถาม ทว่าก็เกรงจะรบกวนเจ้านายของตน
เหยียนหรูอวี้วาดเส้นสุดท้ายจบ ก็วางพู่กันลงแล้วเอ่ยว่า “ข้าก็อยากเห็นเหมือนกันว่านางจะเป็นอย่างไร เสียดายที่ไม่นานก็ถูกคนรับตัวไป หลังจากนั้น นางก็คลอดบุตรออกมา แล้วก็…”
หลังจากนั้นเกิดอันใดขึ้น? ไฉ่ฉินหูผึ่ง
เหยียนหรูอวี้ไม่ได้เล่าไปไกลกว่านี้อีก นางลูบแผ่นหลังงามในภาพวาด และเอ่ยว่า “เตรียมรถม้า ข้าจะไปเยี่ยมคุณชายน้อยที่จวนคุณชาย”
ไฉ่ฉินกล่าวว่า “คุณหนู คุณชายน้อยถูกส่งไปยังจวนสกุลเซียวแล้ว ท่านลืมแล้วหรือ?”
มือของเหยียนหรูอวี้หยุดชะงักและเอ่ยอย่างงุนงง “ใช่แล้ว ข้าลืมไป”
…
“คุณชาย ผู้ที่อยู่ในภาพวาดนั้นเป็นใคร? ใช่มารดาผู้ให้กำเนิดของคุณชายน้อยรึไม่? หน้าตาเป็นเช่นไร? เหตุใดจึงไม่เอาให้ข้าดู?”
อิ่งลิ่วบ่นอย่างไม่พอใจ
พวกเขากลับถึงโรงเตี๊ยมแล้ว ส่วนนายท่านเจิ้ง คุณชายได้ส่งหน่วยกล้าตายสองสามคนไปช่วยบุตรชายของนายท่านเจิ้งแล้ว ในเมื่อเต็มใจจัดการ กล่าวได้ชัดเจนว่าการเดินทางมาในครั้งนี้มีความหมาย ดังนั้นเขาจึงเดาว่าภาพในหนังสือม้วนนั้นต้องเป็นมารดาผู้ให้กำเนิดคุณชายน้อยเป็นแน่!
เพียงแต่ไม่เข้าใจว่า เหตุใดคุณชายจึงไม่ให้พวกเขาดู หรือว่ามารดาผู้ให้กำเนิดของคุณชายน้อยจะอัปลักษณ์เกินกว่าจะให้ผู้อื่นเห็น?
แน่นอนว่าไม่ใช่อัปลักษณ์เกินกว่าจะให้ผู้อื่นเห็น ทว่ามิอาจเปิดเผยให้ผู้อื่นเห็นได้…
เยี่ยนจิ่วเฉาหลับตาลง กดข่มเพลิงโทสะที่กำลังแผดเผากาย “ไม่มีใบหน้าในภาพวาด”
ทว่ามีอย่างอื่น
เยี่ยนจิ่วเฉาให้อิ่งลิ่วเตรียมอุปกรณ์การเขียน เขายกพู่กันขึ้น วาดปานครึ่งหนึ่งและอีกครึ่งหนึ่งที่ถูกบดบังด้วยเส้นผมลงบนกระดาษ เขารู้สึกว่าปานนั้นช่างดูคุ้นเคย ราวกับว่าเขาเคยเห็นที่ไหนสักแห่ง
อิ่งลิ่วและอิ่งสือซันต่างมุงดู
อิ่งลิ่วจ้องมองอยู่ครู่หนึ่ง เขารู้สึกคุ้นเคย ทว่าก็นึกไม่ออก
อิ่งสือซันพลันเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “คุณชาย นี่มัน…เหตุใดจึงดูคล้ายกับสัญลักษณ์ประจำเผ่าที่อยู่บนร่างกายของปี้หนูได้ถึงเพียงนี้?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]