อันที่จริง สิ่งที่เยี่ยนอ๋องเป็นห่วงในตอนนี้ไม่ใช่กองทัพใหญ่ของเผ่าศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกองทัพข้ามเขตแดนมาย่อมต้องมีข่าวคราว ทว่าเพราะเหตุใดพวกเขาใกล้เคลื่อนทัพมาถึงที่นี่แล้ว แต่เยี่ยนอ๋องยังไม่รู้แน่ชัดว่ากำลังพลมีเท่าใด และนั่นทำให้เขาไม่อาจยืนยันจำนวนที่แท้จริงได้
แต่ด้วยวิธีของคนเผ่าศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเลือกที่จะเอาชนะด้วยสติปัญญา และไม่ใช้การโจมตีเป็นวิธีแรก กองทัพของเผ่าศักดิ์สิทธิ์อาจไม่แข็งแกร่งพอที่จะกำราบต้าโจว
นี่ไม่ได้หมายความว่าทั้งสองฝ่ายจะเปิดฉากสู้รบกัน แต่อย่างน้อยเผ่าศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่อาจยอมรับราคาที่ต้องจ่าย ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ยามที่พวกเขากำลังจะเข้ามาในเขตแดนของต้าโจว หรือเข้ามาแล้ว ย่อมต้องปกปิดตัวตนให้ดี ไม่เข้าไปคุกคามหรือเข่นฆ่าชาวบ้าน
แน่นอนว่าทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่กองทัพของเผ่าศักดิ์สิทธิ์พิจารณาตั้งแต่แรกแล้ว เมื่อใดที่ตัวตนของพวกเขาถูกเปิดเผย เยี่ยนอ๋องก็ไม่มั่นใจว่าพวกเขาจะจับราษฎรเป็นตัวประกัน และจะใช้วิธีมัจฉาตายตาข่ายขาด[1]กับทางการของต้าโจวหรือไม่
เพราะฉะนั้น เยี่ยนอ๋องจึงให้อิ่งลิ่วชิงเอาชนะด้วยสติปัญญา เหตุผลที่ปิดเมืองก็ปรับเปลี่ยนไปตามพื้นที่ สรุปแล้วก็คือ พวกเขาต้องทำอย่างสุดความสามารถเพื่อถ่วงเวลากองทัพของเผ่าศักดิ์สิทธิ์ แล้วรอกองทัพของราชสำนักตามไปสมทบ
หลังจากที่อิ่งสือซันนำคำสั่งของเยี่ยนอ๋องไปแจ้งแก่อิ่งลิ่ว อิ่งลิ่วก็หอบตราประทับทั้งหมดออกเดินทางไป
เพื่อความปลอดภัย เยี่ยนอ๋องคัดลอกราชโองการลายพระหัตถ์ของฮ่องเต้ไว้ฉบับหนึ่ง เพราะฉะนั้นหากราชโองการถูกปลอมแปลงออกไป จะไม่มีผู้ใดกล่าวโทษเยี่ยนจิ่วเฉาได้ ต้นฉบับอยู่ที่เยี่ยนจิ่วเฉา บุตรสืบทอดงานของบิดา นับเป็นเรื่องที่สมควรแล้ว
เมื่อมีราชโองการย่อมต้องมีราชลัญจกรหยก เยี่ยนอ๋องมิได้กังวลว่าอิ่งลิ่วจะเผชิญกับเรื่องเหนือความคาดหมาย เมื่อถึงตอนนั้น อิ่งลิ่วก็สามารถนำราชลัญจกรหยกออกมาบังคับใช้ได้
อิ่งลิ่วมักจะเงอะงะกับเรื่องเล็กๆ แต่สำหรับงานใหญ่ เขาไม่เคยผิดพลาด
อิ่งสือซันกลับไปรายงานเยี่ยนอ๋องในห้องหนังสือ เมื่อเห็นว่าเยี่ยนอ๋องยังไม่ลงมือทำอะไร จึงอดสงสัยไม่ได้ “ท่าน
อ๋องกังวลว่าอิ่งลิ่วจะหยุดกองทัพของเผ่าศักดิ์สิทธิ์ไว้ไม่ได้หรือขอรับ?”
เยี่ยนอ๋องกล่าวว่า “ข้าเชื่อว่าอิ่งลิ่วทำได้ อีกทั้งทัพใหญ่เผ่าศักดิ์สิทธิ์ไม่มีทางพบกับอิ่งลิ่วรวดเร็วถึงเพียงนั้น”
อิ่งสือซันถามว่า “เช่นนั้นท่านอ๋อง…กำลังเป็นห่วงคุณชายอยู่หรือขอรับ?”
คุณชายเก็บตัวอยู่หลายวันแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง แม้ว่าชุยเฒ่าจะยืนยันว่ายาถอนพิษนั้นถูกต้อง แต่อิ่งสือซันก็ยังเป็นห่วงคุณชาย
อย่างไรเสียกระบวนการถอนพิษนั้นต้องใช้แรงกายแรงใจเป็นอย่างมาก ต้องละเอียดรอบคอบ เพื่อหาพิษในร่างกายอย่างถ้วนถี่ ไม่อาจทำอย่างขอไปทีได้
เพียงวันสองวันคุณชายอาจทนไหว แต่หากกินเวลาสิบวันถึงครึ่งเดือนเล่า? นานวันเข้า คุณชายจะไม่รำคาญใจแย่หรือ?
เยี่ยนอ๋องส่ายหน้า “ข้าก็เชื่อมันในฉงเอ๋อร์เช่นกัน เขาต้องถอนพิษแล้วกลับออกมาอย่างปลอดภัย”
อิ่งสือซันพยักหน้า แม้ว่าทั่วทั้งใต้หล้าจะคิดว่าคุณชายบ้านเขาไม่เอาไหน แต่เขาติดตามคุณชายมานาน เขาย่อมเข้าใจนิสัยของคุณชายดี ก่อนหน้านี้เขาไม่สนว่าตนเองจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร ทว่าในตอนนี้เขาหวงแหนชีวิตนี้มาก
เขามีคนที่ต้องปกป้อง มีเหตุผลที่ทำให้มีชีวิตอยู่ต่อแล้ว
เยี่ยนอ๋องหยิบสาส์นฉบับหนึ่งขึ้นมา ยังไม่ทันได้เปิดอ่านก็วางกลับลงไป “ข้ากำลังกังวลเรื่องราชาศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าศักดิ์สิทธิ์”
อิ่งสือซันถามด้วยความสงสัยว่า “ราชาศักดิ์สิทธิ์หนีไปแล้วนี่ขอรับ? พลังของเขาไม่มากพอ ทั้งยังมีแผนการอยู่ในใจ คงไม่มาที่นี่ง่ายๆ อีก”
ดูจากสภาพสะบักสะบอมของเขาหลังจากถูกราชาศักดิ์สิทธิ์ตัวน้อยเล่นงาน ไม่ว่าอย่างไรอิ่งสือซันก็ไม่เชื่อว่าเขาจะมารนหาที่ตายเป็นครั้งที่สอง
เยี่ยนอ๋องกล่าวว่า “เจ้าคงไม่รู้…ว่าเผ่าศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้มีราชาศักดิ์สิทธิ์เพียงคนเดียว”
คำพูดนี้ทำให้อิ่งสือซันถึงกับนิ่งไป ท่านอ๋องหมายความว่าอย่างไร เผ่าศักดิ์สิทธิ์ยังมีราชาศักดิ์สิทธิ์คนอื่นอีกหรือ?
เห็นอิ่งสือซันตกใจถึงเพียงนี้ จะว่าไปก็ไม่น่าแปลก ที่จริงแล้วทั้งเผ่าศักดิ์สิทธิ์และเผ่าพ่อมดล้วนเป็นเผ่าโบราณที่แข็งแกร่ง เขามักจะชอบนำเผ่าพ่อมดมาเปรียบเทียบ ทุกวันนี้เผ่าพ่อมดมีราชาพ่อมดเพียงคนเดียว เมื่อมีโจวจิ่นซึ่งเพิ่งบรรลุระดับพลังเพิ่มมาอีกหนึ่งคน จึงนับเป็นสองคน แต่กว่าโจวจิ่นจะบรรลุระดับพลังได้นั้นไม่ง่ายเลย เขามีทั้งสายเลือดของราชาพ่อมดและราชาศักดิ์สิทธิ์ โดยทั่วไปแล้วสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติเช่นนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นได้
และเป็นไปไม่ได้ในเผ่าศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน
เขาจึงคิดว่าเผ่าศักดิ์สิทธิ์มีราชาศักดิ์สิทธิ์เพียงคนเดียวเช่นกัน
แต่ความจริงแล้ว โครงสร้างของเผ่าศักดิ์สิทธิ์นั้นต่างจากเผ่าพ่อมด ในเผ่าพ่อมด ผู้กุมอำนาจสูงสุดนั้นเรียกว่าราชา ส่วนในเผ่าศักดิ์สิทธิ์เรียกว่าจักรพรรดิ โครงสร้างการปกครองของเผ่าศักดิ์สิทธิ์นั้นเข้มงวดและทะเยอทะยานมากกว่าเผ่าพ่อมด
หากไม่ใช่เพราะที่ตั้งของเผ่าพ่อมดไม่มีสิ่งดึงดูดคนเผ่าศักดิ์สิทธิ์ เกรงว่าป่านนี้เผ่าศักดิ์สิทธิ์คงยกทัพไปตีไม่รู้กี่ครั้งแล้ว
ก่อนหน้านี้ที่พวกเขาส่งมารดาของโจวจิ่นไปเป็นสายลับในเผ่าพ่อมด ก็เพราะสภาพแวดล้อมของของเผ่าศักดิ์สิทธิ์ไม่เหมาะสมต่อจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น พวกเขาจึงอยากรู้ว่าที่เผ่าพ่อมดเป็นอย่างไร สุดท้ายแล้ว มารดาของโจวจิ่นรายงานกลับไปว่าเผ่าพ่อมดไม่เหมาะสมยิ่งกว่าเสียอีก
ดังนั้นเผ่าศักดิ์สิทธิ์จึงล้มเลิกแผนการเปิดศึกกับเผ่าพ่อมด หลังจากนั้นหลายปี เผ่าศักดิ์สิทธิ์จึงจะรู้เรื่องของโจวจิ่น
เยี่ยนอ๋องกล่าวว่า “ข้าก็เพิ่งรู้เรื่องนี้หลังจากวันที่สอบสวนนักโทษ เผ่าศักดิ์สิทธิ์มีราชาศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดห้าคน แม่ของโจวจิ่นเป็นราชาศักดิ์สิทธิ์ซึ่งอายุน้อยที่สุด นางไม่อยู่แล้วจึงไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึง ตอนนี้เหลือราชาศักดิ์สิทธิ์ทิศบูรพา ทิษประจิม ทิศทักษิณ และทิศอุดร ผู้ที่บุกมาวันนี้คงจะเป็นราชาศักดิ์สิทธิ์ทิศบูรพา”
อิ่งสือซันหายใจเข้าเฮือกหนึ่งด้วยความตกใจ “เช่นนั้นก็หมายความว่า…ราชาศักดิ์สิทธิ์อีกสามคนก็แข็งแกร่งใกล้เคียงกับเขาหรือขอรับ?”
น่ากลัวเหลือเกิน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]