เมืองหลวงในช่วงบ่าย ลมเย็นอากาศแจ่มใส ในเรือนลับหลังหนึ่งด้านนอกตลาด ราชาศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ก็มารวมตัวกันในโถงกลางของเรือน
ชายสวมผ้าคลุมเป็นที่เคารพในจวนรัชทายาท แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าราชาศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ ฐานะของเขาไม่นับว่าโดดเด่น เขาทำได้เพียงเฝ้าอยู่หน้าประตูอย่างว่าง่าย
บนโต๊ะสี่เหลี่ยม ทั้งสี่คนนั่งอยู่ประจำทิศตามชื่อของตน
ราชาศักดิ์สิทธิ์บูรพามีสีหน้าเคร่งขรึม สายตาจับจ้องไปยังถ้วยชาร้อน สายตาของราชาศักดิ์สิทธิ์อีกสามคนมองไปยังศีรษะโล้นและคิ้วซึ่งไม่เหลือแม้แต่ขนเส้นเดียวของราชาศักดิ์สิทธิ์บูรพา
เดิมทีราชาศักดิ์สิทธิ์บูรพายังคงเยือกเย็น ทว่าถูกจ้องเป็นเวลานานเกินไป คนโง่ยังรู้เลยว่าพวกเจ้ามองหัวล้านข้า!
“พวกเจ้าเป็นอะไรกัน จะคุยเรื่องสำคัญไม่ใช่หรือ? อากาศร้อน ข้าจึงโกนผมไม่ได้หรืออย่างไร?” ราชาศักดิ์สิทธิ์บูรพาพูดอย่างไม่สบอารมณ์
ทั้งสามคนมีสายตาล้ำลึกมีเลศนัย
ตอนที่หัวขโมยหญิงนั่นสร้างหายนะให้แก่เผ่า ราชาศักดิ์สิทธิ์บูรพายังเยาว์วัยนัก ระดับพลังของเขายังไม่ถึงครึ่งราชาศักดิ์สิทธิ์เสียด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นจึงรอดจากเหตุการณ์นี้มาได้ กล่าวโดยสังเขปก็คือคุณสมบัติของเขาไม่มากพอ ไม่อยู่ในสายตาของสตรีคนนั้น นางคร้านที่จะกล้อนผมเขา ทว่าราชาศักดิ์สิทธิ์อุดร ทักษิณ และประจิมต่างถูกนางลงมืออย่างโหดเหี้ยม
เรื่องนี้ทำให้ราชาศักดิ์สิทธิ์บูรพาหัวเราะเยาะพวกเขามานานหลายปี บัดนี้ถึงคราวของพวกเขาแล้ว
ราชาศักดิ์สิทธิ์ประจิมกล่าวว่า “เหอะๆๆ ได้ยินผู้พิทักษ์ผู่บอกว่าอีกฝ่ายเป็นราชาศักดิ์สิทธิ์ซึ่งอายุเพียงสามขวบ”
หัวเราะเยาะว่าพวกเขาไร้ความสามารถ ถูกหัวขโมยกล้อนผม แต่ดูตนเอง สภาพย่ำแย่น้อยกว่าพวกเขาเสียที่ไหน? พวกเขายังถูกหัวขโมยกล้อนผม แต่ราชาศักดิ์สิทธิ์บูรพากลับเด็กกล้อนผม
เป็นอย่างไร ตื่นเต้นไหม? ตกใจไหมเล่า?
“เก่งจริงพวกเจ้าก็ไปเองสิ! ข้าจะคอยดูว่าเจ้าจะรับได้กี่กระบวนท่า!” ราชาศักดิ์สิทธิ์บูรพาพูดด้วยความเดือดดาล
นี่เป็นความอัปยศครั้งใหญ่ในชีวิตของเขา เดิมทีคิดว่าด้วยพลังของตน ต่อให้สู้เจ้าเด็กนั่นไม่ได้ ก็ไม่มีทางปล่อยให้ตนเองถูกทำร้าย ไหนเลยจะรู้ว่ากลับถูกเจ้าเด็กนั่นใช้พลังโกนผมของเขาจนเกลี้ยง!
ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายโกนออกไปตั้งแต่เมื่อใด อีกทั้งยังไม่ได้โกนภายในครั้งเดียว เขาเดินโต้ลมมาตั้งนาน กว่าผมจะร่วงก็ตอนที่เขาถึงเรือนแล้ว
เหตุการณ์ในครั้งนี้ แม้แต่หวนนึกถึงยังรู้สึกอับอาย!
เดิมทีคิดว่าจะใช้ยาปลูกผม แต่ราชาศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามมาถึงก่อนที่ผมของเขาจะขึ้น ใครจะไปคิดว่าจะมาเร็วถึงเพียงนี้?
หากคนอื่นหยอกล้อเขา เขาคงฆ่าคนพวกนั้นตายไปแล้ว แต่ราชาศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามอยู่ระดับเดียวกับเขา หรืออาจระดับสูงกว่าเขาด้วยซ้ำไป จะให้เขาจัดการพวกเขาน่ะหรือ? คงจะยาก!
นอกจากนั้นแล้ว ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของเขา ก่อนหน้านี้ทั้งสามคนถูกกล้อนผม ก็ถูกเขาหัวเราะเยาะอยู่หลายปี ครานี้คราวเคราะห์มาถึงเขาแล้ว เขาจึงถูกเล่นงานบ้าง
ในบรรดาราชาศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่คน ราชาศักดิ์สิทธิ์บูรพามีพลังระดับกลาง นับว่าอ่อนแอที่สุดที่สุด ราชาศักดิ์สิทธิ์ประจิมและราชาศักดิ์สิทธิ์อุดรเป็นราชาศักดิ์สิทธิ์ระดับสูง พลังใกล้เคียงกัน ส่วนราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณออกจะเก่งกาจเกินมนุษ์สักหน่อย เขาเป็นราชาศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสุด แม้แต่ราชาศักดิ์สิทธิ์บูรพาก็ไม่อาจประเมินพลังของเขาได้
ในเผ่าศักดิ์สิทธิ์ สายเลือดของสตรีศักดิ์สิทธิ์จะไม่ถ่ายทอดไปยังบุรุษ แต่สำหรับราชาศักดิ์สิทธิ์กลับไม่มีกฎเช่นนี้ เพียงแต่ว่า ไม่ใช่ราชาศักดิ์สิทธิ์ทุกคนที่จะตั้งครรภ์ทายาทที่มีพลังแข็งแกร่ง บางครั้งก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตา ตัวอย่างเช่นโจวจิ่น เขากับเยี่ยยางเป็นลูกของราชาพ่อมดเหมือนกัน แต่เยี่ยยางกลับเป็นคนธรรมดา ถึงแม้จะมีสายเลือดของราชาพ่อมด ทว่าแล้วโจวจิ่นก็ไม่ได้รับการถ่ายทอดสายเลือดราชาศักดิ์สิทธิ์จากมารดา
ราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณถือกำเนิดจากสายเลือดของราชาศักดิ์สิทธิ์สามส่วน จึงไม่ต่างอะไรกับครึ่งราชาศักดิ์สิทธิ์ กอปรกับความพากเพียร จึงทำให้เขากลายเป็นราชาศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งได้อย่างง่ายดาย
แต่ว่าหากกล่าวโดยรวมแล้ว ตลอดเวลานับพันปีของการสืบทอดเชื้อสาย แม้ว่าคนเผ่าศักดิ์สิทธิ์จะไม่ได้รับการสืบทอดพลังจากราชาศักดิ์สิทธิ์หรือสตรีศักดิ์สิทธิ์มา แต่คุณสมบัติของพวกเขาก็นับกว่าแข็งแกร่งกว่าคนนอกเผ่ามาก กองทัพเผ่าศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาสามารถสู้กับศัตรูได้ถึงหนึ่งต่อสิบ บางครั้งก็หนึ่งต่อร้อย!
“เอาละ อย่าทะเลาะกันเองเลย” ราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณเอ่ยปาก “คิดกันก่อนเถิดว่าจัดการคนต้าโจวพวกนั้นอย่างไร ต้องนำไข่มุกวิญญาณกลับมาให้ได้ ทางเข้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ต้องตามหา ส่วนราชาศักดิ์สิทธิ์เด็กนั่น ทุกคนก็อย่าเพิ่งชะล่าใจ”
ราชาศักดิ์สิทธิ์ที่เหลืออยู่ก็มีไม่มากที่เกิดจากสายเลือด ส่วนใหญ่มาจากความพยายาม ราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณได้ลิ้มลองความหอมหวานของการมีสายเลือดราชาศักดิ์สิทธิ์โดยกำเนิด เรียนรู้สิ่งใดก็รวดเร็วกว่าผู้อื่น ในระยะเวลาเท่ากัน พลังภายในของเขากลับเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ดังนั้นเขาจึงเป็นผู้ที่เชื่อในพรสรรค์โดยกำเนิด
อายุเพียงสามขวบก็เป็นราชาศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่าจะด้วยไข่มุกวิญญาณหรือไม่ เด็กคนนี้ก็มีพรสวรรค์ที่คนทั่วไปไม่อาจเทียบเทียมได้
ราชาศักดิ์สิทธิ์อุดรเป็นผู้ที่อารมณ์ร้อนที่สุดในบรรดาทั้งสี่คน เขาเอ่ยขึ้นด้วยความรังเกียจ “หึ! พวกเจ้าขลาดกลัวกันเกินไป! กลัวเจ้าหัวขโมยนั่นจนเข้ากระดูกดำ! ในตอนนั้นเป็นเพราะพวกเราประมาทศัตรูเกินไป หัวขโมยนั่นแสร้งทำเป็นป่วยกระเสาะกระแสะ ใครจะไปคิดเล่าว่ามีวรยุทธ์ ถ้าพวกเราระมัดระวังมากกว่านี้ ก็คงไม่เสียรู้นาง!”
ราชาศักดิ์สิทธิ์ประจิมเป็นผู้สนับสนุนของราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณ ราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณทำอะไรก็ถูกไปเสียทุกอย่าง แม้แต่ผายลมก็ยังหอม หากกล้ามีเรื่องกับราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณของนาง ก็เท่ากับเป็นอริกับนางด้วย!
ราชาศักดิ์สิทธิ์ประจิมพูดด้วยโทสะว่า “เจ้ายังกล้าพูดอีกหรือว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพราะไม่ระวัง ตอนนี้เจ้ากลับไม่เห็นอีกฝ่ายอยู่ในสายตา เจ้าอยากจะให้หายนะเกิดขึ้นซ้ำรอยรึ?”
ราชาศักดิ์สิทธิ์อุดรตบโต๊ะ “หากเจ้ากลัวนักก็รออยู่ที่นี่! ข้าไปเอง!”
ราชาศักดิ์สิทธิ์ประจิมตอบด้วยเสียงเย็นเยียบ “ได้เลย ถ้าไม่กลัวตายเจ้าก็ไปเองแล้วกัน!”
“ไปก็ไปสิ!”
“เดี๋ยวๆๆ” ราชาศักดิ์สิทธิ์บูรพาอยากจะบอกให้พวกเขาเลิกทะเลาะกันก่อน แต่ไม่มีผู้ใดฟังเขา
ราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณจึงใช้พลังหยุดทั้งสองไว้
เขาบอกว่า “กองทัพใหญ่กำลังเดินทางเข้ามาใกล้ชายแดนต้าโจวแล้ว แต่กว่าจะเดินทางมาถึงเมืองหลวงก็คงยากสักหน่อย ผู้ที่พึ่งพาได้อย่างรัชทายาทก็ใช้การไม่ได้แล้ว พวกเราต้องหาหนังสือผ่านทางโดยเร็วที่สุด”
ราชาศักดิ์สิทธิ์ประจิมเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานว่า “ราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณมีแผนการอย่างไรหรือ”
ราชาศักดิ์สิทธิ์อุดรกลอกตา
ราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณตอบว่า “ฮ่องเต้ของต้าโจวล้มป่วย อำนาจทั้งหมดในตอนนี้อยู่ในมือของอ๋องผู้สำเร็จราชการและเยี่ยนอ๋อง ทั้งสองเป็นคนจวนคุณชาย ขอเพียงควบคุมจวนคุณชายได้ ก็จะสามารถกุมชะตาของต้าโจวไว้ได้”
เป้าหมายของราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณนั้นแน่วแน่และทะเยอทะยานยิ่งกว่าราชาศักดิ์สิทธิ์บูรพา เขาไม่เพียงต้องการช่วงชิงไข่มุกวิญญาณคืนมา แต่ยังต้องการควบคุมราชาศักดิ์สิทธิ์น้อยและจวนคุณชายอีกด้วย เขาเชื่อว่าพวกเขามีศักยภาพมากพอ
ราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “ศัตรูอยู่ตรงหน้า ละทิ้งความแค้นส่วนตัวไว้ไปก่อน คืนนี้พวกเจ้าไปกับข้า เราจะเปิดฉากสังหารกันให้สนุก!”
ราชาศักดิ์สิทธิ์อุดรถลึงตาใส่ “ไม่ดีกระมัง? พวกเราไปพร้อมกันสี่…คน? ไม่น่าขายหน้าไปหน่อยหรือ? ข้าว่าไปทีละคนก็ยังได้ ลำพังข้าคนเดียวก็พอแล้ว หากยังไม่วางใจ จะให้ข้าไปกับราชาศักดิ์สิทธิ์ประจิมก็ได้ ราชาศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสองคน สังหารเจ้าตัวจิ๋วนั่นได้อย่างแน่นอน!”
“ใครอยากไปกับเจ้ากัน!” ราชาศักดิ์สิทธิ์ประจิมกลอกตา แล้วขยับเข้าหาราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณ สำหรับนางแล้ว ราชาศักดิ์สิทธิ์ก็คือบุรุษในฝัน ทั้งหล่อเหลาทั้งเก่งกาจ อันที่จริงราชาศักดิ์สิทธิ์อุดรก็มิได้นับว่าแย่ แต่เมื่อเทียบกับราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณแล้ว เขายังห่างไกลราวกับถูกสะบัดกระเด็นไปอยู่อีกหัวถนน
ราชาศักดิ์สิทธิ์อุดรเป็นคนมุทะลุ ทั้งยังไว้หนวดไว้เครารุงรัง
ราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณนั้นสง่างาม ทั้งยังรูปงามเหนือปุถุชน
ราชาศักดิ์สิทธิ์ประจิมเห็นเขาครั้งแรก ก็แทบอยากจะแต่งงานกับเขาเดี๋ยวนั้น!
ราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณใช้พลังลากฉากกั้นเข้ามากำบังสายตาอันเร่าร้อนของราชาศักดิ์สิทธิ์ประจิม เขาลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ไปเตรียมตัวเถิด หลังจากนี้สามชั่วยาม เราจะออกเดินทาง!”
……
แม้ว่าเยี่ยนอ๋องจะรอบคอบ แต่เขาก็ไม่คิดว่าราชาศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นจะมาถึงเร็วเช่นนี้ เขากำลังดูแผนที่ยุทธศาสตร์ทางการทหารของเมืองหลวงอยู่ในห้องหนังสือ ทันใดนั้นลุงวั่นก็มารายงานว่า “ท่านอ๋อง แม้ทัพใหญ่เซียวมาขอรับ”
“เขามาทำไม” เยี่ยนอ๋องเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ลุงวั่นตอบว่า “แม่ทัพใหญ่เซียวมาเยี่ยมคุณหนูเล็กขอรับ”
“เขามาคนเดียวหรือ?” เยี่ยนอ๋องถาม
ลุงวั่นเข้าใจผิด คิดว่าเยี่ยนอ๋องคิดว่าเซียวเจิ้นถิงพาลูกมาให้เขาปลอบ จึงรีบอธิบายว่า “ขอรับ ครั้งนี้ไม่ได้พาคุณชายน้อยมาด้วย”
เยี่ยนอ๋องหลุบตา ดวงตาของเขาระคนความผิดหวัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]