หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3] นิยาย บท 61

ก่อนหน้านี้ เยี่ยนอ๋องใช้เวลากับพวกเขาไปมาก เช่นนั้นใกล้จะครบเวลาแล้ว เยี่ยนอ๋องจะไม่ร้อนรนก็คงไม่สมเหตุสมผล เช่นนั้นความเป็นไปได้เดียวที่มีก็คือหนึ่งในพวกเขา ต้องมีใครสักคนสารภาพไปแล้ว! เยี่ยนอ๋องได้ข้อมูลไปแล้ว!

“มีอะไรหรือ” องครักษ์คนหนึ่งเข้ามาถาม

ราชาศักดิ์สิทธิ์บูรพาถามว่า “เยี่ยนอ๋องไปไหนแล้วละ”

องครักษ์ถามกลับว่า “ข้าก็เฝ้าเจ้าอยู่ที่นี่ จะไปรู้ได้อย่างไร!”

ราชาศักดิ์สิทธิ์บูรพาขมวดคิ้ว “เมื่อครู่…หลังจากที่พวกข้าถูกพาตัวออกมา เจ้าเห็นเยี่ยนอ๋องออกไปไหนหรือไม่?”

องครักษ์ครุ่นคิด “อ้อ เมื่อครู่น่ะหรือ เหมือนว่า…จะไปหาราชาศักดิ์สิทธิ์ประจิม”

ราชา! ศักดิ์! สิทธิ์! ประ! จิม! เจ้าบ้า!

ทันทีที่เห็นเยี่ยนอ๋อง นางก็ละสายตาจากเขาไม่ได้ ถ้าหากเยี่ยนอ๋องไปหานางจริง นางจะทนความลุ่มหลงของตนเองที่มีต่อรูปร่างหน้าตาของเยี่ยนอ๋องได้หรือ?

เหยี่ยนอ๋องเจ้าเล่ห์เพทุบาย ใช้ความงามของตนเพื่อล้วงข้อมูล!

ถ้าหากเยี่ยนอ๋องทำให้ราชาศักดิ์สิทธิ์ประจิมปริปากพูดออกมาจริง เช่นนัันความเป็นไปได้ที่ข้อมูลจะถูกเปิดเผยก็มีมาก

“คนอื่นสารภาพออกมาแล้วหรือยัง?” ในตอนนั้นราชาศักดิ์สิทธิ์บูรพามั่นใจว่าราชาศักดิ์สิทธิ์ประจิมพูดออกมาแล้ว

องครักษ์ตอบว่า “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ข้าไม่ได้ถาม”

ตามเงื่อนไขของเยี่ยนอ๋อง ภายในระยะเวลาหนึ่งชั่วยามถ้าหากทั้งสามคนสารภาพแล้ว มีเพียงเขาที่ไม่สารภาพ เขาก็จะถูกขังไว้ในจวนคุณชายตลอดไป ถ้าหากสารภาพครบทั้งสี่คน อย่างน้อยพวกเขาทั้งสี่ก็จะได้รับการปล่อยตัวออกไป

แน่นอน เขาไม่ได้มั่นใจว่าราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณกับราชาศักดิ์สิทธิ์อุดรจะสารภาพ แต่ถ้าหากพวกเขาสารภาพไปแล้วเล่า? จะไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นเจ้างั่งคนนั้นหรอกหรือ?

ความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน ใช้ไม่ได้ยามถูกขังอยู่ในคุก

ยามที่เม็ดทรายกลุ่มสุดท้ายกำลังจะไหลลงมา ราชาศักดิ์สิทธิ์บูรพาก็เอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าซีดเผือด “ข้าสารภาพแล้ว! ข้าจะสารภาพแล้ว!”

เขาไม่ได้คิดจะทรยศ แต่ในยามนี้เยี่ยนอ๋องยังไม่ส่งคนมาสอบสวน ส่งคนมามอบยาให้ หรือปล่อยพวกเขาออกไป เห็นได้ชัดว่าต้องมีอย่างน้อยหนึ่งคนที่สารภาพไปแล้ว อย่างมากก็คือทั้งสามคนสารภาพไปแล้ว เหลือเขาเพียงคนเดียว

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาอมพะนำต่อไปจะมีประโยชน์อันใด ข้อมูลที่เยี่ยนอ๋องควรได้ เขาก็ได้ไปแล้ว ที่เขาสารภาพ ก็เพียงเพื่อให้พวกเขาทั้งสี่คนได้ออกไปพร้อมกันก็เท่านั้น

ยามที่ราชาศักดิ์สิทธิ์บูรพาถูกส่งออกนอกเมืองหลวงด้วยรถม้ามืดสนิท ราชาศักดิ์สิทธิ์อีกสามคนที่เหลือรอเขาอยู่ที่นั่นแล้ว

ก่อนหน้านี้พูดเสียดิบดี ว่าทั้งสี่คนจะไม่สารภาพ ทั้งสี่คนจะได้ไม่เพียงถูกปล่อยตัวออกมา แต่ยังจะได้พลังยุทธ์อีกสิบห้าปีด้วย ทว่าความจริงกลับตรงกันข้าม พวกเขาทุกคนสารภาพออกมา แม้ว่าจะได้รับการปล่อยตัว แต่ก็ไม่มีพลังยุทธ์กลับคืนมา

ทั้งสี่คนมองหน้ากัน และเห็นว่าต่างคนต่างออกมามือเปล่า ก็รู้ในทันใดว่าพวกเขาล้วนสารภาพออกมา

ความไว้เนื้อเชื่อใจยังมีอยู่ไหม

น่ากระอักกระอ่วนใจเป็นที่สุด!

สิ่งที่น่ากระอักกระอ่วนใจยิ่งกว่าก็คือ พวกเขาทุกคนล้วนแต่คิดว่าราชาศักดิ์สิทธิ์ประจิมจะสารภาพออกมาคนแรก ทั้งที่ความจริงแล้วราชาศักดิ์สิทธิ์ประจิมสารภาพออกมาเป็นคนสุดท้าย

เยี่ยนอ๋องไม่ได้บอกเองหรือว่าถ้าหากสามคนสารภาพ แต่คนสุดท้ายไม่สารภาพ ก็ต้องอยู่ที่จวนคุณชายตลอดไป นางอยากอยู่กับเยี่ยนอ๋องนี่! จะสารภาพทำไมเล่า!

แต่ในวินาทีสุดท้าย องครักษ์เข้ามาบอกนางว่า “เยี่ยนอ๋องกลับเมื่องเยี่ยนไปแล้ว ไม่ได้กลับมาจวนคุณชายแล้ว”

แล้วนางจะอยู่ไปทำไมเล่า!

นางจึงรีบสารภาพออกมา!

“เยี่ยนอ๋อง…ได้ไปหาเจ้าไหม?” ราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณถามราชาศักดิ์สิทธิ์ประจิม

“เปล่านี่” ราชาศักดิ์สิทธิ์ประจิมส่ายหน้า

ราชาศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นบุรุษทั้งสามคนได้ยินว่าเยี่ยนอ๋องไปหาราชาศักดิ์สิทธิ์ประจิม จึงกังวลว่าราชาศักดิ์สิทธิ์ประจิมจะเป็นคนแรกที่สารภาพ สรุปแล้วเยี่ยนอ๋องปั่นหัวพวกเขาหรอกหรือ?

ทุกคนล้วนแต่กัดฟันกรอด “ถูกหลอกเสียแล้ว!”

ด้านแผนการ หากเยี่ยนอ๋องบอกว่าตนเองเป็นที่สอง ก็คงไม่มีผู้ใดกล้าเป็นที่หนึ่งแล้ว

เพียงแต่น่าเสียดาย พวกเขาถูกเยี่ยนอ๋องปั่นหัวแล้วอย่างไร พวกเขาไม่อาจหลบหนีออกมาจากคุกได้ง่ายๆ พวกเขากล้าแหกคุกหนีออกมาหรือ? คิดว่าพวกเขาไม่กลัวถูกเจ้าหัวขโมยนั่นจับฟาดจนแบนเป็นแผ่นแป้งหรือ?

“คนต้าโจวหน้าเนื้อใจเสือ!” ราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณเดือดดาล

ราชาศักดิ์สิทธิ์ประจิมคิดว่า เมื่อก่อนนางชอบคนมีวรยุทธ์เก่งกาจ ทว่าตอนนี้ นางชอบคนมีสมองแล้ว

……

เรื่องของราชาศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ไม่อาจปิดบังจวนรัชทายาทได้ จวินฉางอันก็ได้ข่าวส่วนหนึ่งจากอิ่งสือซันแล้ว เขารีบไปรายงานเยี่ยนไหวจิ่งในทันที “…ตอนนี้พวกเราไม่ต้องกังวลเรื่องกองทัพของเผ่าศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป พวกเขาจับราชาศักดิ์สิทธิ์ได้สี่คน และสอบสวนเรื่องตำแหน่งของกองทัพมาแล้ว”

เยี่ยนไหวจิ่งอ้าปากค้าง

หลายวันมานี้เขารวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเผ่าศักดิ์สิทธิ์ เขาอ่านตำราและบันทึกทั้งหมด ทั้งยังให้จวินฉางอันไปสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับเผ่าศักดิ์สิทธิ์จากอิ่งสือซันมาอีกไม่น้อย เขาย่อมรู้ว่าราชาศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างไร

แข็งแกร่ง น่ากลัว และไร้พ่าย!

แต่จวนคุณชายกลับไม่เพียงจับได้ แต่ยังจับได้ถึงสี่คน?

นี่มัน…อะไรกัน

“ใครเป็นคนจับหรือ” เยี่ยนไหวจิ่งถาม

จวินฉางอันตอบว่า “ข้าก็ไม่กระจ่าง อิ่งสือซันไม่ได้บอกอะไรมาก แต่ข้าคิดว่า พวกเขาต้องมียอดฝีมือลับอะไรสักอย่างเป็นแน่! ส่วนเรื่องการสอบสวน ข้าคิดว่าคงจะเป็นเยี่ยนอ๋อง”

ต่อสู้เป็นงานที่ใช้กำลัง สอบสวนเป็นงานที่ใช้สมอง งานแรกเยี่ยนไหวจิ่งไม่มั่นใจว่าใครทำ แต่สิ่งที่เขามั่นใจก็คือ บนโลกนี้ ถ้าหากมีใครสักคนที่สามารถทำให้ราชาศักดิ์สิทธิ์ยอมสัมผัสได้ถึงความต่างชั้นของตนกับเยี่ยนจิ่วเฉา ที่แท้ตนเองก็ถูกโชคชะตากำหนดมาให้แพ้ตั้งแต่แรกแล้ว ไม่ต้องถึงกับเปรียบเทียบตนเองกับเยี่ยนจิ่วเฉา แค่เปรียบเทียบบิดาของทั้งสอง เขาก็พ่ายแพ้ราบคาบแล้ว

ในตอนนั้น เยี่ยนอ๋องไม่ต้องการบัลลังก์ฮ่องเต้แห่งต้าโจวกระมัง ไม่เช่นนั้นจะมีเรื่องอะไรกับเสด็จพ่อของเขา

ด้วยความปราดเปรื่องของเยี่ยนอ๋อง สามารถทวงความยุติธรรมและล้างมลทินให้ตนเองได้อย่างง่ายดาย จากนั้นค่อยขึ้นครองบัลลังก์ฮ่องเต้

เสด็จพ่อของเขาเป็นฮ่องเต้ที่ดี เพียงแต่หากเทียบกันเรื่องกุศโลบาย ก็ยังนับว่าห่างไกลกับเยี่ยนอ๋องอยู่มาก

ทันใดนั้นเยี่ยนไหวจิ่งก็ทรุดลงบนเก้าอี้ด้วยความท้อแท้ “ฉางอัน เจ้าว่า…ข้าคิดผิดไหม…ที่ร่วมมือกับจวน

คุณชาย บางทีสิ่งที่น่ากลัวที่สุดของแผ่นดินต้าโจวอาจไม่ใช่เผ่าศักดิ์สิทธิ์ หากแต่เป็นจวนคุณชาย”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]