ที่โรงฝึกงานอวี๋หวั่นเข้าไปดูแลด้วยตนเองทุกวัน แม้งานมากแต่ไม่ยุ่งเหยิง เดิมทีการบุกเบิกพื้นที่รกร้างในภูเขาด้านหลังอยู่ภายใต้การดูแลของซวนจื่อ แต่ตอนนี้เป็นอวี๋เซ่าชิง ซวนจื่อไม่อาจจับโจรขโมยม้าได้ ถูกปั่นหัว ล้มจนใบหน้าปูดบวมฟกช้ำ อวี๋เซ่าชิงขึ้นเขาไปจัดการสั่งสอน โจรขโมยม้าก็กลายเป็นคนซื่อสัตย์ในทันที
ในวันนี้ เถี่ยตั้นน้อยกับนางเจียงไม่อิดออดนอนอยู่บนเตียง ครอบครัวทั้งสี่คนนั่งทานอาหารเช้าอยู่ในห้องโถง
อวี๋เซ่าชิงทำโจ๊กมันเทศ นึ่งอัวอัวโถวแป้งข้าวโพด นึ่งไข่ตุ๋นให้สองพี่น้องอีกคนละชาม และต้มชาขิงน้ำตาลทรายแดงให้นางเจียง
อวี๋หวั่นมองชาขิงน้ำตาลทรายแดงที่หวานเลี่ยน พลันเอ่ยในใจว่า ไม่แปลกที่ช่วงนี้ท่านแม่ไม่ได้นอนอิดออดอยู่บนเตียง มีชีวิตครอบครัวเล็กๆ แล้ว นางไม่อาจทำเรื่องน่าอับอายได้อีก
อืม จริงๆ แล้วเธอก็อยากมีน้องสาวนะ
“อาหวั่น ใกล้สิ้นเดือนแล้ว” อวี๋เซ่าชิงเหลือบมองรองเท้าที่อยู่ใต้เท้า ทว่าไม่เอ่ยสิ่งใดลึกซึ้ง
อวี๋หวั่นง่วนกับการกินไข่ตุ๋น โดยไม่ได้สังเกตเห็นแววตาของบิดา ทว่าดูเหมือนในคำพูดของเขาจะมีบางอย่าง…
อวี๋หวั่นพลันนึกออก เธอเช็ดปากแล้วเอ่ยว่า “ท่านพ่อไม่ต้องห่วง ข้าจำได้!”
ไม่ใช่ว่าต้องให้ยาถอนพิษกับเจ้าคนพวกนั้นหรือ?
แท้จริงแล้วจะมียาถอนพิษได้อย่างไร? ทั้งหมดเป็นเพียงคำพูดโกหกของอาจารย์เป้า มันไม่ใช่ยาพิษขาดใจในเจ็ดวัน แต่เป็นแค่ยาพิษระยะสั้นที่ทำจากโหราเดือยไก่จำนวนเล็กน้อยเท่านั้น แม้ไม่ทานยาถอนพิษ ก็สามารถหายจากอาการอาเจียนและท้องร่วงได้ภายในหนึ่งหรือสองวัน
แน่นอนว่าเพื่อจะทำให้คนพวกนั้นเชื่อฟัง ปู่เป้ายังคงแสร้งเป็นทำยาไว้สองสามขวด
อวี๋หวั่นพยักหน้า “ถึงวันสิ้นเดือน ข้าจะมอบให้ท่านพ่อ”
อวี๋เซ่าชิงตื่นเต้นจนตัวแทบลอย
เมื่อเห็นท่านพ่อของตนดูมีความสุขจนแทบจะเวียนหัว เถี่ยตั้นน้อยก็รู้สึกเจ็บปวด ชุดกระโปรงสีแดงเพียงตัวเดียวมิใช่หรือ? กลับดีใจเพียงนี้!
รู้สึกเศร้าแทนท่านแม่ของเขาจริงๆ
ท่านแม่คงไม่รู้ว่าผู้ชายของตนมีความชอบแปลกๆ เช่นนี้เป็นแน่
ดังนั้นคุณผู้หญิงทั้งหลาย ก่อนแต่งงานต้องดูให้ดีๆ เพราะเจ้าไม่มีทางรู้เลยว่าผู้ชายที่แต่งงานด้วยมีกี่ด้าน
เถี่ยตั้นน้อยทอดถอนใจอย่างหมดอาลัย ก้มหน้ากินไข่ตุ๋นต่อไป
แต่อย่างไรไข่ตุ๋นที่ผู้ชายคนนี้ทำก็รสชาติไม่เลว
“ท่านพ่อ” หลังทานอาหารเสร็จ อวี๋หวั่นก็พูดคุยเกี่ยวเรื่องภูเขากับอวี๋เซ่าชิง “ท่านพ่อคิดว่าภูเขาลูกนั้นเป็นอย่างไร?”
หมู่บ้านเหลียนฮวามีภูเขาล้อมรอบทั้งสามด้าน อวี๋หวั่นเลือกบุกเบิกพื้นที่รกร้างทางด้านตะวันออกของภูเขา และในวันธรรมดาเธอก็ไปเก็บผักขมป่าและขุดหน่อไม้ทางทิศใต้ของภูเขา
ก่อนอวี๋เซ่าชิงจะไปเข้าร่วมกองทัพ เขาเคยปลูกแปลงผักกับครอบครัว หากเอ่ยตามตรง เขาไม่คิดว่าดินบนยอดเขาจะอุดมสมบูรณ์มากนัก ด้านล่างก็ดูไม่ต่างกัน ยิ่งขึ้นไปสูงมากเท่าไหร่ ดินก็ยิ่งแห้งแล้ง ทว่าเขาไม่อาจทำลายขวัญกำลังใจของบุตรสาวได้ จึงเอ่ยว่า “หลังจากถางป่าแล้ว อาหวั่นคิดจะปลูกสิ่งใด?”
“ผลไม้ องุ่น ใบชา ปลูกได้หมด ดีที่สุดคือเปิดไร่ยาอีกผืนเจ้าค่ะ” อวี๋หวั่นเอ่ยอย่างมุ่งมาดปรารถนา
เจ้าไม่รู้สึกเลยหรือว่าดินตรงนั้นมันแห้งแล้งมาก…อวี๋เซ่าชิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เขาเป็นบิดาผู้แสนดีที่รักบุตรสาวยิ่ง
“ท่านพ่อว่าดีหรือไม่?” อวี๋หวั่นถามด้วยรอยยิ้ม
อวี๋เซ่าชิงกล่าว “…ดี ดีมาก”
อย่างไรก็ไม่ใช่ที่ดินของครอบครัวเรา ถึงตอนนั้นแบ่งสันปันส่วนกับคู่แต่งงานทั้งหลาย ก็คงจะเหลือไม่มาก ยิ่งไปกว่านั้น ในสถานการณ์ที่ไร้ทุ่งนา การมีเนินเขาแห้งแล้งให้เพาะปลูกก็นับว่ายังมีประโยชน์กว่า
อวี๋หวั่นเอ่ยด้วยหมายจะรีบคว้าโอกาส “ในเมื่อท่านพ่อกล่าวเช่นนี้ เราก็ไปซื้อยอดเขานั่นกันเถิด!”
อวี๋เซ่าชิงแทบสำลัก
บุตรสาวว่าอย่างไรนะ?
ซื้อยอดเขา? ยอดเขาพังๆ นั่นน่ะรึ?
อวี๋เซ่าชิงกระแอมในลำคอและเอ่ยเสียงขรึม “เรื่องใหญ่เช่นนี้ ปรึกษากับลุงใหญ่ก่อนดีหรือไม่?”
อวี๋หวั่นกล่าว “ข้าถามลุงใหญ่มาแล้ว ลุงใหญ่บอกว่าเขาฟังท่านพ่อ!”
พี่ใหญ่เป็นชาวนามาครึ่งชีวิต จะดูไม่ออกหรือว่ายอดเขานั้นต้องปรับปรุงอย่างน้อยสามถึงห้าปีกว่าจะเพาะปลูกได้? โยนเรื่องใหญ่มาให้เขาเช่นนี้ หมายจะให้เขาทำตัวเป็นคนร้ายต่อหน้าอาหวั่นกระมัง…
พี่ใหญ่เจ้าเล่ห์เกินไปแล้ว!
อวี๋เซ่าชิงกำหมัดแน่น “อาหวั่น ที่ดินตรงนั้น…”
“อื้ม ท่านพ่อว่ามาได้”
“… ซื้อเลย!” อวี๋เซ่าชิงยิ้ม
“หือ? เจ้าต้องการซื้อภูเขาหรือ?” ที่บ้านของหลี่เจิ้ง หลังจากได้ยินคำพูดของอวี๋หวั่น หลี่เจิ้งก็ตกใจแทบอ้าปากค้าง
อวี๋หวั่นพยักหน้าอย่างจริงจัง “อื้ม ท่านได้ยินไม่ผิด ข้าต้องการซื้อภูเขา”
“หมายถึง…ภูเขาที่เราบุกเบิกรึ?” หลี่เจิ้งเหลือบมองอวี๋เซ่าชิงและลุงใหญ่ที่ยืนอยู่ด้านหลังอวี๋หวั่นในตอนนี้ “ครอบครัวของเจ้าก็เห็นด้วย?”
สีหน้าของคนทั้งสองซับซ้อนยากอธิบาย
อวี๋หวั่นยิ้มไปถึงคิ้ว “ท่านลุงใหญ่กับท่านพ่อของข้าเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง!”
ทั้งคู่ยกมือปิดตา
หลี่เจิ้งถอนสายตาด้วยความตกใจ และมองอวี๋หวั่นที่อยู่ตรงหน้าอย่างลำบากใจ เอ่ยในใจว่าหลงบุตรสาวเช่นไรก็ไม่ใช่แบบนี้ ดินบนภูเขานั้นเลวร้ายเพียงนั้น พวกเจ้าตาบอดแล้วหรือ?
หมู่บ้านเหลียนฮวารายล้อมด้วยเนินเขามากมาย ทว่าเนินเขาที่ตรงตามเงื่อนไขในการบุกเบิกก็มีเพียงเนินเขาลูกนี้ และในสถานการณ์ที่พื้นดินอันอุดมสมบูรณ์ของหมู่บ้านพวกเขาถูกทำลายไป จะมีภูเขาใดให้พวกเขาบุกเบิกได้อีก?
แน่นอน ตอนนี้พวกเขาบุกเบิกพื้นที่เพียงด้านที่ใกล้กับหมู่บ้านเท่านั้น ส่วนพื้นที่อีกด้านยังไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยว ไม่รู้ว่าสภาพดินที่นั่นจะดีกว่าหรือไม่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]