ในชั่วลัดนิ้วมือเดียว เซียวเจิ้นถิงเข้าใจแล้วว่าเหตุใดอีกฝ่ายจึงจองหองได้เพียงนี้ อันที่จริงอีกฝ่ายมีทหารเพียงแปดพันคน แต่กลับทำให้ทหารของต้าโจวถึงหนึ่งแสนคนต้องหลั่งเลือด กลยุทธ์ซึ่งก่อนหน้านี้ใช้ต่อกรกับกองทัพเผ่าศักดิ์สิทธิ์ล้วนแต่ใช้การไม่ได้อีกต่อไป มิใช่เพียงเพราะพวกเขาไม่แข็งแกร่งพอ แต่เป็นเพราะอีกฝ่ายแข็งแกร่งประหนึ่งเป็นอมตะ ทั้งยังไม่เกรงกลัวความเจ็บปวดอีกด้วย
ทันทีที่เซียวเจิ้นถิงเห็นซากศพไร้ศีรษะ เขาก็กำหอกและพุ่งเข้าไปทันที
เหล่าทหารกล้าแห่งต้าโจวไหนเลยจะเคยเห็นสงครามเช่นนี้ พวกเขาล้วนแต่ตื่นตะลึงพรึงเพริดไปตามๆ กัน
นี่ยังไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวที่สุด สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือทหารของต้าโจวซึ่งล้มลงไปแล้ว กลับลุกขึ้นมาด้วยสภาพไร้วิญญาณ จากนั้นก็คว้าอาวุธมาสังหารพวกเดียวกับตน
เซียวเจิ้นถิงเห็นสภาพสยดสยองเช่นนั้น จึงรีบสั่งให้ถอยทัพ พวกเขาไม่ต้องการหมู่บ้านนี้อีกต่อไป ยิ่งถอยไปไกลได้เท่าไรยิ่งดี
สงครามในครั้งนี้มิได้เป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ที่สุด ทว่ากลับสร้างความหวาดผวาให้พลรบอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทหารไร้ศีรษะแต่ยังสู้รบได้ พวกเขายังเป็นคนอยู่อีกหรือ? เมื่อเพื่อนของพวกเขาล้มลงไปแล้ว ก็กลับกลายเป็นศัตรู เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเขาจะสังหารศัตรูหมดได้อย่างไร
ราตรีมืดมิด ทุกคนซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาซึ่งมองไม่เห็นแม้แต่มือของตนเอง ร่างของพวกเขาสั่นเทิ้ม
“ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้า!”
เหยี่ยนไหวจิ่งไปปลดทุกข์ แต่กลับถูกเซียวเจิ้นถิงต่อยจนล้มลงไป
เยี่ยนไหวจิ่งกระอักเลือดออกมาพร้อมกับฟัน มองเซียวเจิ้นถิงด้วยสายตาเย็นเยียบ “เจ้ากล้าลงไม้ลงมือกับข้า ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วรึ?”
“อยากมีชีวิต? ถ้าอยากมีชีวิตข้าก็คงไม่มาที่นี่หรอก!” เซียวเจิ้นถิงคว้าเสื้อของเขา แล้วฟาดเขาลงกับพื้น ก่อนจะฟาดเขากับกำแพงอีกครั้ง “บนสนามรบเป็นอย่างไรเจ้าเห็นบ้างไหม? เจ้าไม่เห็นใช่ไหมเล่า? เจ้าเอาแต่ซุกหัวอยู่ในกระโจม กินดีอยู่ดี ไม่รับรู้ว่าเหตุการณ์ข้างนอกนั้นเลวร้ายแค่ไหน!”
เยี่ยนไหวจิ่งตกใจกับโทสะของเซียวเจิ้นถิง แม้ว่าเซียวเจิ้นถิงจะไม่ใช่คนที่เคร่งครัดในกฎระเบียบนัก แต่ก็ไม่เหมือนกับเยี่ยนจิ่วเฉา ทว่าในตอนนี้เขาไม่สนใจอีกต่อไป!
เยี่ยนไหวจิ่งตั้งสติ สายตาของเขาดุดัน “เซียวเจิ้นถิง ตัวเจ้าไม่ได้เรื่องเองจึงพ่ายศึก จะมาโทษข้าได้อย่างไรเล่า”
เซียวเจิ้นถิงหัวเราะด้วยความเดือดดาล เขาเป็นคนที่กลัวการพ่ายศึกหรือ? เขาสนใจชื่อเสียงและเกียรติยศจอมปลอมหรือ? เขาไม่กลัวตาย ทหารต้าโจวต่างไม่กลัวตาย แต่พวกเขาต้องมาตายทั้งที่ไม่ควรตาย!
เซียวเจิ้นถิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้าชักนำใครเข้ามาในต้าโจว?”
เยี่ยนไหวจิ่งชะงักไป
ที่จริงแล้วเซียวเจิ้นถิงเพียงแต่ระบายอารมณ์ แต่ทันทีที่เห็นสายตาของเยี่ยนไหวจิ่ง คิ้วของเขาก็พลันขมวดเป็น
ปม “เจ้ารู้ใช่ไหม?”
เยี่ยนไหวจิ่งหลบสายตาอันแหลมคมของเขา “เจ้าปล่อยมือก่อน”
“ท่านแม่ทัพใหญ่” อิ่งสือซันเข้ามาพอดี
เซียวเจิ้นถิงค่อยๆ ปล่อยมือจากเยี่ยนไหวจิ่ง
เยี่ยนไหวจิ่งขยับคอเสื้อ แล้วพูดว่า “ถ้าข้าบอกว่าข้าไม่รู้มาก่อน เจ้าก็คงไม่เชื่อ แต่ว่าข้าไม่รู้จริงๆ ข้าเคยถาม
พวกเขาไปแล้วว่าทหารหนึ่งหมื่นคนสามารถควบคุมสถานการณ์เมืองหลวงได้อย่างไร ทหารในเมืองหลวงมีถึงสามหมื่นนาย ทหารจากพื้นที่โดยรอบหนึ่งร้อยหลี่อีกหนึ่งหมื่นคน พวกเขาบอกว่าไม่ต้องกังวล ทหารที่พวกเขาว่าจ้างมานั้นฝีมือยอดเยี่ยม นอกจากนั้นแล้ว หากสู้กันขึ้นมาจริงๆ ก็ไม่ต้องเป็นห่วงว่าทหารจะล้มตาย ข้าถามว่าพวกเขาจะไม่บาดเจ็บเลยหรือ พวกเขาบอกว่าจะไม่บาดเจ็บ”
เยี่ยนไหวจิ่งนึกถึงสีหน้าของชายสวมผ้าคลุมในตอนนั้น ซึ่งยากที่จะคาดเดา แต่เยี่ยนไหวจิ่งมิได้นำมาขบคิด เมื่อไม่เข้าใจ ความสามารถในการณ์คาดการณ์ย่อมมีจำกัด เขาคิดว่าที่ชายสวมผ้าคลุมบอกว่าจะไม่บาดเจ็บนั้นเป็นเพราะพวกเขามีวรยุทธ์ล้ำเลิศ จึงไม่มีทางถูกทำร้าย ไหนเลยจะรู้ว่าความหมายที่แท้จริงนั้นต่างออกไป
“เป็นวิชาหุ่นเชิดขอรับ” อิ่งสือซันพูด
“วิชาหุ่นเชิดอะไรกัน” เยี่ยนไหวจิ่งเอ่ยถาม
อิ่งสือซันคร้านจะสนใจเขา จึงมองไปยังเซียวเจิ้นถิง “วิชาหุ่นเชิดเป็นศาสตร์หนึ่งของเวทมนตร์ สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวและจิตใจของคนได้ ที่กองทัพของเผ่าศักดิ์สิทธิ์ไม่กลัวตาย น่าจะเป็นเพราะวิชาหุ่นเชิดขอรับ เพียงแต่ว่า ถ้าหากพวกเขาสามารถควบคุมได้แม้แต่คนตาย ก็แสดงว่าวิชาหุ่นเชิดนี้ไม่ธรรมดาแล้ว อาจใช้วิชาพิษร่วมด้วย”
อิ่งสือซันไม่เคยเห็นวิชาหุ่นเชิดและวิชาพิษประเภทนี้มาก่อน อาม่าและโจวจิ่นก็รู้วิชาหุ่นเชิด โจวจิ่นไม่เคยใช้ อาม่าเคยใช้ แต่ใช้กับคนเป็น ส่วนวิชาพิษนั้นอาเว่ยเคยสำแดงฝีมือ แต่เขาก็ไม่เคยถึงกับใช้มันฆ่าคน
เซียวเจิ้นถิงขมวดคิ้ว “เช่นนั้นก็หมายความว่า คนฝั่งเราตายมากเท่าไร คนของอีกฝ่ายก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น?”
เห็นทีศึกในครั้งนี้คงไม่มีวันจบสิ้น!
เซียวเจิ้นถิงใคร่ครวญอยู่สักพัก “ในเมื่อมีหุ่นเชิด แสดงว่าพวกเขาต้องมีปรมาจารย์วิชาหุ่นเชิด?”
อิ่งสือซันพยักหน้า “น่าจะเป็นเช่นนั้นขอรับ”
เซียวเจิ้นถิงตัดสินใจ “สือซัน ไปเตรียมตัว คืนนี้พวกเราจะลอบเข้าไปในเมืองอวี่ แล้วสังหารปรมาจารย์วิชาหุ่นเชิดของเมืองอวี่เสีย!”
“ขอรับ!” อิ่งสือซันตอบโดยไม่ลังเล
“เดี๋ยวก่อน” เซียวเจิ้นถิงพูดขึ้นทันใด “เจ้าไม่ต้องไป อยู่ที่นี่ดีกว่า เขามีคนชื่อจวินฉางอันอยู่ข้างกายไม่ใช่รึ? ให้เขาไปกับข้า!”
เซียวเจิ้นถิงไม่เรียกเขาว่ารัชทายาทแล้ว
เยี่ยนไหวจิ่งหายใจเข้าเฮือกหนึ่งด้วยความตกใจ
“ไม่ดีหรอกขอรับ” อิ่งสือซันบอก “วรยุทธ์ของจวินฉางอันไม่สูงเท่าข้า”
“เหอะ” เซียวเจิ้นถิงหันมา คว้าชุดเกราะซึ่งหล่นอยู่บนพื้นขึ้นมา แล้วโยนให้เยี่ยนไหวจิ่ง “ถ้าศัตรูบุกโจมตียามดึก
ให้รัชทายาทนำทัพ ถ้าเขาไม่กล้าออกไปเป็นด่านหน้า เจ้าก็ฆ่าเขาให้ข้าด้วย!”
“เซียวเจิ้นถิง!” เยี่ยนไหวจิ่งกำหมัดแน่น
เยี่ยนไหวจิ่งไม่ใช่คนรักตัวกลัวตาย เพียงแต่เขาไม่คิดว่าการนำทัพนั้นเป็นหน้าที่ของรัชทายาท รัชทายาทมีหน้า
ที่อันใหญ่หลวง ส่วนการนำทัพใครๆ ก็ทำได้ แต่หากไม่มีรัชทายาทแล้ว อาณาประชาราษฎร์แห่งต้าโจวก็เสียขวัญหมดน่ะสิ
อิ่งสือซันกลับเข้าใจว่าเหตุใดเซียวเจิ้นถิงจึงทำเช่นนี้ ในสงคราม เซียวเจิ้นถิงจะนำทัพอยู่ด้านหน้าเสมอ ถ้าหากการลอบสังหารในคืนนี้ล้มเหลว เซียวเจิ้นถิงกลับมาไม่ทัน ขวัญกำลังใจของเหล่าหทารกล้าก็จะถดถอย และในตอนนั้นรัชทายาทจำเป็นต้องก้าวออกมานำทัพฟาดฟันกับศัตรู
“เข้าใจแล้วขอรับ” อิ่งสือซันบอก
เยี่ยนไหวจิ่งกัดฟันกรอด “อิ่งสือซัน!”
อิ่งสือซันพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “องค์รัชทายาท สวมชุดเกราะและเตรียมกระบี่ให้พร้อม หากเกิดการต่อสู้ขึ้น
มาจริง กระบี่ของข้า…อาจไม่ได้ดื่มเพียงเลือดของศัตรู”
เยี่ยนไหวจิ่งโทสะพลุ่งพล่าน จวนคุณชายเลี้ยงคนประเภทนี้ไว้รึ!!!
ในคืนนั้น เซียวเจิ้นถิงพาจวินฉางอันและหน่วยกล้าตายฝีมือดีอีกจำนวนหนึ่งลอบเข้าไปยังเมืองอวี่
อิ่งลิ่วคุ้นเคยกับพื้นที่ในเมืองอวี่ เขาจึงเดินทางไปด้วย
“อิ่งลิ่ว เจ้าเคยเจอปรมาจารย์วิชาหุ่นเชิดไหม?” เซียวเจิ้นถิงถามอิ่งลิ่วระหว่างทาง
อิ่งลิ่วตอบว่า “ข้าไม่เคยเจอปรมาจารย์วิชาหุ่นเชิด เคยเจอแต่พ่อมดขอรับ ปรมาจารย์วิชาหุ่นเชิดน่าจะเป็นพ่อมดประเภทหนึ่ง”
เซียวเจิ้นถิงร้อง “อ้อ” ออกมา แล้วถามต่อว่า “เช่นนั้นพ่อมดมีลักษณะพิเศษอย่างไรหรือ”
“อืม…ข้าคิดว่า” อิ่งลิ่วหยุดไปชั่วขณะหนึ่ง แล้วพูดต่อว่า “พวกเขาไม่ชำนาญการใช้วรยุทธ์ขอรับ ที่เผ่าพ่อมด มีพ่อมดแม่มดที่เก่งกาจจำนวนมาก พวกเขาต่างใช้หลัวช่าทหารคุ้มกันอันตรายขอรับ”
เซียวเจิ้นถิงเงียบครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยขึ้นว่า “หากเป็นอย่างที่เจ้าบอก ปรมาจารย์วิชาหุ่นเชิดคนนั้นก็คงมียอดฝีมือคอยปกป้องเหมือนกัน”
อิ่งลิ่วพยักหน้า “ข้าเดาว่าเป็นเช่นนั้นขอรับ แต่ไม่รู้ว่าเป็นยอดฝีมือระดับใด”
“ไม่ต้องสนใจระดับหรอก พวกเราลอบโจมตีในครั้งนี้ ได้เตรียมยาพิษมาแล้ว หากทำไม่สำเร็จก็ทำได้เพียงยอมตาย!” เซียวเจิ้นถิงจับยาพิษที่ชุยเฒ่าให้มา ยาเหล่านี้สกัดมาจากสัตว์พิษ ใช้เพียงหยดเดียวก็ล้มราชาศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว เขานำมาหลายขวด เพื่อใช้สังหารเจ้าลูกเต่าพวกนั้น!
อิ่งลิ่วใช้กิ่งไม้วาดแผนที่บนพื้น “กองทัพเผ่าศักดิ์สิทธิ์ประจำการอยู่ทั้งหมดแปดจุด แต่ละจุดมีประมาณหนึ่งหมื่นคน แยกย้ายกันไปตามค่ายต่างๆ ตอนนี้ไม่รู้ว่าปรมาจารย์วิชาหุ่นเชิดอยู่ค่ายใด ต้องค้นหาทีละค่าย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]