กองทัพของเผ่าศักดิ์สิทธิ์หนึ่งพันคน มีกำลังรบไม่ด้อยไปกว่าทัพใหญ่ซีเป่ย ด้วยพลังของพวกเขาสามารถถล่มทัพใหญ่ซีเป่ยได้ การต่อสู้กับพวกเขาจึงนับว่าเป็นเรื่องที่อันตรายมาก อย่างน้อยในสายตาของคนส่วนใหญ่ นี่นับว่าเป็นการกระทำที่โง่เขลา
โดยเฉพาะเมื่ออีกฝ่ายเป็นสตรีรูปร่างผอมแห้งแรงน้อยคนหนึ่ง พวกเขาคิดเพียงว่านางมั่นใจเกินไปสักหน่อย
พลังของนางน่าสะพรึงกลัว แต่พวกเขาไม่เชื่อว่านางจะเอาชนะกองทัพซึ่งมีหนึ่งพันคนได้
แม่ทัพของเผ่าศักดิ์สิทธิ์ยกกระบี่ในมือขึ้นมา แล้วตะโกนว่า “ทุกคนอย่าได้กลัวไป เรียงแถว เตรียมการโจม…”
สวบ!
เขายังพูดไม่ทันจบ ก็ได้ยินเสียงดังแหวกอากาศมา ทุกคนยังไม่ทันได้ตอบสนอง ก็พบว่าแม่ทัพของพวกเขาถูกไข่มุกเม็ดหนึ่งพุ่งทะลุหัวใจจนเป็นรูแล้ว!
แม่ทัพของเผ่าศักดิ์สิทธิ์ล้มลงกับพื้น
ดวงตาของเขาเบิกโพลง มองท้องฟ้ายามราตรี เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจนตนหมดลมไป
เขาเป็นแม่ทัพนะ
สตรีคนนั้นใช้ไข่มุกหน้าตาน่าเกลียดเม็ดหนึ่งสังหารเขา…
เขายังไม่ได้ทำอะไรเลย เพียงแต่ตัดเส้นผมของลูกสาวนางไปนิดเดียวเอง…
แม่ทัพของเผ่าศักดิ์สิทธิ์ไม่เข้าใจ และเขาจะไม่มีสิทธิ์เข้าใจไปตลอดกาล
การตายของแม่ทัพนำมาซึ่งความหวาดผวาแก่กองทัพ ราวกับว่าในตอนนั้น ทุกคนก็ตระหนักอย่างถ่องแท้ว่าสิ่งที่พวกเขาทุกคนมองเห็นและสัมผัสได้ล้วนแต่ผิดพลาด สตรีคนนี้ไม่ได้ยกตนข่มท่าน แต่นางเป็นเทพแห่งความตายที่แท้จริง!
นี่เป็นกองทัพที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี แม้ว่าแม่ทัพจะตายไปแล้ว ก็ยังมีรองแม่ทัพ รองแม่ทัพรับหน้าที่บัญชาการกองทัพต่อ “โจมตี!”
สวบ!
ทันทีที่ไข่มุกเม็ดนั้นปักลงไป หัวใจของรองแม่ทัพก็เป็นรูกลวงเช่นกัน
“โอ้” นางเจียงร้องขึ้นราวกับลืมอะไรบางอย่าง
ทันใดนั้นไข่มุกเม็ดนั้นก็พุ่งขึ้นกลางอากาศ แล้วชนเข้าที่ลำคอของแม่ทัพและรองแม่ทัพ คอของพวกเขามีเสียงดัง ‘กร็อบ’ แล้วหักลง
กองทัพเผ่าศักดิ์สิทธิ์ต่างตะลึงงัน
ที่นางบอกว่า ‘คอของพวกเจ้าทุกคนต้องขาด’ เป็นความหมายโดยตรงหรอกหรือ…
อวี๋หวั่นอยู่ในโรงเตี๊ยม เธออยากออกมา แต่คล้ายกับว่ามีพลังมหาศาลดันประตูเอาไว้ ไม่ว่าจะเปิดอย่างไรก็เปิด
ไม่ออก
“ดูเถอะ เป็นเพราะข้ามีลูก ทำให้พลังข้าไม่เหลือเลย แม้แต่ประตูก็ยังเปิดไม่ออก! ฮึบ ย้ากก” อวี๋หวั่นดันเท้าเข้ากับกำแพง สองมือดึงประตูอย่างเต็มที่
กร็อบ!
อวี๋หวั่นรู้สึกว่าคอของตนเคล็ด
แน่นอนว่าไม่ใช่คอของเธอที่บิดเบี้ยวผิดรูป แต่เธอรู้สึกคล้ายกับว่าคอของใครสักคนหัก
อวี๋หวั่นลูบคอด้วยความแปลกใจ
คิดไปเองมั้ง…
กร็อบ!
เสียงคล้ายกับคอหักดังขึ้นอีก
อวี๋หวั่นหายใจโกยอากาศเย็นเข้าปอด
จากนั้นก็มีเสียง กร็อบๆๆ กร็อบๆๆๆๆๆๆๆๆๆ …
ด้านนอก ก็มีเสียงดังคล้ายกับคอหักอีกระลอกหนึ่ง อวี๋หวั่นแค่ฟังก็ตัวสั่นเทิ้มแล้ว
หากพูดไปก็คงไม่มีใครเชื่อ แต่ถ้าหากคอของเธอมีชีวิต มันก็กำลังหวาดผวาอยู่!
ทหารเหล่านั้นไม่ทันได้ส่งเสียงร้องด้วยซ้ำ ก็ถูกหักคอเสียแล้ว กองทัพของเผ่าศักดิ์สิทธิ์ได้รับความเสียหายเป็น
ครั้งแรกตั้งแต่เข้ามาในแผ่นดินต้าโจว
เดิมทีภารกิจที่พวกเขาได้รับคือให้ไปสังหารสตรีสองคน พวกเขายังไม่อยากทำ เพราะคิดว่าภารกิจนี้กระจอกงอกง่อยเกินไป อย่างไรเสียพวกเขาก็มีกำลังรบถึงหนึ่งพันนาย กำจัดกองทัพของต้าโจวยังทำได้ เหตุใดต้องให้พวกเขามาทำภารกิจเช่นนี้ด้วย นี่ไม่ได้เท่ากับใช้มีดเชือดวัวไปเชือดไก่หรอกหรือ?
ในตอนนี้ พวกเขาไม่คิดเช่นนั้นแล้ว ถ้าหากมีโอกาสอีกครั้ง พวกเขาจะเพิ่มกำลังพลอีกหนึ่งพันคน
แต่น่าเสียดาย ที่บนโลกนี้ไม่มี ‘ถ้าหาก’ มีเพียงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
อันที่จริงเถ้าแก่ของโรงเตี๊ยมตกใจตื่นตั้งนานแล้ว แต่เขาไม่กล้าส่งเสียงดัง จึงทำได้เพียงยืนถือตะเกียงน้ำมัน
ยืนนิ่งอยู่ในโถงกลางพร้อมกับอวี๋หวั่น
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด ในที่สุดเสียงหักคอก็หยุดลง
โรงเตี๊ยมนั้นเงียบเสียจนน่ากลัว
เถ้าแก่โรงเตี๊ยมกระแอมด้วยความกระอักกระอ่วนใจ “ข้าจะไปต้มบะหมี่ให้ท่าน…กับจอมยุทธ์ท่านนั้น”
อวี๋หวั่น “…”
เมื่อครู่นางเจียงโมโหจนหน้ามืดตามัว เมื่อทำลงไปแล้วนางก็นึกเสียใจ
นางมองไปยังประตูสีดำสนิท แล้วจิ้มทนิ้วด้วยท่าทางไร้เดียงสา
แกร็ก
ประตูเปิดออกแล้ว
อวี๋หวั่นมองนางเจียงซึ่งกำลังทำอะไรไม่ถูกด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
นางเจียงจิ้มนิ้ว สายตาเปี่ยมไปด้วยความน้อยใจ “ถ้าข้า…บอกว่าข้าเวียนหัว เจ้าจะเชื่อไหม?”
อวี๋หวั่นสีหน้าถมึงทึง “…”
……
อวี๋หวั่นไม่เคยคิดเลยว่าแม่ของตนจะเป็นยอดฝีมือ นางอ่อนแอราวกับต้นหลิ่วลู่ลมไม่ใช่หรือ? เป็นสตรีผอมบาง
ไม่ใช่หรือ? เพราะฉะนั้นทั้งท่าไขว่ห้าง ทั้งท่าทางโอหังล้วนไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเธอคิดไปเอง!
“ท่านเป็นคนทำร้ายนางจ้าวจนหน้าบวมเป็นหัวหมู?”
“อืม”
“ไข่มุกของเผ่าศักดิ์สิทธิ์ท่านเป็นคนขโมย?”
“อืม”
“ผมของฮ่องเต้ท่านเป็นคนโกน?”
“…อืม”
“ค่ายหน่วยกล้าตายของนายท่านรองใหญ่ท่านเป็นคนทำลาย?”
“…อืม”
“หลัวช่าโลหิต…”
“…อืม”
“ราชาศักดิ์สิทธิ์…”
“…อืม”
“…อืม”
“…อืม”
นางค่อยๆ ยอมรับทีละเรื่องๆ จนอวี๋หวั่นไม่อาจแสดงสีหน้าเคร่งเครียดกว่าที่เป็นอยู่ได้อีก
เดิมทีคิดว่าเป็นเพียงไก่อ่อน แท้จริงแล้วกลับอยู่ระดับเทพ เทพที่แข็งแกร่งที่สุด!
“ข้าๆๆ…เป็นเพราะข้าคลอดลูกออกมา แล้วพลังถึงหายไปหรอก ไม่เช่นนั้นข้าต่างหากที่เป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งในหมิงตู!” อวี๋หวั่นกอดอก เบือนหน้าหนี ท่าทางไม่สบอารมณ์
“อื้ม!” นางเจียงพยักหน้า
……
การสังหารทหารทั้งหนึ่งพันนายไม่ใช่เรื่องเล่น อวี๋หวั่นเกือบเอาชีวิตไม่รอด ทำให้นางเจียงเดือดดาลอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่เช่นนั้นในสภาวะปกติ การค่อยๆ สังหารทีละคนเช่นนี้จะกินแรงมาก
หลังจากคืนนั้นผ่านไป นางเจียงก็นอนอยู่ในโรงเตี๊ยมถึงสามวันสามคืน
ในเมื่อนางเจียงไม่ได้อ่อนแอ ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องห้ามไม่ให้นางไปยังหน้าด่าน แน่นอนว่าที่สำคัญก็คืออวี๋หวั่นไม่มีทางสลัดนางหลุด มิหนำซ้ำนางอาจไปถึงก่อนเธอก็เป็นได้!
หลังจากนางเจียงตื่นขึ้น อวี๋หวั่นก็เดินทางไปยังหมู่บ้านซึ่งทัพใหญ่ของราชสำนักปักหลักอยู่ หมู่บ้านนั้นร้างผู้คน ดูแล้วน่าจะถูกลอบโจมตี จึงกระจัดกระจายกันไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]