หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3] นิยาย บท 64

บทที่ 64 ทารกทั้งสาม
Ink Stone_Romance
ในเมื่อเธอเคยให้กำเนิดบุตรมาแล้ว ความฝันนั้นไม่ใช่ของปลอม ความรู้สึกตื่นตระหนกนั้นยิ่งไม่ใช่

อวี๋หวั่นบีบนิ้ว “แล้ว…แล้วเด็กเล่า?”

นางเจียงส่ายหัว “ไม่รู้ เจ้า…เจ้าไม่ได้บอก”

ไม่ได้บอกจริงๆ แม้แต่เรื่องที่เธอเคยตั้งครรภ์หรือมีบุตรนางเจียงก็รู้ด้วยตนเอง และอาหวั่นก็ดูเหมือนจะฝันร้าย เธอจำทุกอย่างที่เกิดขึ้นในปีที่เธอหายตัวไปไม่ได้เลย

อาหวั่นถามนางเจียงด้วยความหวาดกลัว “ท่านแม่ เกิดอะไรขึ้นกับข้า? ข้าเป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร?”

น้ำตาของเธอไหลลงมาอาบแก้มทั้งสอง

นางเจียงจำต้องเอ่ย “มิเป็นไรหรอก เจ้าไปที่บ้านท่านยาย ลืมไปแล้วหรือลูก?”

“เช่นนั้น เงินพวกนี้…”

“มันเป็นเงินค่าเดินทางที่ท่านยายให้เจ้ามา”

“ใช่ ท่านยายให้เงินค่าเดินทางกับข้า…ข้านึกออกแล้ว”

“ใช่ไหม?” นางเจียงลูบหัวเธอเบาๆ

นางเจียงเอ่ยเสียงต่ำ “ข้าก็เคยคิดว่าแท้จริงเด็กคนนั้นอยู่ที่ใด แต่ข้าไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเขาได้เกิดมามีชีวิตหรือไม่”

“เขาเกิดมา” เธอพึมพำ

แล้วหลังคลอดเล่า?

เธอนึกไม่ออก

อวี๋หวั่นรู้สึกสับสนว้าวุ่น ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เธอนึกถึงเรื่องราวชีวิตในโลกก่อนได้น้อยลง ทั้งผู้คนและสิ่งต่างๆ ในโลกก่อนค่อยๆ เลือนรางจางหายไปจากสมอง เธอไม่สามารถหลอกตัวเองได้อีกต่อไปว่ามันเป็นเรื่องของเจ้าของร่างเดิม

มันเป็นเรื่องของเธอ เป็นลูกของเธอ

อวี๋หวั่นเดินไปที่เตียง และสอดตัวเข้าใต้ผ้าห่ม

นางเจียงจัดผ้าห่มคลุมตัวเธอ

อวี๋หวั่นหันหน้าเข้าด้านใน และขดตัวเองเป็นลูกกลมๆ

นายเจียงลูบจอนผมของเธออย่างเบามือ และเดินออกจากห้องเบาๆ

“ท่านแม่”

นางเจียงหยุดชะงัก

อวี๋หวั่นไม่ได้เอ่ยคำพูดใดต่อ

ทว่านางเจียงก็เข้าใจ แม้ว่าเธอจะไม่ได้บอกว่าประโยคนั้นคืออะไร

ท่านแม่ ข้าเจ็บปวดยิ่งนัก

ภรรยาของซันหนิวคลอดแล้ว เขาถือกำเนิดตอนรุ่งสาง เป็นทารกตัวอ้วนใหญ่ นับเป็นหลานชายคนรองของป้าจาง ป้าจางดีอกดีใจยิ่ง ตื่นมาต้มไข่สีแดงแต่เช้าตรู่ ส่งไปยังบ้านทุกหลังให้ผู้คนได้ร่วมยินดี

เมื่อคราวส่งถึงบ้านอวี๋หวั่น อวี๋หวั่นที่เพิ่งตื่นนั่งหัวฟูอยู่บนเตียง

“อาหวั่นเอ๊ย!” ป้าจางเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มและวางไข่สีแดงสองฟองลงบนโต๊ะ “ขอบคุณพวกเจ้าสำหรับเมื่อวานนะ! หากไม่ใช่เพราะพวกเจ้ารีบไปเชิญหมอตำแยมา ลูกสะใภ้ข้าคงเป็นอันตรายแล้ว!”

ภรรยาซันหนิวเลือดไหลไม่หยุด นางตกใจกลัวมาก หมอตำแยมาจึงห้ามเลือดได้ทัน

“ทว่าทารกในครรภ์ไม่ได้มีตำแหน่งที่ผิดแต่อย่างใด!” ป้าจางกล่าวด้วยใบหน้าจริงจัง

“ข้าผิดไปแล้ว” อวี๋หวั่นกระซิบ

มิใช่ภรรยาของซันหนิวที่มีตำแหน่งของทารกในครรภ์ที่ไม่ถูกต้อง แต่เป็นเธอเมื่อสามปีก่อน

ปัญหาตำแหน่งทารกในครรภ์ผิดปกติในโลกก่อนสามารถจัดการได้ง่าย แต่ในสมัยโบราณกลับเป็นปัญหาที่ยากยิ่ง บางทีเธออาจจะ…ไม่ได้ให้กำเนิดเด็กทารกออกมาก็ได้

“อาหวั่น เจ้าเป็นอันใดไป?” ป้าจางเห็นอวี๋หวั่นตาแดงๆ ก็ตกใจทำอะไรไม่ถูก “ข้าไม่ได้หมายความว่าเจ้าไม่เก่ง ข้า ข้า…ข้าไยถึงได้ปากมากเช่นนี้! อาหวั่นอย่าโกรธป้าเลยนะ! ป้าขอโทษ!”

อวี๋หวั่นยิ้มราวกับคนที่ไม่มีความรู้สึก “ข้ามิเป็นไร แค่มีบางอย่างเข้าตา ข้ายินดีกับป้าจางด้วย”

“เฮ้อ!” ป้าจางรู้สึกโล่งใจ พลันมอบไข่สีแดงให้อีกสองสามฟอง จนเต็มถาดใบเล็กๆ ที่วางอยู่บนโต๊ะ จากนั้นก็ไปต่อยังบ้านหลังถัดไปเพื่อมอบไข่สีแดง

อวี๋หวั่นปอกเปลือกไข่สีแดงและกินอย่างระมัดระวัง

รสชาติค่อนข้างแปลก ทำให้คนกินรู้สึกระคายคอ

เธอรู้ว่าท่านแม่ทำเพื่อประโยชน์ของเธอ ถึงอย่างไรเด็กคนนั้นก็อาจจะไม่ได้เกิดมา นอกจากนี้ ‘อวี๋หวั่นคนก่อน’ ก็ยังลุ่มหลงในตัวจ้าวเหิง มุ่งมาตรปรารถนาจะแต่งงานเป็นภรรยาซิ่วไฉของจ้าวเหิง ท่านแม่จะทนใจดำทำร้ายเธอได้อย่างไร?

นอกจากนี้ จ้าวเหิงไม่ได้บอกหรือว่าเธอเข้าหอนางโลม? แต่ก่อนเธอก็ไม่เชื่อคำพูดของจ้าวเหิง ทว่ายามนี้เธอคิดว่ามีสิ่งหนึ่งที่จ้าวเหิงพูดถูก ไม่แน่เธออาจจะเคยเข้าหอนางโลมมาก่อน แล้วก็ไม่รู้ว่าทารกคนนั้นเกิดมาจากชายป่าคนใด

“ฮัดชิ่ว!” คุณชายคนหนึ่งในมณฑลอวี้ที่ห่างไกลจามอย่างรุนแรง!

“ท่านพี่!” เถี่ยตั้นน้อยที่ล้างหน้าล้างตาแล้ว เดินตัวลอยเข้ามาในห้อง “ท่านตรวจการบ้านของข้าเถิด! ข้าท่องเสร็จแล้ว!”

เถี่ยตั้นน้อยที่ฉี่รดที่นอนในอายุหกขวบ ตัดสินใจใช้เรี่ยวแรงแห่งปัญญากู้คืนศักดิ์ศรีของลูกผู้ชายตัวน้อยๆ! เขาตื่นแต่เช้าตรู่มาท่องตำราเชียวนะ! ท่องอย่างเอาจริงเอาจังเลย!

ทว่าอวี๋หวั่นกลับไม่ตรวจ และหยิบไข่สีแดงยัดใส่มือเขา “พี่มีธุระ จะออกไปข้างนอกก่อน กลับมาแล้ว จะตรวจให้เจ้า”

เถี่ยตั้นน้อย “อ้อ”

“แล้วก็” อวี๋หวั่นที่เดินไปถึงประตูหันกลับมาพูด “ไม่ว่าท่องตำรามาดีเพียงใด การฉี่รดที่นอนก็ยังเป็นเรื่องที่น่าอับอายยิ่ง”

เถี่ยตั้นน้อยจุกพูดไม่ออก “…”

อวี๋หวั่นไปที่เมืองหลวงและยืนอยู่ในตรอกที่เธอพบกับจ้าวเหิงเมื่อวาน

จ้าวเหิงที่เพิ่งเลิกเรียน กำลังเดินกลับบ้านพร้อมกระเป๋าหนังสือ เดินไปได้เพียงครึ่งทาง เขาก็ถูกเงาร่างหนึ่งขวางไว้

ในความคิดแรกของจ้าวเหิงคือกลุ่มคนที่ใช้กระสอบคลุมหัวเขากลับมาอีกครั้ง เขายกกระเป๋าหนังสือขึ้นบังศีรษะตามจิตใต้สำนึก

อวี๋หวั่นดึงกระเป๋าหนังสือออกโดยไม่ต้องคิด

จ้าวเหิงลืมตาดู “เจ้าเองรึ? ไยเจ้ายังมาที่นี่อีก!”

ความตกใจเมื่อพบอวี๋หวั่นไม่น้อยไปกว่าการพบชายฉกรรจ์กลุ่มนั้น อย่างไรชายฉกรรจ์กลุ่มนั้นก็เพียงแค่ถามคำถามเท่านั้น ต่างจากอวี๋หวั่นที่ลงมือกับเขาจริงๆ

อวี๋หวั่นคว้าคอเสื้อของเขาและลากเข้าไปในตรอกด้านข้าง ราวกับไก่น้อยตัวหนึ่ง

“เจ้า เจ้า เจ้า…เจ้าจะทำอะไร! ปล่อยข้า!” จ้าวเหิงเอ่ยอย่างโกรธเกรี้ยว บุรุษที่ถูกดรุณีตัวเล็กๆ ลากไปลากมา ช่างขายขี้หน้ายิ่งนัก!

อวี๋หวั่นโยนเขาไปที่มุม ร่างบางกระแทกกับผนังเย็นๆ เจ็บจนร่างชา

อวี๋หวั่นเอ่ยอย่างรังเกียจ “เจ้ามันไก่อ่อน ตอนแรกข้าตาบอดถึงได้ไปชอบเจ้า เจ้าสมองขี้เลื่อย!”

จ้าวเหิงสำลักด้วยความโกรธแค้น “เจ้า…เจ้าหยุดเอ่ยวาจาหยาบคายเดี๋ยวนี้!”

อวี๋หวั่นปรายตามองเขาเบาๆ

จ้าวเหิงกอดกระเป๋าหนังสือแน่น “วันนี้ข้าไม่มีเงินสักเหรียญ!”

อวี๋หวั่นไม่ได้มาหาเขาเพราะเรื่องเงิน จะมีหรือไม่อวี๋หวั่นไม่ได้สนใจ เธอมองไปที่เขา “ข้าขอถามเจ้า เจ้าบอกว่าข้าเคยเข้าหอนางโลม แล้วยังเคยมีบุตรมาก่อน ข่าวลือเหล่านี้เจ้าได้ฟังมาจากที่ใด”

จ้าวเหิงไม่ตอบ

อวี๋หวั่นเอ่ยอย่างเย็นชา “ข้ามีความอดทนไม่มากนัก หากเจ้าไม่บอก ข้าจะใช้หมัดของข้าเปิดปากเจ้าเอง”

จ้าวเหิงโกรธจนหน้าแดง “ฟ้าดินรู้ดี ไม่มีผู้ใดอยู่เหนือกฏหมายบ้านเมือง เจ้ามิกล้าบิดเบือนกฎหมายกระมัง?”

อวี๋หวั่นวาดมือของเธอตบเขาฉาดหนึ่ง!

จ้าวเหิงยกกระเป๋าหนังสือขึ้นบังหัว

แน่นอนว่ามือของอวี๋หวั่นยังไม่ได้ฟาดลงไป เธอเพียงแค่ขู่ให้เขากลัวเท่านั้น ใบหน้าที่เคยเป็นสีแดงของจ้าวเหิง ค่อยๆ ซีดจนเป็นสีขาว

อวี๋หวั่นเอ่ย “เจ้าตอบข้ามาตามตรงเสียดีกว่า มิเช่นนั้น ข้าไม่เพียงแต่กล้าจัดการกับเจ้า แต่ยังกล้าทำให้เดือดร้อนถึงที่ที่เจ้าเรียน ให้บรรดาเพื่อนร่วมชั้นและอาจารย์ของเจ้าได้เห็น ว่าเจ้าเป็นหมาที่น่าสมเพชเพียงใด!”

จ้าวเหิงบีบนิ้วด้วยความอัปยศอดสู

“ยังไม่รีบตอบอีก!” อวี๋หวั่นกล่าวอย่างดุดัน

จ้าวเหิงสั่นสะท้าน นิ้วที่บีบกันค่อยๆ กางออก “เรื่อง…เรื่องที่เจ้าเคยเข้าซ่องโสเภณี ข้าได้ยินมาจากเพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่งของข้า”

“เพื่อนร่วมชั้นของเจ้า? เพื่อนร่วมชั้นคนใด? มีนามว่าอันใด? แล้วเขาอาศัยอยู่ที่ใด? ได้เล่าเรื่องใดเป็นพิเศษอีกหรือไม่ จงตอบข้ามาตามตรง!”

ความจริงอวี๋หวั่นไม่ได้สนใจว่าเพื่อนร่วมชั้นคนนั้นเป็นใคร หากเธอไม่เบี่ยงประเด็นเช่นนี้ จ้าวเหิงคงล่วงรู้ถึงความตั้งใจที่แท้จริงของเธอเป็นแน่

จ้าวเหิงคิดว่าอวี๋หวั่นโกรธเคืองใครก็ตามที่ทำลายชื่อของเธอ โดยไม่ได้สงสัยอย่างอื่น “เพื่อนร่วมชั้นของข้าแซ่หยาง ตอนที่ข้าเรียนอยู่ที่สำนักการศึกษาในตำบล เจ้านำของมาให้ข้าหลายครั้ง เขาจึงเคยเห็นเจ้า”

“แล้วอย่างไร?” อวี๋หวั่นถาม

จ้าวเหิงเอ่ยต่อ “เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับข้า ไม่เพียงแต่ในฐานะเพื่อนร่วมชั้น แต่ยังเป็นเพื่อนร่วมเตียงด้วย”

“เอ่ยให้ได้ใจความ” อวี๋หวั่นไม่ต้องการฟังสิ่งที่ไร้สาระเช่นนี้

“ข้าเพียงต้องการจะบอกว่า เขาไม่มีทางโกหกข้า เมื่อสามปีก่อน เขาเดินทางไปเยี่ยมญาติที่สวี่โจวกับครอบครัว และได้พบกับเจ้า…” จ้าวเหิงเอ่ยอย่างยากลำบาก “เจ้าอยู่ในหอนางโลม”

อวี๋หวั่นเยาะเย้ย “คนร่ำเรียนหนังสืออย่างพวกเจ้าก็ไปเดินเที่ยวซ่องโสเภณีด้วยรึ?”

ใบหน้าของจ้าวเหิงซีดขาวสลับกับแดง “ข้าไม่เคยไป”

อวี๋หวั่นกล่าวต่อ “ดังนั้น เขาบอกเจ้า เจ้าก็เชื่อทันที? ข่าวลือที่ข้าเคยมีบุตร เขาก็เป็นคนปล่อยหรือ?”

จ้าวเหิงสูดหายใจลึก “ข้าบอกแล้วว่าเขาไม่โกหกข้า เรื่องที่เจ้าเคยมีบุตรมาก่อน…ข้าเห็นมันด้วยตาของข้าเอง”

“เจ้า?” อวี๋หวั่นมองเขาด้วยสายตาที่ไม่เชื่อ

จ้าวเหิงรีบอธิบาย “ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น ข้าหมายถึง…ข้าเห็นภาพเสมือนของเจ้า! เมื่อวาน ก่อนที่ข้าจะพบกับเจ้า ข้าถูกผู้ชายสองคนจับตัวไป…”

จ้าวเหิงเล่าเหตุการณ์ที่เขาได้พบกับชายฉกรรจ์ผู้แข็งแกร่ง การถูกสอบสวน และส่งตัวกลับมาที่ตรอกอย่างละเอียด “…บน…บนใบหน้าของเจ้ามีอะไรบางอย่าง แต่ข้าจำเจ้าได้แล้ว นั่นก็คือเจ้า! หญิงท้องแก่ใกล้คลอด…คือเจ้า! เจ้า…เจ้าบอกข้ามา ว่าเจ้าทำให้ใครขุ่นเคืองมาหรือไม่?”

จะทำให้ใครขุ่นเคืองหรือไม่ อวี๋หวั่นไม่ได้สนใจ สิ่งที่เธอสนใจคือจ้าวเหิงเองก็ไม่รู้ว่าเธอได้ให้กำเนิดเด็กมาอย่างปลอดภัยหรือไม่

“จะเป็นนางได้อย่างไร?”

ในร้านน้ำชาธรรมดาที่ดูไม่เตะตา เหยียนหรูอวี้มองภาพวาดที่วางอยู่ตรงหน้า สตรีในภาพวาดเป็นคนที่นางไม่อาจลืมเลือน หญิงในหมู่บ้านที่ขู่ว่าจะแย่งคู่หมั้นและลูกชายของนาง!

“ท่านผิดพลาดอันใดไปหรือไม่?”

เหยียนหรูอวี้มองสวี่ส้าวด้วยสายตาที่ยากจะเชื่อ

สวี่ส้าวก็หวังให้ตัวเองผิดพลาด ยามที่เห็นภาพวาด ท่าทีตกตะลึงของเขาก็ไม่ต่างกับเหยียนหรูอวี้ อวี๋หวั่นเข้าร่วมการแข่งขันกับหอเทียนเซียง และถูกขังอยู่ในอุโมงค์น้ำแข็ง ซึ่งสุดท้ายหลานชายของเขา องค์ชายรองผู้สูงศักดิ์ก็ช่วยชีวิตเธอไว้ด้วยตนเอง

เขาที่เป็นเจ้าของ ก็ยังไม่อาจปิดบังเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ได้

“เป็นไปไม่ได้…เป็นไปไม่ได้แน่!” เหยียนหรูอวี้ส่ายศีรษะอย่างเลื่อนลอย “นางไม่มีทางเป็นหญิงอัปลักษณ์เมื่อสามปีก่อน…นาง…นางไม่มีทาง…ไม่มีทาง!”

หากเป็นผู้หญิงคนอื่น เหยียนหรูอวี้ก็อาจทำใจยอมรับได้ แต่นี่เป็นอวี๋หวั่น

เหยียนหรูอวี้ริษยาอวี๋หวั่น ตอนที่อวี๋หวั่นไม่มีอะไรเลยก็เป็นถึงเพียงนี้ ไม่อยากคิดเลยว่าหากวันใดจำลูกของตนเองได้ จะกดหัวนางเพียงใด!

สวี่ส้าวรู้เรื่องระหว่างเหยียนหรูอวี้กับอวี๋หวั่นมาบ้าง จึงเอ่ยว่า “ดูเหมือนว่า นางจะไม่ได้แย่งชิงของของเจ้ามา แต่เป็นเจ้าที่แย่งชิงของของนางมาตลอด”

แย่งเยี่ยนจิ่วเฉา? เดิมทีเยี่ยนจิ่วเฉาเป็นผู้ชายของนางมาก่อน

แย่งเด็กทั้งสาม? เดิมทีเด็กทั้งสามก็เป็นบุตรชายของนางมาก่อน

นี่นับเป็นการแย่งชิงอย่างไร? แต่ไหนแต่ไรมาก็คือการกลับสู่เจ้าของเดิม

เหยียนหรูอวี้ไม่อาจยอมรับความจริงตรงหน้า นางครุ่นคิดอย่างหนักเพื่อหาหลักฐานมาหักล้าง “หากเป็นนางจริง เหตุใดจึงจำข้าไม่ได้?”

นางจำอีกฝ่ายไม่ได้ เพราะรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไปของอีกฝ่าย แต่ตัวนางไม่ได้เปลี่ยน แล้วอีกฝ่ายก็ได้พบกับนางอยู่หลายครา จะจดจำนางไม่ได้เลยหรือ?

สวี่ส้าวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เราให้ยากับนาง”

ยาที่ทำลายสภาพจิตใจ เมื่อกินเข้าไปแล้วจะเปลี่ยนคนให้กลายเป็นคนโง่ได้ ทว่าไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นจะมีชะตาที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ เพียงแค่สูญเสียความทรงจำไปบางส่วน

“ข้าไม่สน! จะเป็นใครก็ได้! แต่ต้องไม่ใช่นาง! ข้าไม่ยอมให้นางพรากทุกอย่างไปจากข้า!” ผู้ชายของนาง ลูกๆ ของนาง ทั้งหมดเป็นของนาง ไม่ใช่อวี๋หวั่น!

สวี่ส้าวขมวดคิ้ว “ข้าเกรงว่ามันคงยากสักหน่อย”

สายลับจากก้งเฉิงส่งข้อมูลมา บ้านที่เหยียนหรูอวี้เคยอาศัยอยู่มีร่องรอยการรื้อค้น เป็นไปได้อย่างยิ่ง ว่าเยี่ยนจิ่วเฉาจะส่งคนไปสำรวจมาแล้ว ส่วนการค้นพบเบาะแสหรือไม่นั้นอยู่เหนือการควบคุมของเขา

“ข้าต้องตั้งครรภ์เลือดเนื้อของคุณชายเยี่ยนจริงๆ เท่านั้น…” เหยียนหรูอวี้เอ่ยพร้อมกับจับข้อมือของสวี่ส้าว

สวี่ส้าวขมวดคิ้วเป็นปม “เจ้าคิดว่าการคาดเดาเยี่ยนจิ่วเฉาเป็นเรื่องง่ายดายหรือ?”

เมื่อสามปีก่อน เยี่ยนจิ่วเฉาถูกมอมยาเป็นเรื่องบังเอิญ พวกเขาไปวางยาไม่ทัน ทว่าเยี่ยนจิ่วเฉากินยาผิดเอง และเข้าหอนางโลมด้วยความสับสนมึนงง

เดิมทีพวกเขาอยู่ในซ่องที่ใหญ่ที่สุดในสวี่โจว และเตรียมหญิงสาวที่สวยที่สุดไว้ให้กับเยี่ยนจิ่วเฉา แต่ใครจะรู้ว่าเขาจะพาหญิงอัปลักษณ์เข้าไปนอนในซ่องด้วย

ว่ากันว่าหญิงอัปลักษณ์ไม่ได้เกิดมาน่าเกลียดแต่แรก แต่เพราะกินวัชพืชมีพิษ ระหว่างทางที่พ่อค้ามนุษย์พามา ทำให้เกิดผื่นพิษบนใบหน้าของนาง

เมื่อกล่าวเช่นนี้ ก็เป็นโชคดีของพวกเขา ที่หญิงอัปลักษณ์คนนั้นเป็นสาวบริสุทธิ์ มิฉะนั้น พวกเขาคงไม่อาจรับประกันได้ว่าเลือดเนื้อในท้องมาจากเยี่ยนจิ่วเฉา

แม่เล้าที่หอนางโลมไม่อาจปล่อยให้เด็กผู้หญิงตั้งครรภ์ได้ ในเมื่อจะให้มีทายาทไม่ได้ ก็ไม่มีความจำเป็นต้องรับตัวผู้หญิงคนนั้นกลับมา หรือเขาเที่ยวหอนางโลมแล้วยังต้องรับผิดชอบอีกฝ่ายด้วย?

ช่วงเวลาหลังจากนั้นยากลำบากยิ่งนัก แต่โชคดีที่ในที่สุดพวกเขาก็พบตัวผู้หญิงคนนั้น และได้บุตรในครรภ์ของเธอมา

“เดิมทีไม่อาจเกิดมาได้” สวี่ส้าวกล่าว

ทว่านางแข็งแกร่งมาก ทารกทั้งสามต่างถือกำเนิดมาได้อย่างปลอดภัย

…………………………………………………….

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]