อวี๋หวั่นบีบนิ้ว “แล้ว…แล้วเด็กเล่า?”
นางเจียงส่ายหัว “ไม่รู้ เจ้า…เจ้าไม่ได้บอก”
ไม่ได้บอกจริงๆ แม้แต่เรื่องที่เธอเคยตั้งครรภ์หรือมีบุตรนางเจียงก็รู้ด้วยตนเอง และอาหวั่นก็ดูเหมือนจะฝันร้าย เธอจำทุกอย่างที่เกิดขึ้นในปีที่เธอหายตัวไปไม่ได้เลย
อาหวั่นถามนางเจียงด้วยความหวาดกลัว “ท่านแม่ เกิดอะไรขึ้นกับข้า? ข้าเป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร?”
น้ำตาของเธอไหลลงมาอาบแก้มทั้งสอง
นางเจียงจำต้องเอ่ย “มิเป็นไรหรอก เจ้าไปที่บ้านท่านยาย ลืมไปแล้วหรือลูก?”
“เช่นนั้น เงินพวกนี้…”
“มันเป็นเงินค่าเดินทางที่ท่านยายให้เจ้ามา”
“ใช่ ท่านยายให้เงินค่าเดินทางกับข้า…ข้านึกออกแล้ว”
“ใช่ไหม?” นางเจียงลูบหัวเธอเบาๆ
นางเจียงเอ่ยเสียงต่ำ “ข้าก็เคยคิดว่าแท้จริงเด็กคนนั้นอยู่ที่ใด แต่ข้าไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเขาได้เกิดมามีชีวิตหรือไม่”
“เขาเกิดมา” เธอพึมพำ
แล้วหลังคลอดเล่า?
เธอนึกไม่ออก
อวี๋หวั่นรู้สึกสับสนว้าวุ่น ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เธอนึกถึงเรื่องราวชีวิตในโลกก่อนได้น้อยลง ทั้งผู้คนและสิ่งต่างๆ ในโลกก่อนค่อยๆ เลือนรางจางหายไปจากสมอง เธอไม่สามารถหลอกตัวเองได้อีกต่อไปว่ามันเป็นเรื่องของเจ้าของร่างเดิม
มันเป็นเรื่องของเธอ เป็นลูกของเธอ
อวี๋หวั่นเดินไปที่เตียง และสอดตัวเข้าใต้ผ้าห่ม
นางเจียงจัดผ้าห่มคลุมตัวเธอ
อวี๋หวั่นหันหน้าเข้าด้านใน และขดตัวเองเป็นลูกกลมๆ
นายเจียงลูบจอนผมของเธออย่างเบามือ และเดินออกจากห้องเบาๆ
“ท่านแม่”
นางเจียงหยุดชะงัก
อวี๋หวั่นไม่ได้เอ่ยคำพูดใดต่อ
ทว่านางเจียงก็เข้าใจ แม้ว่าเธอจะไม่ได้บอกว่าประโยคนั้นคืออะไร
ท่านแม่ ข้าเจ็บปวดยิ่งนัก
…
ภรรยาของซันหนิวคลอดแล้ว เขาถือกำเนิดตอนรุ่งสาง เป็นทารกตัวอ้วนใหญ่ นับเป็นหลานชายคนรองของป้าจาง ป้าจางดีอกดีใจยิ่ง ตื่นมาต้มไข่สีแดงแต่เช้าตรู่ ส่งไปยังบ้านทุกหลังให้ผู้คนได้ร่วมยินดี
เมื่อคราวส่งถึงบ้านอวี๋หวั่น อวี๋หวั่นที่เพิ่งตื่นนั่งหัวฟูอยู่บนเตียง
“อาหวั่นเอ๊ย!” ป้าจางเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มและวางไข่สีแดงสองฟองลงบนโต๊ะ “ขอบคุณพวกเจ้าสำหรับเมื่อวานนะ! หากไม่ใช่เพราะพวกเจ้ารีบไปเชิญหมอตำแยมา ลูกสะใภ้ข้าคงเป็นอันตรายแล้ว!”
ภรรยาซันหนิวเลือดไหลไม่หยุด นางตกใจกลัวมาก หมอตำแยมาจึงห้ามเลือดได้ทัน
“ทว่าทารกในครรภ์ไม่ได้มีตำแหน่งที่ผิดแต่อย่างใด!” ป้าจางกล่าวด้วยใบหน้าจริงจัง
“ข้าผิดไปแล้ว” อวี๋หวั่นกระซิบ
มิใช่ภรรยาของซันหนิวที่มีตำแหน่งของทารกในครรภ์ที่ไม่ถูกต้อง แต่เป็นเธอเมื่อสามปีก่อน
ปัญหาตำแหน่งทารกในครรภ์ผิดปกติในโลกก่อนสามารถจัดการได้ง่าย แต่ในสมัยโบราณกลับเป็นปัญหาที่ยากยิ่ง บางทีเธออาจจะ…ไม่ได้ให้กำเนิดเด็กทารกออกมาก็ได้
“อาหวั่น เจ้าเป็นอันใดไป?” ป้าจางเห็นอวี๋หวั่นตาแดงๆ ก็ตกใจทำอะไรไม่ถูก “ข้าไม่ได้หมายความว่าเจ้าไม่เก่ง ข้า ข้า…ข้าไยถึงได้ปากมากเช่นนี้! อาหวั่นอย่าโกรธป้าเลยนะ! ป้าขอโทษ!”
อวี๋หวั่นยิ้มราวกับคนที่ไม่มีความรู้สึก “ข้ามิเป็นไร แค่มีบางอย่างเข้าตา ข้ายินดีกับป้าจางด้วย”
“เฮ้อ!” ป้าจางรู้สึกโล่งใจ พลันมอบไข่สีแดงให้อีกสองสามฟอง จนเต็มถาดใบเล็กๆ ที่วางอยู่บนโต๊ะ จากนั้นก็ไปต่อยังบ้านหลังถัดไปเพื่อมอบไข่สีแดง
อวี๋หวั่นปอกเปลือกไข่สีแดงและกินอย่างระมัดระวัง
รสชาติค่อนข้างแปลก ทำให้คนกินรู้สึกระคายคอ
เธอรู้ว่าท่านแม่ทำเพื่อประโยชน์ของเธอ ถึงอย่างไรเด็กคนนั้นก็อาจจะไม่ได้เกิดมา นอกจากนี้ ‘อวี๋หวั่นคนก่อน’ ก็ยังลุ่มหลงในตัวจ้าวเหิง มุ่งมาตรปรารถนาจะแต่งงานเป็นภรรยาซิ่วไฉของจ้าวเหิง ท่านแม่จะทนใจดำทำร้ายเธอได้อย่างไร?
นอกจากนี้ จ้าวเหิงไม่ได้บอกหรือว่าเธอเข้าหอนางโลม? แต่ก่อนเธอก็ไม่เชื่อคำพูดของจ้าวเหิง ทว่ายามนี้เธอคิดว่ามีสิ่งหนึ่งที่จ้าวเหิงพูดถูก ไม่แน่เธออาจจะเคยเข้าหอนางโลมมาก่อน แล้วก็ไม่รู้ว่าทารกคนนั้นเกิดมาจากชายป่าคนใด
“ฮัดชิ่ว!” คุณชายคนหนึ่งในมณฑลอวี้ที่ห่างไกลจามอย่างรุนแรง!
“ท่านพี่!” เถี่ยตั้นน้อยที่ล้างหน้าล้างตาแล้ว เดินตัวลอยเข้ามาในห้อง “ท่านตรวจการบ้านของข้าเถิด! ข้าท่องเสร็จแล้ว!”
เถี่ยตั้นน้อยที่ฉี่รดที่นอนในอายุหกขวบ ตัดสินใจใช้เรี่ยวแรงแห่งปัญญากู้คืนศักดิ์ศรีของลูกผู้ชายตัวน้อยๆ! เขาตื่นแต่เช้าตรู่มาท่องตำราเชียวนะ! ท่องอย่างเอาจริงเอาจังเลย!
ทว่าอวี๋หวั่นกลับไม่ตรวจ และหยิบไข่สีแดงยัดใส่มือเขา “พี่มีธุระ จะออกไปข้างนอกก่อน กลับมาแล้ว จะตรวจให้เจ้า”
เถี่ยตั้นน้อย “อ้อ”
“แล้วก็” อวี๋หวั่นที่เดินไปถึงประตูหันกลับมาพูด “ไม่ว่าท่องตำรามาดีเพียงใด การฉี่รดที่นอนก็ยังเป็นเรื่องที่น่าอับอายยิ่ง”
เถี่ยตั้นน้อยจุกพูดไม่ออก “…”
…
อวี๋หวั่นไปที่เมืองหลวงและยืนอยู่ในตรอกที่เธอพบกับจ้าวเหิงเมื่อวาน
จ้าวเหิงที่เพิ่งเลิกเรียน กำลังเดินกลับบ้านพร้อมกระเป๋าหนังสือ เดินไปได้เพียงครึ่งทาง เขาก็ถูกเงาร่างหนึ่งขวางไว้
ในความคิดแรกของจ้าวเหิงคือกลุ่มคนที่ใช้กระสอบคลุมหัวเขากลับมาอีกครั้ง เขายกกระเป๋าหนังสือขึ้นบังศีรษะตามจิตใต้สำนึก
อวี๋หวั่นดึงกระเป๋าหนังสือออกโดยไม่ต้องคิด
จ้าวเหิงลืมตาดู “เจ้าเองรึ? ไยเจ้ายังมาที่นี่อีก!”
ความตกใจเมื่อพบอวี๋หวั่นไม่น้อยไปกว่าการพบชายฉกรรจ์กลุ่มนั้น อย่างไรชายฉกรรจ์กลุ่มนั้นก็เพียงแค่ถามคำถามเท่านั้น ต่างจากอวี๋หวั่นที่ลงมือกับเขาจริงๆ
อวี๋หวั่นคว้าคอเสื้อของเขาและลากเข้าไปในตรอกด้านข้าง ราวกับไก่น้อยตัวหนึ่ง
“เจ้า เจ้า เจ้า…เจ้าจะทำอะไร! ปล่อยข้า!” จ้าวเหิงเอ่ยอย่างโกรธเกรี้ยว บุรุษที่ถูกดรุณีตัวเล็กๆ ลากไปลากมา ช่างขายขี้หน้ายิ่งนัก!
อวี๋หวั่นโยนเขาไปที่มุม ร่างบางกระแทกกับผนังเย็นๆ เจ็บจนร่างชา
อวี๋หวั่นเอ่ยอย่างรังเกียจ “เจ้ามันไก่อ่อน ตอนแรกข้าตาบอดถึงได้ไปชอบเจ้า เจ้าสมองขี้เลื่อย!”
จ้าวเหิงสำลักด้วยความโกรธแค้น “เจ้า…เจ้าหยุดเอ่ยวาจาหยาบคายเดี๋ยวนี้!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]