เมื่อเยี่ยนจิ่วเฉากลับไปถึงกระโจม อวี๋หวั่นก็นอนอยู่บนแคร่ซึ่งปูด้วยหญ้าแห้งและฟูกนุ่มแล้ว สภาพความเป็นอยู่ในค่ายทหารนั้นยากลำบาก อวี๋หวั่นไม่เคยเรียกร้องว่าตนเองต้องกินดีอยู่ดีกว่าคนอื่นๆ
หอกซึ่งปักลงบนร่างของเธอถูกดึงออกมาแล้ว ชุยเฒ่าก็รักษาให้เธออย่างสุดความสามารถ ทว่าหอกเล่มนี้แทงทะลุอกของอวี๋หวั่น ต่อให้ไม่โดนตำแหน่งหัวใจ แต่ก็ทำให้เป็นแผลที่ไม่อาจรักษาได้
จะไม่ดึงหอกออกก็ไม่ดี แต่ดึงออกไปก็ทำให้บาดเจ็บหนักกว่าเดิม อาการบาดเจ็บของอวี๋หวั่นนั้นรุนแรงกว่าที่ชุยเฒ่าคิด
ชุยเฒ่าเครียดจนผมหงอกกว่าเดิมอีกหลายเส้น
เขาสั่งให้คนยกเลือดออกไปเป็นกะละมัง แสงตะเกียงในกระโจมส่องสะท้อนใบหน้าซีดเผือดของเขา เขาปาดเหงื่อบนหน้าผาก ความรู้สึกพ่ายแพ้ที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนก็พลันผุดขึ้นในใจ
บรรยากาศในค่ายทำให้เยี่ยนจิ่วเฉาซึ่งอยู่ไกลออกไปสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ สถานที่ซึ่งเคยเซ็งแซ่คล้ายกับถูกปิดเสียงเอาไว้ในฉับพลัน ประหนึ่งโลกนี้จะไร้ซึ่งเสียงไปตลอดกาล
เยี่ยนจิ่วเฉาเดินเข้ากระโจมไป
อวี๋หวั่นนอนอยู่บนเตียง ราวกับกำลังนอนหลับในยามปกติ เพียงแต่ใบหน้าขาวซีดของเธอกลับทรยศเธอ นอกจากนั้น ตั้งแต่ที่อวี๋หวั่นเดินทางมาถึงที่นี่ เธอไม่เคยได้พักผ่อนเต็มอิ่มสักครั้ง ตอนนี้เธอก็ควรจะอยู่ช่วยรักษาทหารที่บาดเจ็บเช่นกัน…
นางเจียงนั่งอยู่ข้างเตียง จับมือของอวี๋หวั่นแน่น
นางได้ยินเสียงฝีเท้าของเยี่ยนจิ่วเฉา จึงหันหลังไปมอง ดวงตาทั้งสองข้างเต็มไปด้วยความโศกเศร้า “อาหวั่นนาง…ไม่ตื่น…”
อวี๋เซ่าชิงก็เข้ามาในกระโจมเช่นกัน “มีอะไรหรือ เกิดอะไรขึ้น…”
เสียงของเขาหยุดลงทันทีที่เห็นนางเจียงดวงตาแดงก่ำ ขอบตาบวมเป่ง สายตาของเขาเบนจากนางเจียงไปหยุดอยู่ที่ร่างของอวี๋หวั่นซึ่งนอนไม่ได้สติ เขาหน้าถอดสีในทันใด “อาหวั่นเป็นอะไร!”
นางเจียงร่ำไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด น้ำตาหยดเปาะแปะลงมาไม่หยุด “ข้าเรียกอาหวั่น แต่นางไม่ตื่น…”
อวี๋เซ่าชิงรู้สึกว่าสมองของตนชาหนึบไปชั่วขณะหนึ่ง ก็สัมผัสได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติตั้งแต่ตอนที่เขาเข้ามาในค่ายทหารแล้ว มีกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง ในค่ายก็เต็มไปด้วยทหารบาดเจ็บ เขาจึงไม่คิดว่าจะเป็นบุตรสาวของตน
อวี๋เซ่าชิงเดินเข้ามาข้างเตียง มองดูบุตรสาวซึ่งกำลังหลับตาสนิท หมวกเกราะของเขาร่วงลงบนพื้น
“เจ้าสาม…” นางเจียงพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ นางไม่เคยโศกเศร้าเช่นนี้มาก่อน และนางไม่เคยแสดงความอ่อนแอออกมาเช่นนี้ แต่อาหวั่นของนางไม่ฟื้นขึ้นมาแล้ว นางกำลังจะเสียอาหวั่นไปจริงๆ…
อวี๋เซ่าชิงโอบนางเจียงด้วยแขนอันสั่นเทิ้ม “เป็นไปไม่ได้…อาหวั่นจะไม่เป็นไร….สวรรค์คุ้มครองคนดี…นางต้องฟื้นขึ้นมา…”
“สรุปว่าเกิดอะไรขึ้น” เยี่ยนจิ่วเฉาถามด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
ผิงเอ๋อร์ตอบด้วยเสียงสะอึกสะอื้น “เป็นความผิดของข้า…ข้าได้ยินข่าวว่าทัพใหญ่ได้รับชัยชนะ…จึงวิ่งมาบอกฮูหยินน้อย…ฮูหยินน้อย…ฮูหยินน้อยจึงไปรอคุณชายที่ทางเข้าหมู่บ้าน… แล้วก็…ถูกลอบโจมตี…”
หลายวันมานี้เยี่ยนไหวจิ่งไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้อวี๋หวั่น เหตุผลประการแรกก็เพราะอวี๋หวั่นยุ่งอยู่กับงาน เหตุผลประการที่สองก็เพราะสถานที่ที่อวี๋หวั่นทำงานนั้นไม่เจริญหูเจริญตา เขาไม่ชอบสถานที่ที่มีเลือดและสกปรกเช่นนี้
เขาไปสำรวจเหตุการณ์ และกำลังจะมาหาอวี๋หวั่น ทันทีที่เดินเข้าไปในกระโจม มือเย็นเฉียบก็คว้าเข้าที่ลำคอของเขา
เยี่ยนจิ่วเฉาบีบคอของเขา แล้วจับเขาออกมานอกกระโจม และกระแทกไปยังต้นไม้ฝั่งตรงข้าม
ทหารซึ่งอยู่บริเวณนั้นล้วนตื่นตะลึง
เกิดอะไรขึ้น ผู้สำเร็จราชการกับรัชทายาทต่อสู้กันหรือ?
เยี่ยนไหวจิ่งใบหน้าแดงก่ำ เขาพยายามดิ้น เพื่อให้ตนเองหลุดจากพันธนาการของเยี่ยนจิ่วเฉา แต่ฝ่ามือใหญ่ของเยี่ยนจิ่วเฉาแข็งแกร่งประหนึ่งกรงเล็บเหล็กกล้า ไม่ว่าอย่างไรก็หนีไปไม่ได้
ทหารซึ่งมุงดูเหตุการณ์เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
เยี่ยนไหวจิ่งใบหน้าเขียวอมแดง เขารู้สึกขายหน้าเหลือเกิน
เขากัดฟันพูดออกมาอย่างยากลำบาก “เยี่ยนจิ่วเฉา…เจ้าทำอะไร…”
ดวงตาของเยี่ยนจิ่วเฉาดุดันประหนึ่งมีเปลวเพลิงลุกโหม “เรื่องเละเทะในเมืองหลวง ข้าเป็นคนจัดการ สงครามที่เมืองอวี่ ข้าก็ไปสู้ ความเป็นความตายของราษฎร ข้าก็ดูแล…ให้เจ้าทำเพียงเรื่องเดียว…แค่ดูแลค่ายทหารให้ดี เรื่องแค่นี้…เจ้ากลับทำไม่ได้!”
เยี่ยนจิ่วเฉากดเขาไว้กับพื้น
เยี่ยนไหวจิ่งบาดเจ็บภายใน เขากระอักเลือกสดออกมาคำโต
นัยน์ตาของจวินฉางอันกระตุกวูบ เขาก้าวออกไปด้านหน้า “ผู้สำเร็จราชการ…”
“ไสหัวไป!”
เยี่ยนจิ่วเฉาตวาดลั่น จิตสังหารรุนแรงระเบิดออกมา ราวกับลำแสงไร้รูปร่าง พุ่งออกมากระแทกจวินฉางอันจน
กระเด็นออกไป
ทุกคนสัมผัสได้ถึงพลังรุนแรงจากเยี่ยนจิ่วเฉา แต่ก็ไม่มีผู้ใดกล้าออกหน้าแทนเยี่ยนไหวจิ่ง
พวกเขาเห็นสิ่งที่อวี๋หวั่นทำ เธอเพิ่งคลอดลูกได้ไม่นาน ยังไม่ทันครบกำหนดพักฟื้น ก็มาอยู่ร่วมกับทุกคน มิได้เย่อหยิ่งคิดว่าตนเองเป็นถึงชายาของผู้สำเร็จราชการ เธอง่วนอยู่กับงานทั้งวัน จนแทบไม่มีเวลาได้พักผ่อน
ไม่ใช่ทหารทุกคนที่จะถูกนำตัวมาถึงค่ายด้วยสภาพสะอาดสะอ้านน่ามอง แต่ถึงแม้พวกเขาเนื้อตัวเปรอะเปื้อน
เลือด แลดูสกปรกโสโครกแค่ไหน เธอก็ไม่เคยรังเกียจรังงอนที่จะช่วยเหลือ
อวี๋หวั่นไม่ได้ช่วยรักษาผู้บาดเจ็บเท่านั้น ก่อนหน้านี้ที่ผู้สำเร็จราชการตัดสินใจบุกเมืองอวี่ เธอได้ส่งคนไปแจ้งแก่ทางการของตำบลโดยรอบว่าให้เตรียมตัวรับผู้อพยพ ค่ายทหารไม่ใช่สถานที่ที่ปลอดภัย อาจมีสงครามขนาดย่อมเกิดขึ้นเมื่อไรก็ได้ และมักมีภาพเหตุการณ์ที่น่าสยดสยองเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง เรื่องทั้งหมดนี้ เธอล้วนเป็นคนจัดการ
เธอมีทั้งความสามารถและคุณธรรม ทั้งยังมีวิธีที่ชาญฉลาด ทำให้ผู้สำเร็จราชการและเหล่าทหารกล้าซึ่งกำลังฮึกเหิมออกรบโดยปราศจากความกังวลใจ
เมื่อเธอถูกทำร้ายจนเป็นเช่นนี้ ทุกคนจึงรู้สึกเดือดดาล
ผู้สำเร็จราชการกล่าวไว้ไม่ผิด เขาให้รัชทายาทรับผิดชอบเพียงเรื่องเดียว แต่รัชทายาทก็ยังทำเสียเรื่อง
เยี่ยนไหวจิ่งก็เข้าใจดีว่าตนเองหนีความผิดไม่พ้น เขาคิดอยากแก้ตัว แต่ต่อให้หลอกคนอื่นได้ เขาก็หลอกตัวเองไม่ได้ นั่นก็คือคนเผ่าศักดิ์สิทธิ์อาศัยจังหวะชุลมุนหลบหนีออกมาพร้อมกับชาวบ้านเมืองอวี่ ตอนนั้นคนผู้นั้นบาดเจ็บหนักทั้งยังอุ้มทารกซึ่งกำลังร้องกินนมคนหนึ่งมา อาจเป็นเพราะทารกคนนั้น เขาจึงไม่ได้ระแวงอีกฝ่ายมากนัก
คนปกติและคนที่บาดเจ็บไม่มากล้วนถูกส่งไปตามตำบลต่างๆ โดยรอบ เจ้าสารเลวจากเผ่าศักดิ์สิทธิ์คนนั้นขาหัก
ต้องได้รับการรักษาโดยด่วน จึงถูกส่งเข้าไปในกระโจมของกองทัพ
ไม่ใช่ว่าผู้บาดเจ็บทุกคนจะถูกส่งไปหาอวี๋หวั่น เธอไม่ใช่กวนอิมพันกร ไม่อาจช่วยรักษาคนไข้นับพันคนในเวลาพร้อมกันได้ แต่เยี่ยนไหวจิ่งกลับเห็นหน้าค่าตาคนเผ่าศักดิ์สิทธิ์คนนั้นมาก่อน!!!
เพียงแต่เขามองไม่ออกว่าคนเผ่าศักดิ์สิทธิ์กับคนไข้คนอื่นๆ แตกต่างกันตรงไหน
บางครั้งเยี่ยนไหวจิ่งก็คิดว่าถ้าหากตอนนั้นเยี่ยนจิ่วเฉาอยู่ที่นี่ เขาจะมองออกไหม ก็คงมองไม่ออกเหมือนกันกระมัง
กระนั้นแล้ว หลังจากนั้นอิ่งสือซันกับอิ่งลิ่วก็เข้าไปตรวจในกระโจมคนไข้ดูแล้ว และจับคนเผ่าศักดิ์สิทธิ์ได้อีกสิบกว่าคน ทั้งหมดล้วนเป็นคนที่ปะปนมาในตอนที่เยี่ยนจิ่วเฉานำทัพกลับจากเมืองอวี่ เยี่ยนไหวจิ่งเห็นพวกเขาทุกคน แต่ก็มองไม่ออกเลยสักคน
เยี่ยนจิ่วเฉาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “ไสหัวกลับเมืองหลวงไปซะ ข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้า!”
ถ้าหากเยี่ยนจิ่วเฉาระเบิดอารมณ์ ลงมือต่อยเขาขึ้นมา เรื่องอาจจบลงได้ แต่เยี่ยนจิ่วเฉากลับปล่อยเขาไปง่ายๆ แสดงว่าเรื่องนี้ไม่มีทางดีขึ้นแล้ว
เยี่ยนไหวจิ่งอยากพูดอะไรต่อ แต่กลับถูกซิวหลัวฟันน้ำนมจับคอเสื้อ ลากออกไปนอกค่ายเสียแล้ว!
เยี่ยนจิ่วเฉากลับไปยังกระโจม
“พวกเราออกไปกันก่อนเถิด ให้จิ่วเฉาอยู่เป็นเพื่อนอาหวั่น” อวี๋เซ่าชิงพานางเจียงออกไป
เยี่ยนจิ่วเฉานั่งลงข้าเตียง
เขาเร่งร้อนควบม้ามา ก็เพื่อให้ได้พบอวี๋หวั่นเป็นคนแรก
แต่กลับไม่คิดว่าจะได้พบกับอวี๋หวั่นที่ไม่ฟื้นขึ้นมาอีก
“คุณชายขอรับ คนเผ่าศักดิ์สิทธิ์…” อิ่งสือซันตามเข้ามา
“ฆ่าให้หมด!” เยี่ยนจิ่วเฉาตอบ
“อะไรนะ” ในกระโจมของเซียวเจิ้นถิง แม่ทัพแซ่จ้าวคนหนึ่งลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ “ผู้สำเร็จราชการจะให้ฆ่า?
ฆ่าใคร คนเผ่าศักดิ์สิทธิ์ที่ยอมแพ้ต่อต้าโจวน่ะหรือ? พวกเขายอมแพ้แล้วนะ! แต่โบราณมีกฎไม่ให้สังหารกองทัพที่ยอมแพ้! ทำเช่นนี้ก็ไม่ถูกหลักการน่ะสิ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]