เมื่ออวี๋หวั่นเห็นเขา จิตใจก็พลันสงบลง
เธอมองเขาซึ่งอยู่ไกลออกไป เขามองเธอเช่นกัน ราวกับอยู่ห่างกันหมื่นสายน้ำพันภูผากั้น แต่ก็เหมือนกับอยู่ใกล้กันเพียงคืบเดียว อวี๋หวั่นได้ยินเสียงหัวใจของตนเต้นระรัว
“องค์ชาย…ด้านหลังเยี่ยนจิ่วเฉา…คงไม่ใช่กองทัพเรือของเมืองเยี่ยนกระมัง?” จวินฉางอันพึมพำ สายตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
เยี่ยนไหวจิ่งสีหน้าถมึงทึง เขาเป็นถึงองค์ชายแห่งต้าโจว ย่อมมีความเข้าใจด้านกองทัพของต้าโจวมากกว่าจวินฉางอันซึ่งเป็นชาวยุทธภพ นั่นคือกองทัพเรือแห่งเมืองเยี่ยนอย่างไรเล่า!
ใต้หล้าล้วนรู้ว่าเมืองเยี่ยนร่ำรวย ร่ำรวยล้นฟ้า แต่กลับหลงลืมไปว่าเมืองที่มั่งคั่งเช่นนี้ก็ยังอุปถัมภ์กองทัพเรือที่เก่งกาจ นี่เป็นกองทัพเรือที่เกรียงไกรที่สุดในต้าโจว ว่ากันว่าในอาณาเขตสามพันหลี่รอบชายฝั่ง เหล่าโจรสลัดล้วนถูกกองทัพเรือนี้ปราบไปจนไม่เหลือ
แน่นอนว่ากองทัพเรือนี้ มิใช่เพียงผ่านการฝึกฝนอย่างยากลำบากจึงจะเป็นได้ ลำพังเรือรบชั้นดีหนึ่งลำ ยังต้องใช้เงินมหาศาล เฉวียนโจวและติ้งโจวก็มีกองทัพเรือเช่นกัน น่าเสียดายที่ไม่อาจเทียบกับกองทัพเรือของเมืองเยี่ยนได้
เยี่ยนจิ่วเฉากลับเมืองหลวงมาครานี้ มีกองทัพเรือคอยอารักขามาด้วย แต่สิ่งที่เยี่ยนไหวจิ่งมิได้คาดคิดก็คือกองทัพสำหรับป้องกันอาณาเขตทางน้ำและชายฝั่งนั้นถูกเยี่ยนจิ่วเฉาเรียกมาปราบเรือเล็กเพียงลำเดียว
หากจะบอกว่าเป็นการเชือดไก่ด้วยมีดเชือดวัวก็จะเป็นการยกยอปอปั้นเยี่ยนจิ่วเฉาไปสักหน่อย ควรจะเรียกว่าเรียกช้างมาทั้งโขลงเพื่อฆ่าแมลงสาบเพียงตัวเดียวเห็นจะเหมาะกว่า
ต้องทำขนาดนี้เชียวหรือ?!
นำกองทัพเรือมามากถึงเพียงนี้ ไม่ต้องจ่ายเงินหรืออย่างไร?!
เขาร่ำรวย แต่ต้องเอาเงินมาผลาญกับเรื่องเแบบนี้หรือ?!
เรือที่เยี่ยนไหวจิ่งนั่งอยู่เป็นเรือทางการที่ใหญ่ที่สุดของเมืองหลวง เรือลำใหญ่และมีอุปกรณ์พรั่งพร้อมครบครัน เรียกได้ว่าเป็นพญาอินทรีย์แห่งผืนน้ำ แต่เมื่อเรือของเยี่ยนจิ่วเฉาเคลื่อนเข้ามาใกล้ เรือของเขาก็กลายเป็นเพียงลูกไก่ในสวนหลังบ้านทันที
จวินฉางอันปิดตา
ทนดูไม่ไหว ทนดูไม่ไหวแล้ว…
เรือรบเคลื่อนมาอย่างยิ่งใหญ่ เข้ามาล้อมเรือของเหยียนหรูอวี้และเรือของเยี่ยนไหวจิ่งอย่างไม่ครั่นคร้าม
ทว่าเรือของเยี่ยนจิ่วเฉากลับไม่ใช่เรือรบ หากแต่เป็นเรือสำราญซึ่งประดับตกแต่งอย่างวิจิตรงดงาม หรูหรากว่าเรือของเหยียนหรูอวี้ถึงสามเท่าเห็นจะได้ คู่ควรสมฐานะของคุณชายผู้สูงส่ง
ไม่อยากจะคิด คนไร้ความสามารถเช่นนี้จะนำทัพเรือของเมืองเยี่ยนออกมาได้
เยี่ยนไหวจิ่งสีหน้าไม่สู้ดีนัก
ขณะที่เหยียนหรูอวี้ซึ่งอยู่อีกด้านหนึ่งก็ตะลึงงันกับกองทัพเรือที่เคลื่อนมาอย่างแน่นขนัด
นางเคยขบคิดสารพัดร้อยแปดความเป็นไปได้ที่จะถูกเยี่ยนจิ่วเฉาไล่ล่า แต่เรื่องนี้…ไม่เคยมีอยู่ในสมองนางเลยสักนิด หากเยี่ยนจิ่วเฉากดดันนาง นางจะใช้เด็กทั้งสามเป็นข้อต่อรอง แต่บัดนี้นางคิดว่าตนเองออกจะไร้เดียงสาเกินไปสักหน่อย
ผู้ที่สามารถนำทัพเรือออกมาได้เช่นนี้ จะยอมให้ใครมาข่มขู่หรือ?
เรือของเยี่ยนจิ่วเฉาเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือไม่ เรือของเขากระแทกกับเรือทางการของเยี่ยนไหวจิ่ง ดูคล้ายกับจะไม่ทันระวัง ทว่ากลับกระแทกเสียจนเรือของเยี่ยนไหวจิ่งเคลื่อนห่างออกไป เรือสำราญลำยักษ์ของเยี่ยนจิ่วเฉาจึงเข้ามาแทรกด้วยความหยิ่งผยอง
เรือสำราญกินน้ำลึก ลำเรือสูง เยี่ยนจิ่วเฉายืนอยู่บนหัวเรือ มองลงมายังเรือของเหยียนหรูอวี้ ผู้คนต่างก็เงยหน้ามองเขา สำหรับผู้ที่คุ้นชินกับการถูกมองขึ้นมาอย่างเยี่ยนไหวจิ่ง ความรู้สึกนี้มิได้น่าอภิรมย์เท่าไรนัก
“พวกเจ้าทั้งสอง ใจกล้าเหลือเกิน” เยี่ยนจิ่วเฉากล่าวอย่างเย่อหยิ่ง
อวี๋หวั่นถูกสกัดจุดไว้ เคลื่อนไหวไม่ได้ แน่นอนว่าเธอย่อมไม่สามารถเงยหน้ามองเยี่ยนจิ่วเฉาได้เช่นกัน แต่เมื่อได้ยินเสียงของเขา ก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมา
เยี่ยนไหวจิ่งรู้สึกได้ถึงจังหวะการหายใจที่เปลี่ยนไปของอวี๋หวั่น คิ้วขมวดโดยไม่รู้ตัว “เยี่ยนจิ่วเฉา เจ้ารู้หรือไม่ว่าการนำทัพเรือออกมาโดยพลการนั้นมีโทษสถานใด?”
กองทัพเรือก็เหมือนกับกองทัพของเมืองหลวง มิใช่ว่าอยู่ๆ จะนำออกมาประกาศศักดาได้ กองทัพก็มีกฎของกองทัพ ต่อให้เป็นองค์ชาย ก็ย่อมต้องมีเหตุผลมากพอที่จะเคลื่อนทัพ
เยี่ยนจิ่วเฉาแค่นเสียง ‘หึ’ ในคอ แล้วกล่าวว่า “ความสุขข้า เจ้าเกี่ยวอะไรด้วย?”
เยี่ยนไหวจิ่ง “…”
แน่นอนว่าไม่เกี่ยวอะไรกับเขา
“แต่กองทัพเรือของเมืองเยี่ยน…” เยี่ยนไหวจิ่งเอ่ยปากพูด แต่ยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกเยี่ยนจิ่วเฉาตัดบทเสียก่อน
เยี่ยนจิ่วเฉากล่าวว่า “เจ้าก็รู้นี่ว่าเป็นทัพเรือของเมืองเยี่ยน ข้าเป็นคุณชายเมืองเยี่ยน ข้าจะทำอย่างไรพวกเขาก็ทำเช่นนั้น ไม่เชื่อเจ้าก็ลองเลี้ยงกองทัพเรือเล่นๆ บ้างสิ”
ละ…เลี้ยงกองทัพเรือ…เล่นๆ ?
เยี่ยนไหวจิ่งแทบจะกระอักเลือด กระนั้นเยี่ยนไหวจิ่งก็ไม่อาจโต้แย้งได้ แม้คำพูดของเยี่ยนจิ่วเฉาจะฟังดูคุยโวโอ้อวดอยู่บ้าง แต่เขาก็พูดไม่ผิด กองทัพเรือของเมืองเยี่ยนมีคน ‘เลี้ยง’ จริงๆ เงินอุดหนุนจากราชสำนักไม่เพียงพอสำหรับบำรุงรักษาเรือรบเสียด้วยซ้ำไป เงินทั้งหมดย่อมมาจากการอุปถัมภ์ของจวนเยี่ยนอ๋อง กองทัพเรือจึงยิ่งใหญ่ขึ้นทุกวันเช่นนี้ได้
พวกเขามีเรือรบที่แข็งแกร่ง อาจหาญ และอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ดีที่สุดในต้าโจว
ทั้งหมดนี้ล้วนต้องพึ่งพาเงินจากจวนเยี่ยนอ๋อง
หัวหน้ากองทัพเรือตอบอย่างไม่ครั่นคร้าม “ผู้ที่ทำร้ายคุณชาย ตาย!”
ทุกคนยกทวนขึ้นมา แล้วเล็งไปยังเยี่ยนไหวจิ่ง
เยี่ยนไหวจิ่งรู้ได้ทันทีว่าหากตนผลีผลามลงมือ คนกลุ่มนี้จักต้องยิงเขาจนพรุนเป็นแน่
เขาเป็นองค์ชาย เขายังไม่กล้าปฏิบัติต่อเยี่ยนจิ่วเฉาเช่นนี้ แต่เยี่ยนจิ่วเฉากลับกล้าปฏิบัติต่อเขาเช่นนี้?
น่ารังเกียจชะมัด!
เยี่ยนจิ่วเฉาอุ้มอวี๋หวั่นกลับขึ้นเรือไปแล้ว
อีกด้านหนึ่ง อิ่งลิ่วก็ตามหาแม่หลินและคุณชายน้อยทั้งสามจนพบ และแย่งชิงคุณชายน้อยมาจากแม่หลิน
คุณชายน้อยตกใจกลัวตลอดทั้งคืน กว่าจะได้นอนก็ฟ้าสางแล้ว บัดนี้ก็ยังหลับใหลอยู่ในตะกร้า
ทั้งสตรีและเด็กต่างก็หาเจอแล้ว ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเกรงใจคนเหล่านี้อีกต่อไป
เยี่ยนจิ่วเฉาเอ่ยขึ้นว่า “อิ่งสือซัน”
อิ่งสือซันรับคำ จากนั้นก็รุกเข้าไปด้วยจิตสังหารที่รุนแรงยิ่งกว่าก่อนหน้า จวินฉางอันถูกพลังมหาศาลโหมซัดใส่จนลงไปนอนกองอยู่บนพื้น แขนของเขาชาไปครึ่งหนึ่ง ปวดร้าวไปทั้งศีรษะ เลือดคาวละทักขึ้นมาจากลำคอ เขาพยายามกดมันเอาไว้ ทว่าผลกลับตรงกันข้าม เขากระอักเลือดสดออกมา
“จวินฉางอัน!” เยี่ยนไหวจิ่งหน้าซีดเผือด
“หึ” เยี่ยนจิ่วเฉากลอกตาอย่างไม่ยี่หระ พร้อมกับพูดอย่างโอหังว่า “จมมันเดี๋ยวนี้ อย่าให้เหลือแม้แต่ไม้แผ่นเดียว”
ไม่ทันรอให้เยี่ยนไหวจิ่งขบคิดว่าเยี่ยนจิ่วเฉาหมายความว่าอย่างไร หินก้อนมหึมาก็พุ่งข้ามศีรษะของเขาไปชนเข้ากับเรือของเหยียนหรูอวี้ ดาดฟ้าของเรือทะลุเป็นโพรงใหญ่เท่าศีรษะมนุษย์ น้ำจากทะเลสาบทะลักขึ้นมา
จากนั้นก็ตามมาด้วยหินก้อนที่สอง ก้อนที่สาม…ก้อนหินจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งมาจากเรือรบ เสียงกรีดร้องดังมาจากเรือหรูลำนั้น
ผ่านไปเพียงชั่วลัดนิ้วมือเดียว เรือหรูของเหยียนหรูอวี้ก็แหลกละเอียดไร้ชิ้นดี
…………………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]