ฮูหยินเหยียนรอบคอบ ไม่เพียงเตรียมเงินค่าเดินทางให้นาง ยังนำใบผ่านทาง[1]สำหรับระบุตัวตนใส่เอาไว้ในห่อผ้าอีกด้วย ทว่าใบผ่านทางนั้นไม่ใช่ของนาง หากแต่เป็นของบ่าวคนหนึ่ง สถานะของนางในตอนนี้ หากปลอมเป็นบ่าวจะง่ายต่อการเดินทางออกนอกเมืองมากกว่า
“เคยเห็นคนคนนี้หรือไม่?”
เหยียนหรูอวี้เพิ่งเดินออกมาจากตรงข้างจวนสกุลเหยียน ก็เห็นองครักษ์จากจวนคุณชายเยี่ยนกำลังถือภาพเขียน ไต่ถามผู้คนบนท้องถนน
สตรีในภาพเขียนนี้มิใช่ใครอื่น หากแต่เป็นเหยียนหรูอวี้นั่นเอง
เหยียนหรูอวี้มิได้คาดคิดเลยว่าเยี่ยนจิ่วเฉาจะลงมือรวดเร็วเพียงนี้ ตัวนางเองยังมิทันได้ตั้งสติ ไม่กี่วันก่อนนางยังเป็นคุณหนูจวนเหยียนโหวผู้สูงศักดิ์ เป็นสตรีเพียงผู้เดียวที่เยี่ยนจิ่วเฉาเคยแตะต้อง เป็นมารดาบังเกิดเกล้าของคุณชายน้อยทั้งสาม ทว่าตอนนี้นางกลับกลายเป็นเพียงหนูตัวหนึ่งที่ต้องหนีหัวซุกหัวซุนอยู่บนถนน
เหยียนหรูอวี้กำหมัดแน่น พลางสูดหายใจเข้าลึก
“ผู้นำตัวสตรีในรูปมาส่งได้ จะได้รางวัลสองร้อยตำลึง” องครักษ์ของจวนคุณชายประกาศก้อง
เหยียนหรูอวี้ไม่กล้าอยู่ตรงนั้นนาน นางกอดห่อผ้าแน่น ก้มหน้าก้มตาเดินเข้าไปปะปนกับฝูงชน
ด้วยเหตุนี้ นางจำเป็นต้องออกจากเมืองหลวงโดยเร็วที่สุด จึงเลือกใช้ประตูเมืองทิศตะวันตกซึ่งมีผู้คนบางตาที่สุด แต่เมื่อเดินไปถึงประตูเมือง ก็พบว่าที่นั่นมีองครักษ์จากจวนคุณชายประจำการอยู่เช่นกัน! ภาพของนางถูกแปะไว้เต็มไปหมด ทั้งบุรุษและสตรีที่จะออกนอกเมืองล้วนต้องผ่านการตรวจทีละคน
เช่นนั้นนางก็ใช้ประตูเมืองทิศตะวันตกไม่ได้แล้ว
นางจึงไปยังประตูเมืองทิศเหนือ ที่นั่นก็มีคนของจวนคุณชายควบคุมอยู่เช่นกัน
ประตูเมืองทิศใต้และทิศตะวันออกไม่จำเป็นต้องไปดูก็สามารถเดาได้ว่าไม่ได้แตกต่างจากที่นี่
เหยียนหรูอวี้ทั้งโมโหทั้งกระวนกระวายใจ โมโหที่บุรุษผู้นั้นไร้เยื่อใย กระวนกระวายใจที่รอบเมืองมีการป้องกันหนาแน่นถึงเพียงนี้ เห็นทีการหนีออกจากเมืองหลวงครั้งนี้จะไม่ง่ายเสียแล้ว
เหยียนหรูอวี้ตัดสินใจกลับไปในเมือง
นางคิดว่าจะเช่าห้องในโรงเตี๊ยมพักสักคืน รอจนฟ้ามืดค่อยคิดหาวิธี
สิ่งที่นางมิได้คาดคิดก็คือ ระหว่างทางไปยังโรงเตี๊ยม นางก็พบกับคนคุ้นเคย ซึ่งก็คือไป๋ถัง คุณหนูแห่งหอหยกขาวนั่นเอง
ไป๋ถังล้มป่วยมานาน ในที่สุดนางก็ ‘อาการดีขึ้น’ ด้วยฝีมือของปรมาจารย์และหมอเทวดาหลายท่าน แม้ว่าจะไม่ ‘หายดี’ ในฉับพลัน แต่นางก็ไม่อาจถูกขังอยู่ในห้องได้ทุกวี่ทุกวัน จึงถือโอกาสที่บิดาออกไปเจรจาการค้าวัตถุดิบ แอบออกมาข้างนอก
ไป๋ถังพักรักษาตัวอยู่ในบ้านเป็นเวลานาน ไม่ได้ยินข่าวคราวในเมืองหลวง ไม่รู้เรื่องของเหยียนหรูอวี้ ดังนั้นต่อให้เหยียนหรูอวี้ยืนอยู่ต่อหน้านาง นางก็คงไม่ได้นึกสงสัยแม้แต่น้อย แต่เหยียนหรูอวี้กลับไม่คิดเช่นนั้น
ในความคิดของเหยียนหรูอวี้ ไป๋ถังสนิทสนมกับอวี๋หวั่น หากไป๋ถังพบนางเข้า ย่อมต้องเรียกทหารมาจับนางไปส่งจวนคุณชายเยี่ยนเป็นแน่
เหยียนหรูอวี้จึงรีบหันหลัง มุ่งหน้าไปยังถนนอีกสายหนึ่ง
เพียงแต่ว่าระหว่างที่นางกำลังปลีกตัวหนีไป๋ถังนั้นเอง กลับชนเข้ากับสตรีสูงศักดิ์ผู้หนึ่ง
“โอ๊ย!”
สตรีผู้นั้นถูกไป๋ถังชนจนล้มหงายหลังก้นจ้ำเบ้าลงกับพื้น
“คุณหนู! ไม่เป็นไรใช่ไหมเจ้าคะ!” สาวใช้ซึ่งอยู่ด้านข้างรีบเข้ามาพยุงนาง
ผู้ที่ถูกชนจนล้มลงไปก็คือคุณหนูหลี่ บุตรสาวของรองเสนาบดีกรมทหาร ทั้งยังเคยเป็นเพื่อนสนิทของเหยียนหรูอวี้อีกด้วย
วันนี้คุณหนูหลี่ไปหาเหยียนหรูอวี้ที่จวนสกุลเหยียน นางได้ยินข่าวคราวเกี่ยวกับเหยียนหรูอวี้ จึงหมายจะไปถามเหยียนหรูอวี้ว่าจริงหรือไม่ หากเป็นความจริง หลังจากวันนี้นางกับเหยียนหรูอวี้ก็คงต้องขาดกัน หากเป็นความเท็จ นางก็จะช่วยเหยียนหรูอวี้คิดหาวิธี ทว่าเพิ่งออกจากจวน ก็ถูกสตรีชาวนามอซอคนหนึ่งชนเข้าอย่างจัง จนขนมที่นางเพิ่งซื้อมาในมือคว่ำลงบนพื้น
คราก่อนถูกสตรีชาวบ้านคนหนึ่งทำให้นางเสียหน้า นางมิได้ด่าทอด้วยคำผรุสวาท วันนี้ถูกนางชั่วนี่ชนเข้าเต็มแรง คุณหนูหลี่โมโหสุดขีด เดินไปเบื้องหน้าเหยียนหรูอวี้แล้วตบหน้านางหนึ่งฉาด!
“นางชั่ว! เดินไม่มองทางหรืออย่างไร? กล้าชนข้าหรือ! เจ้าอยากตายใช่หรือไม่!”
ในอดีต มีแต่ผู้คนมาห้อมล้อมคอยประจบประแจงนาง บ้างก็ถูกนางตบเข้าฉาดหนึ่งกลางฝูงชน ความโกรธปรากฏในดวงตาของเหยียนหรูอวี้
“ทำไม? ไม่พูด? เป็นใบ้รึ? ” คุณหนูหลี่มองไปยังสตรีชาวบ้านซึ่งยกมือขึ้นมาปิดหน้า “ข้าอยากจะเห็นหน้านักว่าใบหน้าเจ้าจะงามยั่วบุรุษเพียงใดกัน สตรีบ้านนอกอย่างพวกเจ้า ก็ทำได้แต่ยั่วบุรุษไปวันๆ เท่านั้นแหละ!”
คุณหนูหลี่เดินเข้าไปคว้าใบหน้าของเหยียนหรูอวี้ เหยียนหรูอวี้ผงะถอยไปโดยสัญชาตญาณ
“ยังกล้าหลบอีกรึ?” คุณหนูหลี่จับแขนของนางเอาไว้
เหยียนหรูอวี้กำมือแน่น จากนั้นก็คุกเข่าลงทันที นางหลุบตาลงแล้วกล่าวว่า “ข้าน้อยชนคุณหนู ข้าน้อยผิดไปแล้ว ข้าน้อยขออภัยคุณหนู คุณหนูใจกว้าง ได้โปรดให้อภัยข้าน้อยด้วยเจ้าค่ะ”
คุณหนูหลี่แค่นเสียงขึ้นจมูก ชักมือกลับไป “ก็แค่นั้น! ในเมื่อเจ้ารู้จักยอมรับผิด ข้าก็จะไม่เอาความ เจ้าคุกเข่าไปครึ่งชั่วยาม สำนึกผิดด้วยความจริงใจ อย่าได้ตุกติก ข้าจะให้คนคอยจับตาดูเจ้า!”
เหยียนหรูอวี้ตัวเกร็งด้วยความอดสู
นางเป็นคุณหนูจวนเหยียนโหวผู้สูงส่ง บัดนี้กลับต้องมาคุกเข่าสำนึกความผิดต่อหน้าผู้คน
นางเหลือบมององครักษ์ของคุณหนูหลี่ ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
คุณหนูหลี่พูดอย่างไรทำอย่างนั้น นางให้องครักษ์สองคนอยู่เฝ้า
“องครักษ์อิ่ง จะให้จับนางหรือไม่?”
ในตรอกที่ห่างออกไปไม่ไกล องครักษ์ของจวนคุณชายเยี่ยนคนหนึ่งชี้ไปยังด้านหลังของเหยียนหรูอวี้
พวกเขาตามแกะรอยเหยียนหรูอวี้จนพบตั้งแต่แรกแล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้จับนางก็เท่านั้น
อิ่งสือซันซึ่งนั่งอยู่บนรถม้าส่ายหน้า “ไม่ต้อง ให้นางคุกเข่าไป คนที่ให้เจ้าหา เจ้าหาเจอหรือยัง?”
“เจอแล้วขอรับ” เขาตอบ
“อยู่ที่ใดเล่า?” อิ่งสือซันเอ่ยถาม
องครักษ์ลากหัวขโมยออกมา แล้วพูดกับอิ่งสือซันว่า “พวกเขาอยู่บนถนนเส้นนี้ มีลูกน้องสิบกว่าคน เชี่ยวชาญการกรรโชกทรัพย์ นี่คือนายท่านสือซัน รีบคำนับนายท่านสือซันเร็ว!”
สองประโยคสุดท้าย เขาบอกกับหัวขโมย
หัวขโมยกลุ่มนี้นับว่าค่อนข้างมีหน้ามีตาในพื้นที่ มิใช่มีผู้คนสนับสนุนมาก แต่พวกเขาสามารถรับมือกับเจ้าหน้าที่ทางการได้อย่างไร้ปัญหา ทว่าไหนเลยจะรู้ว่าจะถูกองครักษ์ของจวนคุณชายเยี่ยนจัดการเสียก่อน
เขารีบโขกศีรษะคำนับอิ่งสือซัน “ข้าน้อยเคยพบนายท่านสือซัน! นายท่านสือซันใจกว้าง ได้โปรดปล่อยข้าน้อยไปเถิด! ข้าน้อยจะไม่ลักขโมยอีกแล้ว!”
“จะเป็นไปได้อย่างไร?” อิ่งสือซันเอ่ยขึ้น
หัวขโมยตกใจ
อิ่งสือซันพูดต่ออย่างไม่รีบร้อน “ข้ามีข้อเสนอให้เจ้า หากทำได้ดี วันนี้ข้าก็จะถือว่าไม่เคยเจอพวกเจ้า”
หัวขโมยมีสีหน้ากระวนกระวาย
องครักษ์ยกเท้าขึ้นถีบเขาครั้งหนึ่ง “ได้ยินหรือไม่?”
“ดะ…ได้…ได้…ได้ยินแล้วขอรับ! ” หัวขโมยพยักหน้างกๆ “ขอเพียงนายท่านสือซันสั่ง! เผาเรือนฆ่าคนข้าน้อยก็ทำได้!”
อิ่งสือซันหัวเราะอย่างเย็นชา “ไม่จำเป็นต้องเผาเรือนฆ่าคน ปกติแล้วพวกเจ้า ‘จัดการ’ อย่างไร ประเดี๋ยวก็ทำเช่นนั้นแหละ”
หัวขโมยตะลึงงัน “เอ่อ…ขอรับ! ขอรับ! ข้าน้อยเข้าใจแล้ว! จะทำให้สุดฝีมือขอรับ!”
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม องครักษ์ของสกุลหลี่ก็กลับไป ในที่สุดเหยียนหรูอวี้ก็เป็นอิสระ
เหยียนหรูอวี้ได้รับการเลี้ยงดูมาเป็นอย่างดี แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยตกระกำลำบาก เมื่อลุกขึ้นยืน ขาทั้งสองข้างก็บวม หัวเข่าปวดร้าวประหนึ่งจะหลุดออกจากขา
แต่กระนั้นนางก็ไม่อาจรั้งรออยู่ที่นี่ต่อไป คนของคุณชายเยี่ยนจะมาพบเข้าเมื่อไรก็ได้ นางจึงรีบเข้าไปในโรงเตี๊ยมอย่างเร็วที่สุด โชคดีที่โรงเตี๊ยมไม่ไกลออกไป อย่างไรพักที่นี่ก็คงอยู่รอดปลอดภัยไปอีกคืน
เมื่อคิดเช่นนี้ นางก็อดทนต่อความเจ็บปวดที่ขา มือดันกำแพงพยุงตัวเองขึ้นมา
นางเดินไปยังโรงเตี๊ยมทีละก้าวๆ แต่เมื่อเดินผ่านตรอกเล็กสายหนึ่ง ก็ถูกมือสกปรกฉุดเข้าไปด้านใน เหยียนหรูอวี้หน้าถอดสีทันที “อ๊าาาา”
มือสกปรกนั้นปิดปากของเหยียนหรูอวี้ เจ้าของมือข้างนั้นพูดข่มขู่ว่า “หุบปาก! ไม่เช่นนั้นข้าจะฆ่าเจ้าเสีย!”
เหยียนหรูอวี้มองอีกฝ่ายด้วยความหวาดกลัว อีกฝ่ายเป็นโจรหนวดเฟิ้ม มือหนึ่งปิดปากของเหยียนหรูอวี้เอาไว้ อีกมือหนึ่งจ่อดาบไว้ที่คอของนาง ด้านหลังของเขามีลูกน้องท่าทางน่ากลัวอีกเจ็ดแปดคน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]