สวี่เสียนเฟยหัวเราะอย่างเย็นชา “ข้าเข้าใจผิด? ย่อมได้ ข้าอยู่ที่นี่แล้ว เจ้าบอกมาว่าข้าเข้าใจสิ่งใดผิดไป? เข้าใจผิดว่าเจ้าร่วมมือกับเหยียนหรูอวี้ลอบทำร้ายเยี่ยนจิ่วเฉา? หรือเข้าใจผิดว่าเจ้าไม่ซื่อสัตย์ต่อข้า?”
สวี่ส้าวตอบด้วยความจริงใจว่า “ข้าลอบทำร้ายเยี่ยนจิ่วเฉาจริง แต่ข้ามิได้หักหลังพระสนม สิ่งที่ข้าทำไปทั้งหมดก็เพื่อพระสนมและองค์ชายรอง”
“ทำเป็นพูดดี!” สวี่เสียนเฟยนัยน์ตาเย็นเยียบ
สวี่ส้าวทอดถอนใจ “พระสนม ท่านเป็นน้องสาวแท้ๆ ของข้า พวกเราเกิดมาจากท้องมารดาเดียวกัน ท่านแม่มีเพียงพวกเราสองคน หากข้าไม่อยู่ข้างท่าน แล้วข้าจะไปอยู่ข้างผู้ใดได้? เรื่องในตอนนั้น ข้าลงมือทำเองโดยพลการ แต่ว่าข้าก็เพียงอยากกำจัดอุปสรรคแทนพระสนมและองค์ชายรอง”
สวี่เสียนเฟยมีสีหน้าจริงจัง “แต่ไหนแต่ไรมาเยี่ยนจิ่วเฉาไม่เคยเป็นอุปสรรคของข้าและองค์ชาย!”
สวี่ส้าวส่ายหน้า “จะไม่ใช่ได้อย่างไร? ฝ่าบาทปฏิบัตต่อเยี่ยนจิ่วเฉาอย่างไร พระสนมไม่เห็นหรอกหรือ? เหตุใดท่านจึงหลอกตนเองว่าที่ฝ่าบาททรงโปรดปรานเขามากก็เพราะเขาไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้นาน?”
สวี่เสียนเฟยเชิดหน้า “เขาไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้นานจริงๆ”
สวี่ส้าวพูดต่อ “แต่ถ้าหากฝ่าบาททรงยืนกรานว่าจะทรงมอบบัลลังก์ให้กับเขาเล่า?”
ความประหลาดใจปรากฏในสายตาของสวี่เสียนเฟย “จะเป็นไปได้อย่างไร? เขาไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของฝ่าบาท!”
สวี่ส้าวตอบอย่างจนปัญญา “หากข้าไม่มีข้อมูลที่เชื่อถือได้ ไยต้องเสี่ยงชีวิตไปลอบโจมตีเยี่ยนจิ่วเฉาด้วยเล่า?”
สีหน้าของสวี่เสียนเฟยผ่อนคลายลงเล็กน้อย “เจ้า…เจ้าเอาข้อมูลมาจากที่ใด?”
“พระสนม ข้าลงทุนเปิดภัตตาคารใหญ่อย่างหอเทียนเซียง ไม่เพียงแค่เพื่อให้สกุลสวี่ยิ่งใหญ่ในวงการการค้าเท่านั้น”
“เจ้ากำลังรวบรวมข้อมูลรึ?” สวี่เสียนเฟยเอ่ยถาม
สวี่ส้าวแค่นหัวเราะ “ที่จริงก็ไม่ง่าย ข้อมูลที่ได้มามักจะเป็นข้อมูลที่ไร้ประโยชน์ แต่หากหนึ่งในหมื่นเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์ เช่นนั้นก็จะพิสูจน์แล้วว่าหอเทียนเซียงของข้าไม่ได้เปิดเสียเปล่า”
สวี่เสียนเฟยนิ่งเงียบไปสักพัก จากนั้นก็พึมพำว่า “ฝ่าบาทตั้งใจจะยกตำแหน่งให้เยี่ยนจิ่วเฉาจริงหรือ?”
เยี่ยนไหวจิ่งกำหมัดแน่น
สวี่ส้าว “คนจากราชสำนักอาจพูดพล่อยออกมาตอนเมา แต่ข้าก็ไม่กล้าเสี่ยง”
“เหตุใดตอนนั้นเจ้าไม่บอกข้า?” สวี่เสียนเฟยมองเขา ราวกับกำลังไตร่ตรองว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นจริงหรือเท็จ
สวี่ส้าวกล่าวอย่างผึ่งผายว่า “หากพระสนมลงมือ ก็จะเป็นที่สะดุดตาไปสักหน่อย ข้าสามารถปกปิดได้ง่าย ยิ่งไปกว่านั้น หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป โทษจะมาตกอยู่ที่ข้าคนเดียว พระสนมและองค์ชายไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และไม่ต้องรับโทษ…เพียงแต่ข้ามิได้คาดคิดว่าพระสนมและองค์ชายรองจะสืบรู้เรื่องนี้ด้วยตนเอง ดูแล้วข้าน่าจะปกปิดเรื่องนี้ได้ไม่แนบเนียนพอ ทำให้พระสนมและองค์ชายต้องมาเกี่ยวข้องด้วย”
สวี่เสียนเฟยมองเขาหัวจรดเท้า “เจ้าทำให้ข้าเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย แต่เจ้าคิดหรือว่าเจ้าจะได้รับโทษเพียงคนเดียว แล้วพวกข้าสองแม่ลูกจะรอด? ความคิดของฝ่าบาทยากจะหยั่งรู้ได้ ความจริงมิได้สำคัญเท่าไร เจ้าดูสกุลเซียว แล้วดูสกุลเหยียน สกุลเหยียนทรยศประเทศจริงหรือ? สุดท้ายแล้วเป็นอย่างไรเล่า? พระองค์ทรงดูไม่ออกจริงหรือว่าเยี่ยนจิ่วเฉาไม่ชอบเหยียนหรูอวี้? แต่พระองค์ก็ยังอวยยศให้สกุลเหยียน เป็นเพราะอะไรเล่า? ราชสำนักเป็นของฝ่าบาท พระองค์ให้ใครอยู่ ผู้นั้นก็ต้องอยู่ พระองค์ให้ใครตาย คนผู้นั้นก็ต้องตาย พระองค์ต้องการของคืน ไม่มีผู้ใดเก็บเอาไว้ได้ และหากพระองค์มอบความรักความเอ็นดูให้ ก็ย่อมไม่มีผู้ใดปฏิเสธ นั่นคือฝ่าบาท”
สวี่ส้าวก้มหน้า “ข้าผิดไปแล้ว พระสนม”
“เจ้าเพียงคนเดียวทำเรื่องนี้ได้อย่างไร?” สวี่เสียนเฟยสงสัย
สวี่ส้าวตอบตามตรง “ข้าไม่ได้ทำเพียงคนเดียว ยังมีคนอื่นอีก”
“เหยียนหรูอวี้?” สวี่เสียนเฟยขมวดคิ้วพลางเอ่ยถาม
“มิใช่นาง” สวี่ส้าวตอบ “แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เปิดเผยหน้าตา แต่ข้าสัมผัสได้ว่าเขาไม่ธรรมดา โชคดีที่เขาต้องการจัดการเยี่ยนจิ่วเฉา นับว่าลงเรือลำเดียวกับพวกเรา”
สวี่เสียนเฟยกล่าวค่อนแคะว่า “เจ้ารู้ได้อย่างไรกันว่าเขาจะไม่หวังคอยฉกฉวยผลประโยชน์ไป?”
สวี่ส้าวมีสีหน้าแน่วแน่ “พระสนม เขามิได้สนใจบัลลังก์แต่อย่างใด คนที่เขาต้องการกำจัดก็คือเยี่ยนจิ่วเฉาเท่านั้น”
เมื่อได้ยินว่าเขามิได้ทำเพื่อบัลลังก์ สวี่เสียนเฟยก็โล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย แต่นางก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าคนผู้นั้นแท้จริงแล้วเป็นใคร “หรือว่าจะเป็นคนกลุ่มนั้น?”
“พระสนมรู้จักหรือ?” ครานี้เป็นสวี่ส้าวที่สงสัย
สวี่เสียนเฟยส่ายหน้า “ไม่ ข้าไม่รู้จัก ข้าเพียงแต่ได้ยินเรื่องในปีนั้นมา เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดฮ่องเต้องค์ก่อนถึงทรงส่งฮองเฮาไปอยู่ในตำหนักเย็น?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]