ซั่งกวนเยี่ยนรับพริกจากป้าจางมาหนึ่งตะกร้าด้วยความรู้สึกซับซ้อน คำพูดเหล่านี้ วันนี้นางได้ยินมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่ว่าจะฟังกี่ครั้งก็ไม่เคยเบื่อ ในเมืองหลวง ผู้คนต่างตั้งหน้าตั้งตาคอยให้ลูกของนางตายเร็วๆ แต่ที่นี่ พวกเขาต่างหวังให้ลูกของนางได้ใช้ชีวิตต่อไป
ซั่งกวนเยี่ยนดึงปิ่นทองออก ถอดอาภรณ์ผ้าไหมหรูหรา แล้วเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าเรียบง่ายทั่วไป
เซียวเจิ้นถิงกลับมาบ้าน ก็เห็นภรรยาผู้สูงศักดิ์ของเขา แต่งกายราวกับหญิงชาวบ้าน ถือจอบพลิกหน้าดินอยู่ในสวนหลังบ้าน
เซียวเจิ้นถิงมองนางด้วยความประหลาดใจ
ความกระดากอายปรากฏบนใบหน้าของซั่งกวนเยี่ยน “ข้า…ข้าเห็นพวกนางทำ ไม่รู้ว่าข้าทำถูกหรือไม่”
“ข้าเอง” เซียวเจิ้นถิงดึงแขนเสื้อขึ้น
ฝีมือด้านการศึกของเซียวเจิ้นถิงนั้นเป็นเลิศ ทว่าเรื่องการขุดดินนั้น…ไม่เอาไหน
สามีภรรยาก้มๆ เงยๆ อยู่หลังบ้านตลอดทั้งช่วงบ่าย พื้นดินดีๆ ล้วนถูกขุดจนเละเทะ…
ชาวบ้านแวะเวียนมาไม่น้อย ซั่งกวนเยี่ยนจึงได้ยินเรื่องราวของบุตรชายจากปากของพวกเขามาบ้าง นางไม่เคยรู้เลยว่าบุตรชายที่มีแต่ชื่อเสียงในทางไม่ดีมาโดยตลอด บัดนี้จะกลายมาเป็นผู้มีคุณธรรมสูงส่งในหมู่บ้าน
“คุณชายวั่นเป็นคนดีนา ตอนนั้นพวกข้าถูกหมู่บ้านซิ่งฮวารังแก คุณชายวั่นออกหน้าเกลี้ยกล่อมนายอำเภอเชียวนะ!”
“คุณชายวั่นช่วยชีวิตแม่นางอวี๋ด้วย!”
“คุณชายวั่นเป็นบัณฑิต เขาเรียนดี จะเป็นว่าที่จ้วงหยวนของหมู่บ้านเรา!”
คนดี? ผู้มีพระคุณ? ว่าที่จ้วงหยวน?
นี่พูดถึงลูกชายของนางจริงๆ หรือ…
ชาวบ้านไม่รู้ถึงฐานะและอาการป่วยที่แท้จริงของเยี่ยนจิ่วเฉา ทว่าคนสกุลอวี๋กลับรู้เรื่องราวมาบ้าง
“อาหวั่น!” ลุงใหญ่เดินถือไม้เท้ามาที่บ้านอวี๋หวั่น
ขาของเขาเดินได้สะดวกกว่าแต่ก่อนมาก ไม่ต้องใช้ไม้เท้าก็เดินช้าๆ ได้เกือบครึ่งหลี่ เพียงแต่ว่าเขารีบร้อนมาหาอวี๋หวั่น จึงยังคงถือไม้เท้ามา
อวี๋หวั่นเพิ่งตรวจแบบฝึกหัดให้เถี่ยตั้นน้อยเสร็จ
เธอมีเรื่องที่ต้องรีบจัดการ แต่เรื่องที่ควรทำก็ไม่ตกหล่นเลยสักเรื่อง ลุงใหญ่ไม่รู้ว่าเธอทำได้อย่างไร แม่นางคนอื่น หากเผชิญกับเรื่องประเภทนี้ ก็คงจะร่ำไห้จนลุกไม่ไหว แต่อาหวั่นไม่ได้ร้องไห้ อาหวั่นของเขาแข็งแกร่งเหลือเกิน
“ท่านลุงใหญ่ ท่านมาได้อย่างไร? มีเรื่องอะไรเรียกข้าไปก็ได้ ขาท่านเพิ่งจะดีขึ้น ไม่ควรเดินไกลมาก” อวี๋หวั่นพยุงลุงใหญ่ไปนั่ง
ลุงใหญ่กล่าวด้วยความเป็นห่วงว่า “ข้ามาดูเข้า หากเจ้าเศร้าใจ…”
“ข้าไม่ได้เศร้าใจ” อวี๋หวั่นพูดตัดบท
ลุงใหญ่ชะงักไป
อวี๋หวั่นพูดอย่างแน่วแน่ว่า “ข้าจะรักษาเขาให้หาย เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรต้องเศร้าใจ”
“แต่ว่า…” นี่ไม่ใช่โรคทั่วไป หากแต่เป็นคำสาปที่ไม่อาจถอนได้
อวี๋หวั่นยกยิ้มมุมปาก แล้วเอ่ยขึ้นอย่างสบายอารมณ์ว่า “ข้าจะรักษาเขาให้หาย เหมือนที่ข้ารักษาท่านในตอนนั้น”
ลุงใหญ่หมดคำจะพูด
เขาอยากโต้แย้ง แต่กลับพบว่าตนพูดอะไรไม่ออก
แรกเริ่มเดิมทีเด็กคนนี้คุยเสียใหญ่โตว่าจะรักษาขาของเขาให้หาย ทุกคนต่างคิดว่านางบ้า สุดท้ายแล้วนางก็ทำได้ สำหรับพวกเขาแล้ว เรื่องใดๆ ที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ นางกลับไม่เคยยอมแพ้
นางสามารถรักษาขาของเขาได้ ก็…ก็ต้องรักษาเยี่ยนจิ่วเฉาได้กระมัง?
แต่ว่า…แต่ว่าหมอที่นางเชิญมาได้ สกุลเซียวและจวนคุณชายก็เชิญมาได้เหมือนกันนี่ มิหนำซ้ำยังเชิญมาได้มากกว่าด้วย แม้แต่พวกเขายังอับจนหนทาง อาหวั่นจะทำได้หรือ?
“ครั้งนี้ ข้าจะรักษาเอง” อวี๋หวั่นบอก
อวี๋หวั่นท่องจำตำราแพทย์ที่ท่านปู่เป้าทิ้งไว้ให้ได้ขึ้นใจ เธอหาตำราแพทย์เล่มอื่นๆ มาอ่านด้วย ตำราที่ซื้อมาจากในตำบล ไม่มีส่วนใดที่ใช้ประยุกต์ได้ เธอจึงเข้าเมืองหลวงไป
“ตำราแพทย์หรือ บ้านข้าก็มี” ไป๋ถังเอ่ยขึ้น
ตระกูลเก่าแก่มักเก็บสะสมหนังสือ ไป๋ถังขนตำราไปให้อวี๋หวั่นจนหมดทั้งชั้น อวี๋หวั่นหอบหิ้วกลับมา ด้วยกลัวว่าตำราเหล่านี้จะไม่เพียงพอ เธอจึงไปที่ร้านหนังสือในเมืองหลวง แล้วซื้อตำราแพทย์ที่สามารถซื้อได้กลับมาทั้งหมด
ตำราแพทย์จากจวนคุณชายและจวนสกุลเซียวต่างถูกส่งไปยังบ้านของอวี๋หวั่น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]