ทองคำหนึ่งแสนตำลึงเชียวนะ อวี๋หวั่นรู้สึกราวกับบาดเจ็บแสนสาหัส ก็เห็นอยู่ว่าไม่ใช่เงินของเธอ แล้วทำไมถึงรู้สึกปวดใจขนาดนี้นะ…
ปรมาจารย์มีสีหน้าเปี่ยมชัยชนะ เขามั่นใจว่าเซียวเจิ้นถิงจะต้องยอมจ่าย
เรื่องนี้เดาได้ไม่ยาก ไม่ว่าภายนอกความสัมพันธ์ของพ่อลูกจะดูหมางเมินกันมากเพียงใด แต่เซียวเจิ้นถิงไม่ลังเลที่จะส่งผู้ใต้บังคับบัญชาไปยังหนานเจียง ไม่ลังเลที่จะจ่ายเงินเชิญเขามายังเมืองหลวง หัวใจของเขา ไม่มีทางลวงหลอกอย่างแน่นอน
“ข้าไม่รีบ แม่ทัพใหญ่เซียวค่อยๆ คิดก็ย่อมได้” ปรมาจารย์วิชาพิษไม่ได้กล่าวคำพูดทำนองว่าอาการป่วยของเยี่ยนจิ่วเฉาไม่อาจรอช้าได้
อวี๋หวั่นลอบทอดถอนใจ ฝีมือของปรมาจารย์ผู้นี้เป็นอย่างไรคงต้องรอดู แต่ที่แน่ๆ คือเขาเป็นยอดฝีมือแห่งการเจรจา เขารู้จักวิเคราะห์จิตใจของอีกฝ่ายและหาข้อได้เปรียบจากมัน แต่ต้องไม่มากเกินไป เขารู้ว่าสำหรับอาการป่วยของเยี่ยนจิ่วเฉา เซียวเจิ้นถิงจะต้องเป็นเดือดเป็นร้อนมากกว่าเขาอย่างแน่นอน หากเขาไม่เอ่ยปาก เซียวเจิ้นถิงก็จะยิ่งกระวนกระวายใจ แต่หากเอ่ยปากออกไป ก็อาจได้ผลลัพธ์ที่ตรงกันข้าม
อวี๋หวั่นมองไปยังเซียวเจิ้นถิง ทองคำหนึ่งแสนตำลึงไม่ใช่น้อยๆ สกุลเซียวไม่ใช่ขุนนางฉ้อฉล จะไปมีเงินมหาศาลขนาดนั้นได้อย่างไร? คราวนี้คงได้ล้มละลายกันพอดี
“ข้าจะเชื่อได้อย่างไรว่าท่านจะรักษาลูกข้าให้หายได้?” เซียวเจิ้นถิงถาม
ปรมาจารย์วิชาพิษคล้ายกับจะคาดเดาความสงสัยนี้ไว้ล่วงหน้า เขาแค่นเสียงหัวเราะ “นี่ก็ดึกมากแล้ว ไม่พูดมากแล้ว พรุ่งนี้เช้าข้าจะพิสูจน์ให้พวกเจ้าเห็น!”
คืนนี้อวี๋หวั่นพักที่จวนสกุลเซียว เธอถูกจัดให้พักที่เรือนอู๋ถง
เรือนนี้สร้างไว้สำหรับเยี่ยนจิ่วเฉา แต่เยี่ยนจิ่วเฉาไม่เคยย่างกรายเข้ามา
วันรุ่งขึ้น อวี๋หวั่นตื่นนอนตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง เธอไม่ได้ลุกจากเตียง แต่กลับนอนคิดถึงเด็กน้อยทั้งสาม
ปรมาจารย์วิชาพิษกว่าจะตื่นนอนก็ย่างเข้าช่วงสาย เมื่อคิดว่าเขาเหน็ดเหนื่อยกับการเดินทาง ก็นับว่าเป็นเรื่องปกติ
เวลาอาหารเช้าก็ยังคงเผชิญกับคำบริภาษของปรมาจารย์ท่านนี้ดังเคย จากนั้นพวกเขาก็ขึ้นรถม้าของจวนสกุลเซียว นั่งโขยกเขยกไปจนถึงหมู่บ้านเหลียนฮวา
ทันทีที่เด็กน้อยทั้งสามเห็นอวี๋หวั่น พวกเขาก็วิ่งเข้ามากอดเธอ ไม่พบหน้ากันหนึ่งวัน พวกเขาคิดถึงอวี๋หวั่นเหลือเกิน
“แฝดสามรึ?” ปรมาจารย์วิชาพิษเลิกคิ้ว ความประหลาดใจบนปรากฏขึ้นบนใบหน้า
แฝดสามนับว่าหายากยิ่ง อีกทั้งยังเป็นเด็กน้อยหน้าตาน่ารักเช่นนี้ ลูกศิษย์หนุ่มอดไม่ได้ที่จะมองพวกเขา จนกระทั่งดรุณีน้อยใช้แขนสะกิดเขาเบาๆ และถลึงตาใส่ เขาจึงหลุบตากลับมาอย่างไม่สบอารมณ์
อวี๋หวั่นพาเด็กๆ ออกไป
ปรมาจารย์เริ่มลงมือตรวจรักษาให้เยี่ยนจิ่วเฉา
ไม่มีผู้ใดได้รับอนุญาตให้เข้าไปสังเกตการณ์ขั้นตอนการตรวจรักษา นอกจากลูกศิษย์สองคน แม้แต่ซั่งกวนเยี่ยนที่เป็นมารดาผู้ให้กำเนิดของเขาก็ถูกเชิญออกมาเข่นกัน ผ่านไปประมาณหนึ่งเค่อ ประตูห้องก็เปิดออก
“ท่านหมอ ลูกข้าเป็นอย่างไรบ้าง?” ซั่งกวนเยี่ยนถามด้วยความกระวนกระวายใจ
“ฮูหยินเซียวไปดูเองเถิด” ปรมาจารย์วิชาพิษกล่าวด้วยความมั่นใจ
ซั่งกวนเยี่ยนเข้าไปในห้อง
“ว้ายยย”
เสียงร้องของนางดังมาจากด้านใน
เซียวเจิ้นถิงจึงรุดมาหน้าเตียง “ฉงเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”
ซั่งกวนเยี่ยนเอ่ยขึ้นอย่างเหลือเชื่อ “ขะ…เขาฟื้นแล้ว! ”
แม้เขาจะยังพูดไม่ได้ แต่เขาลืมตาขึ้น อีกทั้งดวงตาของเขามิได้ดูไร้วิญญาณ นัยน์ตาของเขาดูอิดโรยและอัดอั้น เห็นได้ชัดว่าเขากำลังทรมานกับความเจ็บปวด ซั่งกวนเยี่ยนปวดร้าวใจจนร่ำไห้ออกมา
เยี่ยนจิ่วเฉาฟื้นขึ้นมาได้ไม่นาน ก็หมดสติไปอีก
เขาอาจยังไม่ได้สติครบถ้วน แต่ความหวังว่าจะรักษาเขาให้หายของซั่งกวนเยี่ยนก็ปรากฏขึ้น เพียงแต่ว่า ทองคำหนึ่งแสนตำลึงไม่ได้หามาโดยง่าย นางเกิดมาในตระกูลร่ำรวย สินเดิมมีมาก ยังหาทองไม่ได้มากถึงเพียงนี้
ขณะที่ซั่งกวนเยี่ยนกำลังใคร่ครวญว่าจะขายสินทรัพย์ในนามของตนชิ้นใดดี เซียวเจิ้นถิงก็จับไหล่ของนาง “เจ้าดูแลฉงเอ๋อร์ เงินค่ารักษาข้าจัดการเอง”
“แต่ว่า…”
“ฉงเอ๋อร์ก็เป็นลูกข้าเหมือนกัน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]