อวี๋หวั่นมองไปยังปรมาจารย์วิชาพิษผู้นี้ด้วยความสงสัย แล้วถามว่า “ต้องการเท่าไหร่?”
“ไม่มาก หนึ่งชาม” ปรมาจารย์วิชาพิษหยิบชามใบใหญ่โตประหนึ่งมหาสมุทรออกมา
อวี๋หวั่น “…”
ในห้อง ซั่งกวนเยี่ยนจิตใจว้าวุ่น ปรมาจารย์กล่าวประโยคนั้นทิ้งท้ายแล้วก็เดินเข้าครัวไป ปล่อยให้พวกเขาตัดสินใจว่าจะใช้เลือดอวี๋หวั่นเพื่อช่วยเยี่ยนจิ่วเฉาหรือไม่
นางเป็นแม่ของเยี่ยนจิ่วเฉา แน่น่อนว่านางไม่ต้องการให้ผู้ใดมาแลกชีวิตเพื่อลูกชาย หากเป็นเลือดของนางเองละก็ อย่าว่าแต่ชามเดียวเลย ต่อให้กรีดออกไปจนหมด นางก็จะไม่ลังเล
แต่นางไม่อาจวิงวอนให้ผู้อื่นปฏิบัติต่อบุตรชายของนางได้ดังที่นางทำ
เซียวเจิ้นถิงเดินมา
ซั่งกวนเยี่ยนจึงกระซิบว่า “แม่นางอวี๋ไม่พอใจหรือ?”
เซียวเจิ้นถิงตอบว่า “นางไม่ได้พูดอย่างนั้น”
แววตาของซั่งกวนเยี่ยนเป็นประกายขึ้นเล็กน้อย “เช่นนั้น…”
“พวกเราทำอย่างนี้ไม่ได้” เซียวเจิ้นถิงพูดตัดบท
เซียวเจิ้นถิงไม่ใช่คนละเอียดอ่อน ไม่เหมือนกับบัณฑิตที่รู้จักพูดจาหว่านล้อม แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพูดขัดซั่งกวนเยี่ยนขึ้นมา
ซั่งกวนเยี่ยนมองเขาด้วยความฉงนใจ “ทำไมหรือ?”
เซียวเจิ้นถิงจับมือที่กร้านขึ้นเล็กน้อยจากการทำงานหนัก แล้วตอบด้วยความจริงใจว่า “เพราะฉงเอ๋อร์คงไม่ต้องการให้เป็นเช่นนี้”
ไม่มีบุรุษใดปรารถนาที่จะเห็นสตรีในดวงใจต้องหลั่งเลือด นี่ไม่ใช่เรื่องที่บุรุษพึงกระทำ อีกอย่าง ฉงเอ๋อร์เป็นลูกของพวกเขา แม่นางอวี๋ก็มีพ่อแม่ หากสลับให้ฉงเอ๋อร์ต้องเสียเลือดมากถึงเพียงนี้เพื่อช่วยชีวิตแม่นางอวี๋ ในฐานะที่พวกเขาเป็นพ่อแม่ พวกเขาจะยินดีหรือ?
“ท่านอยากเห็นฉงเอ๋อร์ตายหรืออย่างไร?” ซั่งกวนเยี่ยนกล่าวพลางสะอึกสะอื้น “ข้ารู้ว่าข้าเห็นแก่ตัว! จะให้ข้าชดใช้ก็ได้ ข้าเพียงแต่อยากจะช่วยลูกข้า…”
เซียวเจิ้นถิงกล่าวว่า “เจ้าไม่ผิด อย่าพูดถึงตนเองเช่นนั้นเลย”
หากไม่เคยสัมผัสกับความสิ้นหวังที่ซั่งกวนเยี่ยนเผชิญอยู่ ไหนเลยจะรู้ว่าจิตใจของนางตอนนี้เป็นอย่างไร? เจ็บทั้งกาย เจ็บทั้งใจ หลายปีมานี้เยี่ยนจิ่วเฉาทุกข์ทรมานมากเพียงใด หัวใจนางก็ปวดร้าวมากเท่านั้น นางเป็นเพียงสตรีตัวเล็กๆ แต่นางก็มีวิธีปกป้องลูกของนางเอง
เพื่อยาถอนคำสาปของเยี่ยนจิ่วเฉา นางจึงแต่งเข้าสกุลเซียว นางเคยครองบุรุษผู้เป็นเลิศอย่างเยี่ยนอ๋อง จะให้นางมาให้ค่าคนหยาบอย่างเขาได้อย่างไรเล่า?
หลายปีมานี้นางแบกรับคำก่นด่าไม่รู้เท่าไร แต่นางก็มิได้พยายามลบล้างมลทิน นางบอกว่านางยอมให้ลูกเกลียดนาง แต่ไม่อยากให้ลูกต้องอับอายเพราะนาง และเมื่อนางลาลับโลกนี้ไป ลูกก็จะไม่ต้องทรมานเพราะสูญเสียครอบครัวอีก
เซียวเจิ้นถิงบอกว่า “ข้าจะไปต่อรองกับเขาดูว่ามีวิธีอื่นหรือไม่”
“ไม่มีวิธีอื่นแล้ว! ต้องใช้เลือด หรือไม่ก็ปล่อยให้ลูกพวกเจ้าตาย!” ปรมาจารย์วิชาพิษซึ่งกำลังแทะน่องไก่ตะโกนมาจากห้องครัว
เซียวเจิ้นถิงออกไปด้วยสีหน้าคร่ำเครียด
“ชิ!” ปรมาจารย์แค่นเสียงอย่างไม่ชอบใจ เขากัดน่องไก่น่องสุดท้าย โยนกระดูกทิ้ง เปิดตู้กับข้าว แล้วหยิบอัวอัวโถวแป้งข้าวโพดและเต้าหู้ยี้ซึ่งหมักจนกลิ่นเหม็นตลบออกมากินอย่างเอร็ดอร่อย
ทันใดนั้นเอง ก็มีเท้าซึ่งสวมรองเท้าปักดิ้นคู่หนึ่งค่อยๆ ก้าวเข้ามา
ปรมาจารย์ก้มหน้าก้มตากิน ไม่คิดจะเงยหน้าแม้แต่น้อย “หากถามข้าอีกครั้งข้าก็จะพูดแบบเดิม! ต้องใช้เลือดของเด็กนั่น!”
“เจ้าต้องการเลือดของใครนะ?”
เสียงนุ่มนวลดังขึ้นข้างใบหูของเขา ปรมาจารย์รู้สึกสั่นสะท้าน เสียงช่างไพเราะเหลือเดิน แต่ไฉนฟังแล้วจึงน่ากลัวถึงเพียงนี้เล่า?
เขายังไม่ทันได้หันหลังไปมอง มือเรียวข้างหนึ่งคว้าเข้าที่ลำคอของเขา
ลมหายใจของเขาพลันติดขัด ใบหน้าแดงก่ำ อัวอัวโถวในมือร่วงหล่นลงบนพื้น
“เจ้าพูดอีกครั้งซิ เจ้าจะใช้เลือดของใคร?”
ปรมาจารย์วิชาพิษยกมือขึ้นตีมือที่คว้าคอของเขา แต่กลับถูกยกขึ้นสูงกว่าเดิม หลังจากนั้นก็ถูกเหวี่ยงลงบนพื้นเย็นเฉียบเสียงดัง ‘ตึง’!
เขารู้สึกราวกับกระโหลกของตนแตกออกเป็นสองซีก
เจ้าของรองเท้าปักดิ้นยังไม่หยุดเพียงเท่านี้ แต่ยังหิ้วคอของเขาขึ้นมาอีก หิ้วขึ้นมาอย่างกับจับลูกแมว จากนั้นก็ตูม ตูม ตูมลงบนพื้นอีก เขาแทบจะถูกฟาดจนตายคาที่!
เขาอยากตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ ทว่าคอถูกบีบเอาไว้จนเปล่งเสียงไม่ออก
เขาตั้งใจจะใช้หนอนพิษ แต่ขณะที่กำลังจะยกมือขึ้นมา ทั้งขวดทั้งโหลเหล่านั้นก็ตกลงมา
ปรมาจารย์วิชาพิษสิ้นหวังเหลือเกิน คนผู้นี้คือใคร? เหตุใดต้องมาทำร้ายเขา?!
“ใช้เลือดใคร?” เจ้าของรองเท้าปักดิ้นถาม
สายตาของปรมาจารย์ขยับเล็กน้อย มองไปยังมือข้างนั้น
เจ้าจับข้าไว้เช่นนี้ เข้าพูดไม่ได้…
เจ้าของรองเท้าปักดิ้นคลายมือออก ปล่อยเขาตกลงบนพื้นก้นจ้ำเบ้า เขาหายใจหอบกอบเอาเอากาศเข้าปอด
“ตอบมาเร็ว ใช้เลือดใคร?”
“ใช้…ใช้เลือดเด็กนั่นอ๊ากก…อ๊ากกกกกก”
“ข้าให้พูดอีกรอบ ใช้เลือดใคร?”
“ใช้…ใช้เลือดแม่นางคนนั้นอ๊ากก…อ๊ากกกกกก”
“อ๊ากกกกกก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]