“เป็นข้าที่สับสน…เป็นข้าที่สับสนเอง…” อวี้จื่อกุยทรุดฮวบลงกับพื้น หลังที่เจ็บปวดของเขาพิงกับกำแพงเย็นเฉียบ เขาโยนกระบี่ซึ่งเปื้อนเลือดในมือทิ้ง แล้วหัวเราะเย้ยหยันตนเอง
ทว่าครั้งนี้ อวี๋หวั่นไม่ได้กล่าวคำพูดจำพวก ‘ข้าบอกท่านไปตั้งแต่แรกแล้วว่าข้าไม่ได้เอาไป ท่านก็ไม่เชื่อ’ เธอจับจ้องไปที่เขาด้วยนัยน์ตาล้ำลึก “ร้อยหนอนพิษหรือ?”
“เจ้ารู้จักร้อยหนอนพิษด้วยหรือ?” อวี้จื่อกุยมองเธอด้วยความหวาดระแวง
ผู้ชายคนนี้น่าสงสัย…สายตาของอวี๋หวั่นมิได้มีพิรุษ “ข้าเป็นหมอ ข้าจะไม่รู้จักร้อยหนอนพิษได้อย่างไร?”
ที่จริงแล้วในหนังสือที่ชุยเฒ่าขายให้อวี๋หวั่นนั้นมีบันทึกเกี่ยวกับวิชาพิษแห่งหนานเจียง เพียงแต่เนื้อหาในนั้นมีไม่มาก กล่าวถึงเพียงหนอนพิษที่มักนำมาใช้ในการรักษา ร้อยหนอนพิษเป็นสิ่งที่เธอเพิ่งได้ยินจากปรมาจารย์วิชาพิษคนนั้น บ้างก็เรียกว่า ‘ราชันร้อยสัตว์พิษ’
เมื่อก่อนอวี๋หวั่นพูดความจริง อวี้จื่อกุยก็ไม่เชื่อเธอ ตอนนี้เธอโกหกออกมาเต็มปาก แต่เขากลับไม่สงสัยเลยแม้แต่น้อย
อวี้จื่อกุยแค่นเสียง กล่าวว่า “ของพรรค์นั้นจะไปเทียบกับราชันสัตว์พิษในถุงผ้าไหมได้อย่างไร? น่ากลัวจะตาย”
นัยน์ตาของอวี๋หวั่นสั่นไหวเล็กน้อย เธอพูดด้วยสีหน้านิ่ง “งั้นมันก็ชอบเลือดพลังหยินเข้มข้นหรือ?”
อวี้จื่อกุยมองอวี๋หวั่นด้วยสายตาประหลาด “เจ้ารู้จักเลือดพลังหยินเข้มข้นด้วยรึ?”
“ข้าบอกแล้วไงว่าข้าเป็นหมอ” อวี๋หวั่นตอบ
“แน่นอนว่าชอบ แต่ว่าสตรีที่มีเลือดพลังหยินเข้มข้นสูงนั้นมีไม่มาก พบได้แต่จับมาไม่ได้”
“นั่นคือ…” สายตาของอวี๋หวั่นไปหยุดอยู่ที่หน้าอกเสื้อของอวี้จื่อกุย มีถุงมือสีเงินโผล่ออกมาครึ่งหนึ่ง
อวี้จื่อกุยหยิบถุงมือออกมา “ใช้จับหนอนพิษ”
มิน่าเล่า คืนนั้นอวี้จื่อกุยถึงสวมถุงมือตาข่ายเงินตอนที่จับลูกแก้วเหล็ก ปรมาจารย์วิชาพิษก็สวมถุงมือนี้ในตอนที่ควบคุมหนอนพิษเช่นกัน สตรีพิษไม่ได้สวมถุงมือเพราะนางมีหนอนพิษที่เก่งกาจอยู่ในร่าง หนอนพิษตัวอื่นไม่กล้ากินเลือดนาง มิเช่นนั้นจะถูกพิษจนตาย
“เป็นลูกแก้วที่ใหญ่จริงๆ”
“ฟู่ว”
“มีอะไรหรือ?”
“ไม่มีอะไร รอยแผลเล็กน้อย”
ในสมองของเธอปรากฏภาพของถุงที่เธอเปิดกับไป๋ถัง
อวี๋หวั่นยกมือขึ้น มองปลายนิ้วของตน อาจจะ…ไม่ใช่รอยแผลเล็กน้อย
“อาหวั่น! อาหวั่น!”
ด้านนอกตรอกมีเสียงของอวี๋เฟิงดังขึ้น ฟังดูราวกับกำลังกระวนกระวายใจ
อวี๋หวั่นมองไปยังอวี้จื่อกุย แล้วกล่าวด้วยเสียงเย็นเยียบว่า “วันนี้เป็นโชคของท่าน ข้าจะไม่เอาชีวิตท่าน แต่ทางที่ดีท่านควรจำเอาไว้ว่าอย่ามายุ่มย่ามกับข้า คราวหน้าถ้าข้าเจอท่านอีก ข้าฆ่าท่านแน่!”
“แค่กๆ…” อวี้จื่อกุยพยายามจะพูด แต่กลับกระอักเลือดสดออกมา “ไม่ต้องให้เจ้า…ลงมือ…ข้าก็คงจะ…”
ยังพูดไม่ทันจบ เมื่ออวี้จื่อกุยหันหน้าไป ก็เห็นอวี๋หวั่นหันหลังเดินออกไปนอกตรอกเสียแล้ว
อวี๋หวั่นปล่อยอวี้จื่อกุยไป ก็เพราะเธอ ‘นำ’ ของของอวี้จื่อกุยไปจริงๆ แต่เธอก็ไม่คิดจะคืนให้เขา และไม่คิดจะบอกเขาเช่นกัน เพียงแต่ว่า ถ้าหากเดินออกมาทั้งอย่างนั้น อวี้จื่อกุยก็อาจเคลือบแคลงได้ อวี๋เฟิงมาได้จังหวะพอดี อวี้จื่อกุยจึงคิดว่าเธอออกมาเพราะพี่ชายกำลังตามหาอยู่
ในส่วนลึกของตรอก อวี้จื่อกุยพยายามกดเลือดเอาไว้ แต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับอวี๋หวั่น ผู้ชายคนนั้นร้ายเธอจนเกือบตายมาหลายครั้ง ครั้งนี้เธอหลอกเขาบ้าง นับว่าเสมอภาคกัน
จากนี้ก็ต่างคนต่างไป
“อาหวั่นเจ้าไปไหนมา?” อวี๋เฟิงถามอย่างร้อนรน เขารออยู่ที่ร้านยาอยู่นาน เมื่อไม่เห็นว่าน้องสาวกลับมา จึงไปตามที่ร้านหนังสือ คนในร้านบอกว่าแม่นางคนนั้นออกไปนานแล้ว อวี๋เฟิงกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับอวี๋หวั่น จึงรีบมาตามหา
“ข้าอยากไปซื้อขนมกุ้ยฮวา” อวี๋หวั่นพูด
อวี๋เฟิงจึงบอกว่า “ข้าไปเอง เจ้ากลับไปรอที่ร้านยาเถอะ”
อวี๋หวั่นดึงเขาเอาไว้ “ไม่ต้องแล้วพี่ใหญ่ อยู่ๆ ข้าก็นึกขึ้นได้ว่ามีเรื่องต้องไปปรึกษากับนายท่านฉิน ข้าไปก่อนนะ”
“เอ๋? เจ้าจะไปไหน? หอจุ้ยเซียนไกลนะ เจ้านั่งรถม้าไปสิ!” อวี๋เฟิงร้องเรียก หลังของอวี๋หวั่นก็ค่อยๆ ถูกกลืนหายไปในฝูงชน
อวี๋หวั่นเช่ารถม้าที่เร็วที่สุดกลับไปยังหมู่บ้านเหลียนฮวา
เมื่อรถม้าจอดสนิท อวี๋หวั่นก็เลิกม่าน แล้วหยิบเงินก้อนให้สารถี สารถีตกใจ “แม่นาง มากไปแล้วขอรับ!”
“ไม่ต้องทอน!” อวี๋หวั่นกระโดดลงจากรถม้า แล้วเดินออกไปโดยไม่หันหลังกลับมามอง
ป้าจางและป้าไป๋นั่งยองๆ ล้างผักอยู่ข้างบ่อน้ำหน้าหมู่บ้าน เมื่อเห็นอวี๋หวั่น ป้าจางก็ร้องเรียก “อาหวั่น อาหวั่นน…”
อวี๋หวั่นไม่ได้ยิน และเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ป้าจางชะเง้อคอมอง “เกิดอะไรขึ้น ระ…รีบกระไรเพียงนี้…” ไม่สนใครหน้าไหนทั้งสิ้น!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]