อวี๋หวั่นวางปิ่นปักผมไว้บนหัวเตียง ยกมือขื้นปลดผ้าคาดเอว แสงตะเกียงสลัวส่องสะท้อนดวงหน้าของเธอ มิได้ปรากฏเป็นแสงตะเกียงสีเหลือง หากแต่เป็นแสงนวลเลือนราง
เยี่ยนจิ่วเฉารู้สึกประหนึ่งลมหายใจติดขัด
เสื้อผ้าอาภรณ์ของอวี๋หวั่นเลื่อนหลุดลง
กลิ่นหอมยั่วยวนในห้องจางหายไปนานแล้ว ทว่าบัดนี้กลับรุนแรงขึ้นกว่าเดิมร้อยเท่า กลิ่นนี้กำจายไปทั่วห้อง และลอยมาแตะปลายจมูก ไม่รู้ว่าเป็นกลิ่นจากพลังหรือเป็นกลิ่นกายของเธอ
เยี่ยนจิ่วเฉาสะบัดแขนเสื้อ หายใจเข้าลึกๆ “อวี๋อาหวั่น เจ้ารู้หรือไม่ว่ากำลังทำอะไรอยู่?!”
สตรีพิษซึ่งนอนอยู่บนพื้นฟื้นแล้ว นางเงยหน้าขึ้นมาด้วยความมึนงง
อวี๋หวั่นยกขาขึ้นเตะนางจนสลบโดยที่ไม่ได้ใส่ใจจะมองนางด้วยซ้ำ
“ข้ารู้” อวี๋หวั่นกระซิบ แม้แต่น้ำเสียงก็ยังยั่วยวน เธอจับสตรีพิษขึ้นมาราวกับจับลูกไก่ จากนั้นก็โยนนางออกไปยังโถงกลางบ้าน “ถอนคำสาปให้ท่าน”
แขนทั้งสองข้างของเยี่ยนจิ่วเฉาค้ำไว้ข้างกาย เขาเอนถอยไปให้ห่างจากเธอเล็กน้อย “เจ้ากำลังใช้โอกาสจากวิกฤตของข้าอยู่”
อวี๋หวั่นยกมือขึ้นจับเข็มขัดของเยี่ยนจิ่วเฉา “คำพูดนี้ใช้กับสตรีย่อมไม่เหมาะ หรือว่าท่านอยากให้หญิงอื่นมาทำให้กัน?”
เยี่ยนจิ่วเฉาเงียบ
อวี๋หวั่นกระซิบข้างใบหูของเขา “ข้าไม่ได้ฝันถึงเรื่องในคืนนั้นแค่ครั้งเดียว…”
เยี่ยนจิ่วเฉามิใช่คนโง่ แน่นอนว่าเขาเข้าใจว่าอวี๋หวั่นหมายถึงเรื่องในคืนไหน
หัวใจของเยี่ยนจิ่วเฉากำลังรุ่มร้อน ลมหายใจไม่สม่ำเสมอ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความโกรธ หรือเพราะความอับอายกันแน่ หน้าอกของเขากระเพื่อมขึ้นลง “อวี๋อาหวั่น! เจ้าเป็นอิสตรี…มาฝันถึงเรื่องพรรค์นี้ได้อย่างไร?”
ทั้งยังไม่ใช่แค่ครั้งเดียวอีก?!
“สตรีแล้วอย่างไร? สตรีไม่มีความปรารถนาแบบปุถุชนหรืออย่างไร?” อวี๋หวั่นปลดเข็มขัดออกมา เธอกังวลจะตายอยู่แล้ว แต่ก็พยายามไม่เผยสีหน้าให้เขาเห็น
เยี่ยนจิ่วเฉาเบือนหน้าหนี “…ขาของข้าขยับไม่ได้”
“ท่านไม่ต้องขยับ” อวี๋หวั่นโยนเข็มขัดของเขาออกไป แยกขาเรียวนั่งลงบนร่างของเขา จับคางเขาหันมา ให้เขามองมายังเธอ “นอนลงดีๆ เดี๋ยวข้าจัดการเอง”
เยี่ยนจิ่วเฉา “…”
ทำไมคำพูดนี้ฟังดูแปลกๆ?
เยี่ยนจิ่วเฉา “…”
“ชู่ว” อวี๋หวั่นใช้ปลายนิ้วแตะบนริมฝีปากเยี่ยนจิ่วเฉาซึ่งแห้งผากจากอาการป่วยตลอดหลายวัน
ปลายนิ้วของอวี๋หวั่นเย็นเฉียบ เธอถอยไป หลับตาลง แล้วเอนกายลง
นี่เป็นครั้งแรกของเธอ แต่ต่อให้จะไม่เคยทำ ก็ไม่ใช่ไม่เคยดูนี่? แม้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองยังไม่พัฒนามาถึงขั้นนี้ แต่นี่เป็นวิธีถอนคำสาปเพียงวิธีเดียว เธอยินดีที่จะทำเองดีว่าให้คนอื่นทำให้เขา
ไหนเลยจะรู้ว่าวินาทีที่ทั้งสองกำลังจะสัมผัสกัน เยี่ยนจิ่วเฉาก็คว้าไม้ท่อนหนึ่งมาตีศีรษะของอวี๋หวั่น!
อวี๋หวั่นรู้สึกว่าภาพตรงหน้าดับวูบไป จากนั้นก็ล้มลงในไปในอ้อมอกของเยี่ยนจิ่วเฉา
เยี่ยนจิ่วเฉาสัมผัสได้ถึงอวี๋หวั่นซึ่งอยู่ในอ้อมอก เสื้อผ้าอาภรณ์ของอวี๋หวั่นหลุดออกไปหมด เหลือเพียงเสื้อคลุมตัวบางประหนึ่งปีกจักจั่น
เยี่ยนจิ่วเฉากลืนน้ำลาย
“คุณชาย!”
ทันใดนั้นเองเสียงของอิ่งสือซันก็ดังมาจากด้านนอก
เยี่ยนจิ่วเฉาไม่มีแรงมากพอที่จะผลักอวี๋หวั่นเข้าไปด้านในของเตียง เขาจึงรีบดึงผ้าห่มมาคลุมตัวให้อวี๋หวั่น
“คุณชาย!” อิ่งสือซันรีบร้อนเข้ามาในบ้าน ก็เห็นสตรีพิษนอนอยู่ในโถงกลางบ้าน เขาเอ่ยขึ้นอย่างรู้สึกผิดว่า “ข้าน้อยมาช้า คุณชายโปรดลงโทษ!”
เยี่ยนจิ่วเฉา “ข้าไม่ได้แตะต้องนาง! ”
“เช่นนั้นศีรษะของนางเป็นแผลเพราะอะไรหรือขอรับ?” ไม่ใช่เพราะท่านฟื้นขึ้นมาแล้วพบว่าร่างกายอันบริสุทธิ์ผุดผ่องของตนถูกทำให้แปดเปื้อน อับอายเสียจนโมโห จากนั้นก็ใช้เชิงเทียนตีนางหรอกหรือ?
เยี่ยนจิ่วเฉาถลึงตาใส่อิ่งสือซัน
อิ่งสือซันก้มหน้าด้วยความขุ่นเคือง เขากวาดสายตาไปและพบว่ามีบางอย่างผิดปกติ แม้ว่าคุณชายจะห่มผ้าอยู่ แต่มีคนคนหนึ่งนอนคว่ำหน้าบนตัวของคุณชาย เพียงแต่เขายังได้ยินเสียงหายใจ คล้ายกับคนคนนั้นหมดสติไป
อิ่งสือซันอ้าปากพะงาบ “นั่นคือ…แม่นางอวี๋หรือขอรับ?”
เยี่ยนจิ่วเฉาพึมพำว่า ‘อืม’
“เป็นนางจริงหรือ?” อิ่งสือซันเดาไปเรื่อยเปื่อย ใครจะไปคิดว่าครั้งนี้เขาเดาถูก เช่นนั้นก็หมายความว่าแม่นางอวี๋มาทันเวลา และตีสตรีพิษจนหมดสติไป?
แน่นอนว่าอิ่งสือซันเดาไม่ถูกว่าแท้จริงแล้วเยี่ยนจิ่วเฉาลงตีสตรีพิษกับมือก็เพื่อปกป้องความบริสุทธิ์ผุดผ่องของตนเอง
“แล้วแม่นางอวี๋เป็นอะไรเล่าขอรับ? เหตุใดนางหมดสติไป” อิ่งสือซันเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ
อิ่งสือซันจึงบอกว่า “อวี้จื่อกุยถูกอาจารย์ไล่ล่า ได้ยินว่าเขาหักหลังอาจารย์”
“ขอจุดสำคัญ” เยี่ยนจิ่วเฉาพูดเบาๆ
“ขอรับ” อิ่งสือซันเข้าประเด็นทันที “สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของอาณาจักรหนานจ้าวสูญหายไป เจ้าสำนักรับเงินจากอาณาจักรหนานจ้าว และช่วยพวกเขาตามหาสัตว์ศักดิ์สิทธิ์”
เยี่ยนจิ่วเฉาครุ่นคิด “คงไม่ใช่ถุงผ้าไหมหรอกกระมัง?”
“เป็นถุงผ้าไหมนั่นแหละขอรับ! แม่นางอวี๋คืนถุงผ้าไหมให้อวี้จื่อกุยไปแล้ว แต่ถ้าหากข้าเดาไม่ผิด สัตว์ศักดิ์สิทธิ์คงถูกแม่นางอวี๋เอาไปแล้ว ส่วนเรื่องที่ว่าแม่นางอวี๋ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจเอาไปนั้น ย่อมไม่อาจรู้ได้”
ใบหน้าซีดเผือดของเยี่ยนจิ่วเฉาดูประหนึ่งเขากำลังใช้ความคิด “สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของอาณาจักรหนานจ้าวคืออะไร?”
อิ่งสือซันตอบด้วยสีหน้าซึ่งไม่อาจแอบซ่อนความกลัวเอาไว้ได้ “ราชันสัตว์พิษขอรับ ราชันหมื่นสัตว์พิษ!”
เยี่ยนจิ่วเฉา “…”
เยี่ยนจิ่วเฉาซึ่งก่อนหน้านี้มีสีหน้าสงบนิ่ง บัดนี้อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าลึก ราชันหมื่นสัตว์พิษ นั่นเป็นอาวุธในตำนาน เก่งกาจไม่แพ้หน่วยกล้าตายหน้ากากเงินหนึ่งคน สตรีคนนี้เอาอะไรไม่เอา ดันไปเอาราชันหนอนพิษมาเนี่ยนะ?
อิ่งสือซันพูดต่อ “ราชันหนอนพิษเป็นของเผ่าปีศาจ เผ่าปีศาจมอบให้อาณาจักรหนานจ้าวก่อนที่พวกเขาจะกลับไป หลังจากนั้นจึงถูกอาณาจักรหนานจ้าวบูชาเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์”
ข้อมูลเหล่านี้เป็นข้อมูลที่อิ่งลิ่วสืบมาได้ ไม่แน่ว่าอาจมีรายละเอียดอื่นๆ ด้วย ทว่าเรื่องที่เกี่ยวข้องกับราชันสัตว์พิษและอวี๋หวั่น ไม่มีผิดเพี้ยนอย่างแน่นอน
อวี๋หวั่นมีเลือดพลังหยินเข้มข้นสูงซึ่งหาได้ยากยิ่ง บางทีนางอาจไม่ได้ตั้งใจจับราชันสัตว์พิษมา หากแต่มันเลือกนางเอง
ถ้าหากในร่างของนางมีราชันสัตว์พิษ เช่นนั้นนางก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดยิ่งกว่าสตรีพิษคนอื่นๆ
“เช่นนั้นแม่นางอวี๋บอกว่าจะถอนพิษให้คุณชาย ก็ย่อมเป็นสิ่งที่สมควรแล้ว” อิ่งลิ่วยืนนิ่งเงียบมาตลอด ในที่สุดก็หาจังหวะเอ่ยปาก เขาพูดขึ้นมาเร็วเกินไป อิ่งสือซันคิดจะห้ามเขาแต่ก็ไม่ทันการเสียแล้ว “นางไม่ได้ปรารถนาร่างกายของคุณชาย นางอยากจะถอนคำสาปให้คุณชายจริงๆ!”
อิ่งสือซันปิดตา…
สิ่งที่คุณชายคิด เขาก็คิดได้ สิ่งที่คุณชายไม่ทันคิด เขาก็คิดได้เช่นกัน อิ่งลิ่วคิดว่าคุณชายต้องตบรางวัลเขาเป็นแน่!
“คุณชาย!” อิ่งลิ่วยืดอก (น้อยๆ) ด้วยความเปรมปรีดิ์
สายตาของเยี่ยนจิ่วเฉาเย็นเยียบขึ้นทันที “เงินเดือนเดือนนี้ของเจ้า ไม่ต้องรับ”
อิ่งลิ่ว “!!!”
……………………………….
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]